ระบบอัตโนมัติ คือความสำเร็จบนเส้นทางทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัลขององค์กร

Red Hat

ระบบอัตโนมัติ คือความสำเร็จบนเส้นทางทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัลขององค์กร

โดย กวินธร ภู่ตระกูล ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เร้ดแฮท (ประเทศไทย) จำกัด

ความท้าทายของธุรกิจในปัจจุบันคือจำเป็นต้องดำเนินงานให้ฉับไวมากขึ้นกว่าในอดีต ใช้ทรัพยากรน้อยลง ทั้งด้านงบประมาณและบุคลากร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงกลางปี 2563 ซึ่งบุคลากรจำนวนมากต้องทำงานจากบ้านในช่วงที่โควิดแพร่ระบาด ส่งผลให้ฝ่ายไอทีขององค์กรหลายแห่งต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงานและทบทวนขีดความสามารถในการให้บริการแก่ลูกค้าและการขยายธุรกิจให้เติบโตในช่วงสถานการณ์ความไม่แน่นอน  ทางออกของความท้าทายนี้อาจเป็นระบบอัตโนมัติ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ยังไม่ได้นำมาใช้งานอย่างเต็มศักยภาพ

ระบบอัตโนมัติทางธุรกิจ: เริ่มต้นที่คำจำกัดความ

คำจำกัดความของระบบอัตโนมัติทางธุรกิจ (Business Automation) กำลังเปลี่ยนไป เนื่องจากองค์กรต่าง ๆ ได้หันไปให้ความสำคัญกับการปรับเปลี่ยนไปสู่ดิจิทัล ในอดีต องค์กรมักจะเน้นปรับเปลี่ยนกระบวนการทางธุรกิจให้เป็นอัตโนมัติ เช่น การจัดเก็บข้อมูล แต่ทุกวันนี้ องค์กรทุกแห่งต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เกิดจากเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Disruption) และจำเป็นต้องนำระบบอัตโนมัติต่าง ๆ มาใช้ เพื่อช่วยทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัล  ก่อนหน้านี้ การใช้ระบบอัตโนมัติเน้นไปที่การปรับเปลี่ยนการทำงานต่าง ๆ ให้เป็นรูปแบบอัตโนมัติ แต่ปัจจุบัน ควรพิจารณานำระบบอัตโนมัติไปใช้ทางธุรกิจมากขึ้น เช่น การปรับเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาแอปพลิเคชั่นแบบใหม่ ให้สอดคล้องกับกระบวนการทางธุรกิจ แล้วจึงจัดโมเดลเหล่านี้ให้เป็นระบบที่ง่ายต่อการบำรุงรักษาและกระจายการทำงาน

แต่เดิม เทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น การจัดการกระบวนการทางธุรกิจ (Business Process Management: BPM), การจัดการการตัดสินใจ (Decision Management) และการประมวลผลเหตุการณ์ที่ซับซ้อน (Complex Event Processing: CEP) ถูกนำมาใช้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและควบคุมค่าใช้จ่ายให้กับส่วนงานต่าง ๆ ภายในองค์กร  แต่ปัจจุบัน เทคโนโลยีเหล่านี้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่รองรับการทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัล การนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ให้สอดคล้องกับเครื่องมือและแนวทางการพัฒนาโมเดิร์นแอปพลิเคชั่นแบบคลาวด์เนทีฟ จะช่วยให้องค์กรนำเสนอแอปพลิเคชั่นใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น

บทบาทของระบบอัตโนมัติ ต่อการทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น

แม้ว่าความจำเป็นในการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นจะขึ้นอยู่กับความต้องการที่เฉพาะเจาะจงของแต่ละองค์กร แต่เป็นที่ชัดเจนว่าดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นคือกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดได้ในสภาพตลาดปัจจุบัน รายงานผลการศึกษาของไอดีซี ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเร้ดแฮท ชี้ว่า บุคลากรฝ่ายไอที 86% ระบุว่า “ระบบอัตโนมัติมีความสำคัญอย่างมากหรือมีความสำคัญสูงสุดต่อกลยุทธ์ด้านคลาวด์ในอนาคตขององค์กร” แนวทางการสร้างระบบอัตโนมัติที่ครอบคลุมทั่วทั้งองค์กรจะต้องรวมถึงการปรับเปลี่ยนวิธีที่บุคลากร กระบวนการ และแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทำงานร่วมกันด้วย

