DNB และ อีริคสัน เพิ่มศักยภาพเครือข่าย 5G ของมาเลเซียด้วยเทคโนโลยี 5G Advanced

DNB และ อีริคสัน เพิ่มศักยภาพเครือข่าย 5G ของมาเลเซียด้วยเทคโนโลยี 5G Advanced

DNB และ อีริคสัน เพิ่มศักยภาพเครือข่าย 5G ของมาเลเซียด้วยเทคโนโลยี 5G Advanced

  • เครือข่าย 5G ของ DNB เป็นหนึ่งในเครือข่ายแรกที่เปิดตัวเทคโนโลยี 5G Advanced ตอกย้ำความเป็นผู้นำ 5G ระดับโลกของมาเลเซีย
  • 5G Advanced ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพ เพิ่มการประหยัดพลังงานและความเสถียรให้กับเครือข่าย 5G ของมาเลเซีย
  • สำหรับภาคธุรกิจ นั่นหมายถึงความสามารถของการนำ IoT มาใช้งานที่เพิ่มขึ้น ประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีขึ้น และศักยภาพในการสร้างนวัตกรรมที่คุ้มค่า

บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติของประเทศมาเลเซีย หรือ Digital Nasional Berhad: (DNB) และ อีริคสัน ได้เปิดตัวเทคโนโลยี 5G Advanced บนเครือข่ายของ DNB ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่ายแรกที่เปิดตัวเทคโนโลยีนี้ โดยเทคโนโลยีใหม่นี้ใช้ประสิทธิภาพจาก AI เพื่อยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้ด้วยความหน่วงต่ำพิเศษและรองรับปริมาณงานสูง เพื่อมอบประสบการณ์ที่เสมือนจริง

งานเปิดตัวนี้จัดขึ้นที่ My5G Portal Experience Centre ของ DNB ที่ตั้งอยู่ที่ย่าน Tun Razak Exchange หรือ TRX ศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ที่สำคัญของมาเลเซีย โดยมี นาย YB Gobind Singh Deo รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเป็นประธาน พร้อมด้วยผู้นำจากหน่วยงานรัฐบาลและผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือต่าง ๆ ในงานเปิดตัวเป็นการแสดงสดจากวงดนตรีที่สมาชิกวงอยู่กันสองสถานที่ โดยอาศัยประสิทธิภาพจากความหน่วงที่ต่ำพิเศษ แบนด์วิดธ์ที่สูง และความเสถียรของ 5G Advanced ทำให้วงสามารถเล่นพร้อมกันได้แบบเรียลไทม์ การสาธิตนี้ยังแสดงให้เห็นศักยภาพในการใช้งานด้านอื่น ๆ อาทิ การผ่าตัดทางไกล (Remote Surgery) และการศึกษาผ่านเทคโนโลยีเสมือนจริง (Immersive Education)

5G Advanced เป็นการต่อยอดพัฒนาขึ้นมาจากเครือข่าย 5G ทำให้เครือข่ายสามารถมอบประสบการณ์ให้กับผู้ใช้ได้อย่างสม่ำเสมอและเหนือชั้นในทุกเวลาและสถานที่ และมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมบนเครือข่ายเพื่อให้บรรลุผลลัพธ์ตามต้องการ โดยเครือข่าย DNB ยังได้รับประสิทธิภาพการดำเนินงานตามแนวทาง AI Intent-Based ของอีริคสัน เพื่อสร้างเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งความก้าวหน้าเหล่านี้สามารถช่วยยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้และเปิดโอกาสให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมสำหรับผู้บริโภค รวมถึงแอปพลิเคชันทางธุรกิจที่ไม่สามารถทำได้ด้วยเครือข่าย 5G แบบมาตรฐาน

โซลูชัน 5G Advanced ของอีริคสัน เช่น RedCap สามารถรองรับการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น โดยยืดอายุแบตเตอรี่และลดความซับซ้อนในอุปกรณ์ต่าง ๆ อาทิ อุปกรณ์สวมใส่และเซ็นเซอร์อุตสาหกรรม สำหรับภาคธุรกิจ นี่หมายถึงการใช้งาน IoT ที่ดีขึ้น ในประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีกว่า และมีวิธีที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้นในการสร้างนวัตกรรม โดย 5G Advanced ยังนำเสนอโซลูชันตามเจตนารมณ์ หรือ Intent-Based Solutions อาทิ ระบบประหยัดพลังงานอัตโนมัติ (Automated Energy Saver) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสมัครใช้บริการ Energy Efficiency and Management ของอีริคสัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานอย่างสูงสุด