ตัวอย่างที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงคุณประโยชน์ของระบบอัตโนมัติก็คือ บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ (Ascend Money) ของไทย ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีด้านการเงินที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย มีลูกค้ากว่า 40 ล้านคนใน 6 ประเทศ  แอสเซนด์ มันนี่เติบโตอย่างรวดเร็วจากการเข้าซื้อกิจการหลายแห่ง และการที่ทีมงานในแต่ละประเทศมีวิธีการพัฒนาและใช้ดิจิทัลแอปพลิเคชั่นแตกต่างกัน ส่งผลให้ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทฯ ต้องการปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานด้วยการสร้างแพลตฟอร์มกลางสำหรับการพัฒนาและติดตั้งแอปพลิเคชั่น  แอสเซนด์ มันนี่ ได้กำหนดมาตรฐานเกี่ยวกับกระบวนการ และการให้บริการแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ บน OpenShift Container Platform ของเร้ดแฮท ซึ่งทำงานอยู่บนเทคโนโลยี Kubernetes container orchestration  นอกจากนี้ Ansible automation ยังช่วยให้แอสเซนด์ มันนี่ สามารถขยายผลิตภัณฑ์และบริการทางธุรกิจได้อย่างง่ายดาย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างทันท่วงที

ระบบอัตโนมัติขับเคลื่อนนวัตกรรมทางธุรกิจ

การขยายระบบอัตโนมัติไปใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ จะช่วยให้ทำงานแบบแมนนวลน้อยลง  ทีมงานฝ่ายไอทีสามารถนำกระบวนการใหม่ ๆ เช่น DevOps และ DevSecOps ไปใช้ได้ และสามารถพัฒนาและอัพเดตแอปพลิเคชั่นใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว

ระบบอัตโนมัติยังช่วยเรื่องการบริการตนเองหรือทำงานได้ด้วยตนเองและการมอบหมายงาน ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ผู้คนจำนวนมากต้องทำงานภายใต้เงื่อนไขใหม่ ๆ เช่น พนักงานจำนวนมากที่ทำงานจากระยะไกล ทำให้เราทุกคนล้วนได้รับแรงกดดันทั้งในเรื่องของทรัพยากรและเวลาที่จำกัด  การมอบหมายงานและการทำงานได้ด้วยตนเองมีความสำคัญมากต่อการรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ เหล่านี้

อย่างไรก็ตาม ทีมไอทีย่อมจะไม่สามารถเขียนโค้ดและสร้างผลิตภัณฑ์ได้หากขาดการตรวจสอบและการควบคุมที่เพียงพอ องค์กรอาจได้รับความเสี่ยงจากช่องโหว่ด้านความปลอดภัย และทำให้ต้องสิ้นเปลืองทรัพยากรที่มีค่า เวลา และเงินไปกับการแก้ปัญหาที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นตั้งแต่แรก  ดังนั้น ในการนำระบบอัตโนมัติมาใช้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการกำกับดูแลว่า “ใครได้รับอนุญาตให้ทำอะไรได้บ้าง”

 

ก้าวต่อไป: ระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI

ปัจจุบันระบบอัตโนมัติช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนบุคลากรด้านไอที และเพิ่มความคล่องตัวในการสร้างสรรค์นวัตกรรม  ปรับปรุงประสิทธิภาพ เพิ่มความน่าเชื่อถือ ยกระดับขีดความสามารถด้านการคาดการณ์ ควบคู่ไปกับการลดค่าใช้จ่าย ความผันผวน และความเสี่ยง 

เทคโนโลยีและรูปแบบการใช้งานสำหรับระบบอัตโนมัติทางธุรกิจมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง  ผู้รับผิดชอบด้านเทคโนโลยีที่ต้องประเมินแนวทางที่ดีที่สุดในการขับเคลื่อนความคล่องตัวทางธุรกิจ ควรมองหาโซลูชั่นที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการนโยบาย การบังคับใช้ และกระบวนการได้ในระดับโดเมน  การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในเวลาเดียวกัน ณ จุดเดียว จะช่วยให้ปรับขยายการทำงานได้ง่าย ควบคู่กับการใช้เวลาที่ลดลง เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถจัดสรรทรัพยากรให้กับโครงการสำคัญ ๆ ได้มากขึ้น  หากการปรับตัวคือเป้าหมายหลักในปี 2563 ในปี 2564 องค์กรก็ควรยกระดับมาพิจารณานำระบบอัตโนมัติทางธุรกิจมาเป็นส่วนหนึ่งของโรดแมปการทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัล

การขยายธุรกิจร่วมกับพาร์ทเนอร์ในปี 2564 พาร์ทเนอร์มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนความสำเร็จของเร้ดแฮท

Red Hat

การขยายธุรกิจร่วมกับพาร์ทเนอร์ในปี 2564 พาร์ทเนอร์มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนความสำเร็จของเร้ดแฮท

เร้ดแฮท
โดย กวินธร ภู่ตระกูล ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัทเร้ดแฮท (ประเทศไทย) จำกัด

จากโพสต์ของพอล คอร์เมียร์ ประธานและซีอีโอของเร้ดแฮท ผมขอกล่าวย้อนอดีตถึงช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อเครือข่ายพาร์ทเนอร์ของเรา รวมไปถึงทิศทางในอนาคต เป็นอีกครั้งหนึ่งที่พอลได้อธิบายถึงความสำคัญของพาร์ทเนอร์ต่อเรื่องราวความสำเร็จทางธุรกิจของเร้ดแฮท:

“ช่องทางจัดจำหน่ายคือหัวใจสำคัญของเร้ดแฮท  ถ้าหากไม่มีเครือข่ายพาร์ทเนอร์ เร้ดแฮทก็จะไม่ได้เป็นบริษัทดังวันนี้”

พาร์ทเนอร์เปรียบเสมือนเนื้อเยื่อที่เชื่อมต่อระหว่างเร้ดแฮทกับลูกค้า ซึ่งเป็นเช่นนี้มาโดยตลอดในเกือบทุกช่วงเวลาของประวัติการดำเนินงานของเร้ดแฮท รวมถึงในช่วงปี 2563 และจะเป็นเช่นนี้ต่อไปขณะที่เราร่วมกันขยายธุรกิจให้เติบโตในปี 2564  เร้ดแฮทและพาร์ทเนอร์ของเราพิสูจน์ให้เห็นถึงความยืดหยุ่นในการดำเนินงานในช่วงปีที่ผ่านมา แต่สิ่งที่โดดเด่นอย่างแท้จริงก็คือ แรงขับเคลื่อนที่เกิดจากพาร์ทเนอร์ในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยปัญหาท้าทายและความไม่แน่นอน

เมื่อโลกเปลี่ยนไป เร้ดแฮทได้พึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานโอเพ่นซอร์สของเรา รวมถึงเครือข่ายพาร์ทเนอร์ที่กว้างขวาง เพื่อช่วยให้ลูกค้าดำเนินการปรับเปลี่ยนและปรับขนาดธุรกิจเพื่อตอบโจทย์ความต้องการใหม่ๆ  องค์กรต่างๆ ต้องปรับเปลี่ยนการดำเนินงานและบริการต่างๆ ภายในเวลาชั่วข้ามคืน และในหลายๆ กรณี จำเป็นต้องเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation)  ระบบโอเพ่นไฮบริดคลาวด์ (Open Hybrid Cloud) ไม่ได้เป็นเพียงแค่ทางเลือกสำหรับธุรกิจอีกต่อไป แต่เป็นมาตรการที่จำเป็นสำหรับการดำเนินธุรกิจ

ด้วยเหตุนี้ พาร์ทเนอร์ของเร้ดแฮทจึงมีบทบาทสำคัญเพิ่มมากขึ้นในการนำพาลูกค้าองค์กรทั่วโลกก้าวไปข้างหน้าสู่อนาคตที่เปิดกว้างและปลอดภัยมากขึ้น  และจากผลงานที่ผ่านมา เร้ดแฮทเชื่อมั่นในศักยภาพของพาร์ทเนอร์ซึ่งจะช่วยผลักดันความสำเร็จที่ยั่งยืนในอนาคต

เร้ดแฮท

ยอมรับความเปลี่ยนแปลง

อุตสาหกรรมเทคโนโลยีมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงและมีการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง  แน่นอนว่าปี 2563 คือช่วงเวลาสำคัญที่เต็มไปด้วยความท้าทาย แต่เร้ดแฮทและพาร์ทเนอร์ของเราก็สามารถฟันฝ่าวิกฤติและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์และปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

เมื่อปีที่แล้ว เราได้เปิดตัว แพลตฟอร์ม Renewals Intelligence ซึ่งช่วยให้พาร์ทเนอร์ได้รับทราบข้อมูลที่ชัดเจน สามารถนำไปใช้งานในทางปฏิบัติ เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจในส่วนของการต่ออายุสัญญาการใช้บริการร่วมกับเร้ดแฮท  ตั้งแต่ข้อมูลผลการดำเนินงานในอดีตไปจนถึงข้อมูลคาดการณ์เกี่ยวกับการขาย แพลตฟอร์ม Renewals Intelligence ช่วยให้พาร์ทเนอร์ตรวจสอบติดตามโอกาสทางธุรกิจ เพื่อรักษาและขยายฐานลูกค้าที่มีอยู่  ปัจจุบันพาร์ทเนอร์ด้านช่องทางจัดจำหน่ายของเร้ดแฮทกว่า 180 รายกำลังใช้งานแพลตฟอร์ม Renewals Intelligence