ในสุนทรพจน์ของนาย YB Gobind แสดงถึงความหวังในการยกระดับเครือข่าย 5G ของมาเลเซีย โดยเน้นส่งเสริมการใช้งาน 5G ให้มากขึ้นในหมู่ผู้ใช้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคธุรกิจ “การเร่งการใช้งาน 5G ในธุรกิจต่าง ๆ มีความสำคัญต่อการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันของมาเลเซีย ไม่เพียงแต่ทำให้มาเลเซียเป็นผู้นำด้าน 5G ในช่วงที่ประเทศเป็นประธานอาเซียนในปีนี้เท่านั้น แต่ยังส่งเสริมการลงทุนดิจิทัลและมอบประโยชน์ให้กับประเทศเราในระดับภูมิภาค”

Datuk Azman Ismail ซีอีโอของ DNB กล่าวว่า “เครือข่าย 5G ของเราได้รับการยอมรับในระดับโลกในด้านประสิทธิภาพและความเสถียร DNB มุ่งหวังที่จะช่วยเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของธุรกิจในภาคส่วนต่าง ๆ ด้วยเทคโนโลยี 5G Advanced อาทิ ภาคการผลิต สาธารณสุข โลจิสติกส์ น้ำมันและก๊าซ เกษตรกรรม และการท่องเที่ยว ด้วยเครื่องมือขั้นสูงในการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่พร้อมส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่เหนือชั้นกว่า”

David Hagerbro ประธานบริษัท อีริคสัน ประจำมาเลเซีย ศรีลังกา และบังกลาเทศ กล่าวว่า “เทคโนโลยี 5G Advanced เปิดใช้งานแล้วบนเครือข่ายของ DNB โดยอีริคสันยังคงมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพของ 5G Advanced ร่วมกับ DNB อย่างมียุทธศาสตร์เพื่อทำให้เครือข่ายมีความอัจฉริยะ มีประสิทธิภาพสูง และปลอดภัยยิ่งขึ้น สำหรับ DNB เป็นผู้นำระดับโลกด้าน 5G อยู่แล้ว และการเปิดตัว 5G Advanced จะช่วยตอกย้ำความเป็นผู้นำให้กับบริษัทฯ”

DNB ยังคงสนับสนุนการใช้งาน 5G ในกลุ่มสาธารณะ องค์กร และธุรกิจผ่านความร่วมมือและเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้ของโครงการการศึกษา ‘My5G Portal’ ภายใน DNB’s immersive 5G experience center เพื่อแสดงยูสเคสการใช้งานมากกว่า 50 ยูสเคสใน 12 อุตสาหกรรม นำเสนอประสบการณ์ที่จับต้องได้ให้แก่ผู้เยี่ยมชมเกี่ยวกับศักยภาพของเทคโนโลยี 5G สำหรับปฏิวัติวิธีที่ผู้คนทำงาน ดำเนินชีวิต และเล่นด้วยกัน

สิ้นเดือนธันวาคมปี 2567 มาเลเซียมีผู้สมัครใช้บริการ 5G ประมาณ 18.2 ล้านราย คิดเป็นสัดส่วนการใช้งานที่ 53.4% ตามที่มาเลเซียมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีในภูมิภาค ดังนั้นการนำเทคโนโลยี 5G Advanced มาใช้จะมีบทบาทสำคัญเพื่อบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจพร้อมส่งเสริมสังคมที่เชื่อมต่อถึงกันมากยิ่งขึ้น

Ericsson Mobility Report: early movers pursue performance-based business models

Ericsson Mobility Report: early movers pursue performance-based business models

Ericsson Mobility Report: early movers pursue performance-based business models

  • Global mobile network data traffic projected to grow almost 200 percent between 2024 and the end of 2030
  • 6.3 billion global 5G subscriptions forecast by the end of 2030 – of which 60 percent are expected to be 5G SA
  • Report includes case studies from T-Mobile (U.S.A.), Elisa (Finland), and stc (KSA)

5G Standalone (5G SA) and 5G Advanced are expected to be key focuses for communications service providers (CSPs) for the remainder of the decade as they deploy new capabilities to create offerings centered on value delivery rather than data volume. The analysis is included among a wealth of statistical network insights in the November 2024 edition of the Ericsson (NASDAQ: ERIC) Mobility Report, which extends the forecast period until the end of 2030.