ในปี 2563 องค์กรต่างๆ ทั่วโลกกำลังสานต่อหรือปรับเปลี่ยนโครงการดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น พาร์ทเนอร์ของเราได้ให้ความช่วยเหลือแก่องค์กรเหล่านี้เพื่อให้ประสบความสำเร็จในการดำเนินโครงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีการใช้ Red Hat OpenShift และ  Red Hat Ansible Automation Platform เป็นแพลตฟอร์มสำหรับรองรับเวิร์กโหลดอัตโนมัติที่ยืดหยุ่นและคล่องตัว โดยครอบคลุมเครือข่ายพาร์ทเนอร์ทั่วโลกของเรา

 

เสริมศักยภาพให้กับพาร์ทเนอร์ด้วยการฝึกอบรมและการรับรองความเชี่ยวชาญ

อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้พาร์ทเนอร์ประสบความสำเร็จก็คือ โครงการ Red Hat Online Enablement  Network (OPEN) ของเรา ซึ่งมีการจัดฝึกอบรมในหลากหลายหลักสูตรและการรับรองความเชี่ยวชาญ เพื่อช่วยให้พาร์ทเนอร์เพิ่มพูนทักษะเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของเร้ดแฮท รวมไปถึงเทคโนโลยีโอเพ่นไฮบริดคลาวด์

ในปี 2563 เราได้เปิดตัวหลักสูตรใหม่และหลักสูตรปรับปรุง 131 หลักสูตร เช่น หลักสูตรที่เกี่ยวกับบริการแอพพลิเคชั่น, OpenShift, Ansible Automation Platform และ Quarkus เป็นต้น  นอกจากนี้ เร้ดแฮทยังได้ปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้สำหรับระบบการฝึกอบรม Red Hat OPEN โดยเพิ่มเติมฟังก์ชั่นใหม่สำหรับการแชร์ข้อมูล เพื่อให้พาร์ทเนอร์สามารถแชร์ลิงค์ที่เชื่อมโยงไปยังทรัพยากรต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย และยังมีตัวเลือกเพิ่มเติมสำหรับให้พาร์ทเนอร์ขอรับคำแนะนำเกี่ยวกับหลักสูตรการฝึกอบรมที่ควรเรียนรู้ โดยอ้างอิงจากหัวข้อที่สนใจเป็นพิเศษ

ที่สำคัญก็คือ เมื่อปีที่แล้ว มีพาร์ทเนอร์ของเร้ดแฮทได้รับการรับรองความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคและการขายกว่า 44,000 รายการทั่วโลก

 

อนาคตข้างหน้า

สำหรับปีนี้ เร้ดแฮทมีแผนที่จะกระตุ้นการมีส่วนร่วมในเครือข่ายพาร์ทเนอร์ของเรา โดยใช้กลยุทธ์ที่มุ่งเน้นลูกค้า โดยเราจะร่วมมือกับพาร์ทเนอร์เพื่อผลักดันความสำเร็จที่ต่อเนื่องของลูกค้า โดยอาศัยเทคโนโลยีของเร้ดแฮทและนวัตกรรมของพาร์ทเนอร์  ด้วยการผสานรวมกลุ่มผลิตภัณฑ์โอเพ่นซอร์สชั้นนำของเร้ดแฮทเข้ากับทักษะความชำนาญเฉพาะด้านเพื่อตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา พาร์ทเนอร์จะสามารถสร้างโซลูชั่นแบบครบวงจร จัดจำหน่ายซอฟต์แวร์ที่มีอยู่ และนำเสนอบริการที่มอบมูลค่าทางธุรกิจที่เหนือกว่าให้แก่ลูกค้า

พาร์ทเนอร์หลายรายของเราเริ่มต้นจาก Red Hat Enterprise Linux (RHEL) แล้วต่อด้วย Red Hat OpenShift แต่เราทำงานอย่างจริงจังเพื่อช่วยให้พาร์ทเนอร์ขยายขีดความสามารถให้ครอบคลุมสถาปัตยกรรมโอเพ่นไฮบริดคลาวด์ทั้งหมด และตอนนี้ พาร์ทเนอร์มีโอกาสที่จะขยายผลิตภัณฑ์และบริการที่นำเสนอ เพื่อให้ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากเทคโนโลยีของเร้ดแฮท นอกเหนือไปจาก RHEL และ OpenShift ซึ่งจะช่วยให้สามารถรองรับการจัดการเวิร์กโหลดในสภาพแวดล้อมคลาวด์หรือระบบที่ติดตั้งภายในองค์กร รวมไปถึงแอพพลิเคชั่นแบบคลาวด์เนทีฟ และอื่นๆ  ขั้นถัดไปเรามีแผนที่จะผลักดันในส่วนของระบบประมวลผลเอดจ์คอมพิวติ้ง (Edge Computing), บริการ Managed Services และระบบรักษาความปลอดภัย