While the rate of mobile network traffic data growth is declining – estimated at 21 percent year-on year for 2024 – it is still expected to grow almost three-fold by the end of 2030 from present day numbers.

The report highlights how early-mover service providers are already offering value delivery models based on differentiated connectivity – guaranteed uninterrupted high-end connectivity when you need it most – to create new monetization and growth opportunities. Related case studies from T-Mobile in the U.S. and Elisa in Finland are included.

Fredrik Jejdling, Executive Vice President, Head of Business Area Networks, Ericsson, says: “Service differentiation and performance-based opportunities are crucial as our industry evolves. This is highlighted in the November 2024 Ericsson Mobility Report, which includes detailed analysis, statistical insights, and customer use cases. The shift towards high-performing programmable networks, enabled by openness and cloud, will empower service providers to offer and charge for services based on the value delivered, not merely data volume. This report offers valuable insights into what our industry can achieve and the steps necessary to get there.”

The report underlines the global potential for differentiated connectivity development by highlighting that, beyond China, 5G mid-band is currently only deployed at about 30 percent of sites globally.

Of about 320 CSPs currently offering commercial 5G services, less than 20 percent are 5G SA. The densification of mid-band and 5G SA sites is seen as a key catalyst to capitalize on the full potential of 5G, including programmable and intelligent network capabilities.

Almost 60 percent of the 6.3 billion global 5G subscriptions forecast by the end of 2030 are expected to be 5G Standalone (SA) subscriptions.

On global mobile data traffic, 5G networks are expected to carry about 80 percent of total mobile data traffic by the end of 2030 – compared to 34 percent by the end of 2024.

Fixed Wireless Access (FWA) continues to grow in popularity globally as the second largest 5G use case after enhanced Mobile Broadband (eMBB).

In four out of six regions, more than 80 percent of CSPs now offer FWA. The number of FWA service providers offering speed-based tariff plans – with downlink and uplink data parameters similar to cable or fiber offerings – has increased from 30 percent to 43 percent in the last year alone.

Western Europe has witnessed rapid growth in FWA speed-based offerings with 52 percent of CSPs in the region now doing so compared to 32 percent a year ago. Europe alone accounts for 73 percent of all 5G FWA launches globally in the past 12 months.

Of the 350 million projected global FWA connections by the end of 2030, almost 80 percent are forecast to be over 5G.

The report also addresses how AI, including Generative AI Applications – already integrated across smartphones, laptops, watches and FWA products – could impact uplink and downlink network traffic, driving potential mobile traffic growth beyond current baseline predictions.

Other featured report statistics include the projection that global 5G subscriptions are expected to reach almost 2.3 billion by the end of 2024, amounting to 25 percent of all global mobile subscriptions. 5G subscription numbers are expected to overtake the global number of 4G subscriptions during 2027.

The first 6G deployments are expected in 2030, building on and scaling the capabilities of 5G SA and 5G Advanced.

The 40-page report includes three case study articles:

  • T-Mobile takes network slicing from pilots to real-world scenarios (with T-Mobile in the U.S. About network slicing use cases.)
  • Premium FWA services enabled in Finland with 5G SA (with Elisa in Finland. About Elisa’s 5G SA FWA offering.)
  • A multi-New Radio (NR) carrier strategy for best performance (with stc in the Kingdom of Saudi Arabia (KSA).

Read the full November 2024 Ericsson Mobility Report via this link.

รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ

รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ

รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ

  • คาดการณ์ระหว่างปี 2024 จนถึงสิ้นปี 2030 ปริมาณการใช้ดาต้าเน็ตบนเครือข่ายมือถือทั่วโลกจะเติบโตเกือบ 200%
  • ในอีกหกปีข้างหน้า คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการ 5G ทั่วโลกอยู่ที่ 6.3 พันล้านราย 60% เป็นผู้ใช้บริการ 5G Standalone (หรือ 5G SA)
  • รายงานฉบับนี้รวบรวมยูสเคสที่น่าสนใจจาก T-Mobile (สหรัฐอเมริกา), Elisa (ฟินแลนด์) และ stc (ซาอุดีอาระเบีย)

5G Standalone (5G SA) และ 5G Advanced ได้รับการคาดการณ์ว่าจะกลายเป็นเครือข่าย 5G ที่ผู้ให้บริการการสื่อสาร (CSPs) ให้ความสำคัญเป็นหลักตลอดช่วงทศวรรษที่เหลือจากนี้ เนื่องจากผู้ให้บริการต่างปรับใช้ความสามารถใหม่ ๆ เพื่อสร้างบริการที่เน้นการส่งมอบคุณค่ามากกว่าปริมาณดาต้าเน็ต โดยการวิเคราะห์นี้เป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลเชิงสถิติด้านเครือข่ายในรายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2024 ซึ่งได้ขยายระยะเวลาการคาดการณ์ไปจนถึงสิ้นปี 2030

แม้อัตราการเติบโตของปริมาณการใช้ดาต้าเน็ตบนเครือข่ายมือถือจะลดลง โดยปีนี้ประเมินการเติบโตต่อปีอยู่ที่ 21% แต่คาดว่าภายในสิ้นปี 2030 จะยังเติบโตขึ้นเกือบสามเท่าจากตัวเลข ณ ปัจจุบัน

รายงานฉบับนี้ยังเผยให้เห็นว่าผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรก ๆ กำลังนำเสนอโมเดลการส่งมอบคุณค่าที่อยู่บนพื้นฐานของการเชื่อมต่อที่แตกต่าง (Differentiated Connectivity) เพื่อรับประกันว่าจะได้รับคุณภาพการเชื่อมต่อในระดับสูงในเวลาที่ต้องการใช้มากที่สุด พร้อมสร้างโอกาสการสร้างรายได้และการเติบโตใหม่ ๆ โดยมียูสเคสที่เกี่ยวข้องจากผู้ให้บริการอย่าง T-Mobile ในสหรัฐอเมริกา และ Elisa ในฟินแลนด์

เฟรดริก เจดลิง รองประธานผู้บริหารและหัวหน้าเครือข่ายของอีริคสันกล่าวว่า “การสร้างความแตกต่างในบริการและโอกาสที่เกิดขึ้นจากประสิทธิภาพนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งเมื่ออุตสาหกรรมของเรากำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว โดยปัจจัยนี้ได้ถูกเน้นย้ำในรายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2024 ซึ่งรวมถึงการวิเคราะห์เชิงลึก ข้อมูลเชิงสถิติ และยูสเคสจากลูกค้า การเปลี่ยนผ่านไปสู่เครือข่ายที่มีประสิทธิภาพสูงและสามารถโปรแกรมได้ที่เปิดกว้างและทำงานบนคลาวด์จะช่วยผู้ให้บริการสามารถนำเสนอและคิดค่าบริการตามคุณค่าที่ส่งมอบได้ ไม่ใช่แค่ปริมาณดาต้าเน็ต โดยรายงานฉบับนี้ยังนำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่าเกี่ยวกับสิ่งที่อุตสาหกรรมของเราสามารถทำได้และขั้นตอนที่จำเป็นในการไปถึงเป้าหมายดังกล่าว”

รายงานยังชี้ให้เห็นถึงศักยภาพทั่วโลกสำหรับการพัฒนาการเชื่อมต่อที่แตกต่าง หรือ Differentiated Connectivity โดยย่านความถี่ 5G Mid-Band ได้ถูกนำไปใช้งานเพียงประมาณ 30% ของไซต์ทั้งหมดทั่วโลกนอกจีนแผ่นดินใหญ่

จากจำนวนผู้ให้บริการการสื่อสารประมาณ 320 รายที่เปิดให้บริการ 5G เชิงพาณิชย์ในปัจจุบัน น้อยกว่า 20% ที่เปิดให