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว เราได้ขยายกิจกรรมที่ดำเนินการร่วมกับพาร์ทเนอร์ทั่วโลก และยกระดับความสัมพันธ์กับพาร์ทเนอร์รายสำคัญที่ทำงานร่วมกันมาอย่างยาวนาน  เครือข่ายพาร์ทเนอร์ของเร้ดแฮทครอบคลุมขอบเขตที่กว้างขวาง ตั้งแต่ผู้ให้บริการโซลูชั่นไปจนถึงบริษัทซอฟต์แวร์อิสระ (ISV) และผู้ติดตั้งระบบ (SI) ทั้งยังมีความร่วมมือกับผู้ให้บริการคลาวด์สาธารณะอีกด้วย  ขณะที่เราก้าวเข้าสู่ปี 2564 ลูกค้าหลายรายกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาไปสู่ไฮบริดคลาวด์ ขณะที่พาร์ทเนอร์ของเรากำลังเสริมสร้างทักษะและความเชี่ยวชาญในระดับที่สูงขึ้น และเราคาดหวังว่าจะประสบความสำเร็จร่วมกับพาร์ทเนอร์มากยิ่งขึ้นไปอีกในอนาคต

การดำเนินการของเราร่วมกับพาร์ทเนอร์มีความคืบหน้าอย่างเห็นได้ชัด โดยอาศัยเครื่องมือใหม่ๆ เช่นแพลทฟอร์ม Renewals Intelligence และการขยายการฝึกอบรมหลักสูตร OPEN และเรามีแผนที่จะพัฒนาต่อยอดเพื่อให้ครอบคลุมส่วนอื่นๆ ภายในระบบนิเวศน์ของเรา  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ISV และ SI มีความพร้อมที่จะเติบโตไปพร้อมๆ กับเร้ดแฮท ด้วยการสร้าง การจัดจำหน่าย และการให้บริการซัพพอร์ตสำหรับโซลูชั่นต่างๆ ร่วมกันในปี 2564

พร้อมกันนี้ เรามองว่าบริการ Managed Services เป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับการดำเนินงานบนระบบไฮบริดคลาวด์ และพาร์ทเนอร์ของเร้ดแฮทมีบทบาทหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจในส่วนนี้  ผู้ให้บริการคลาวด์สาธารณะรายสำคัญได้นำเสนอ OpenShift Dedicated ในรูปแบบของบริการที่ได้รับการจัดการอย่างสมบูรณ์สำหรับ Red Hat OpenShift บน AWS, Google Cloud Platform และ Microsoft Azure  ขณะที่เราขยายขอบเขตการนำเสนอเทคโนโลยีโดยอาศัยความร่วมมือกับบริษัทต่างๆ รวมไปถึงผู้ให้บริการคลาวด์สาธารณะ เรามีเป้าหมายที่จะช่วยให้พาร์ทเนอร์และลูกค้าที่ใช้ระบบคลาวด์ใดๆ ก็ตามได้รับประโยชน์ทางธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม

นอกจากนี้ เร้ดแฮทยังมีการมอบรางวัล Red Hat ASEAN Partner Synergy Awards ประจำปี 2564 ให้แก่พาร์ทเนอร์ดูแลกลุ่มองค์กรธุรกิจและภาครัฐ เพื่อยกย่องความสำเร็จและความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมโซลูชั่นโดยใช้เทคโนโลยีของเร้ดแฮท เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและปรับปรุงผลประกอบการทางด้านธุรกิจ สำหรับรางวัลในปีนี้ มีพาร์ทเนอร์ไทยได้รับรางวัลเจ็ดรายในแปดสาขาด้วยกัน คือ

บริษัท จีเอเบิล จำกัด [Advanced Partner of the Year], บริษัท ยิบอินซอย จำกัด

[Commercial Partner of the Year และ Strategic Products Partner of the Year], บริษัท อินแกรม ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด [Distributor of the Year], บริษัท วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) จำกัด [Net New Business Partner of the Year], บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด [OEM Partner of the Year], บริษัท สิริซอฟต์ จำกัด [Ready Partner of the Year] และ บริษัท วีโนฮาว (ประเทศไทย) จำกัด [Training Partner of the Year] รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรางวัล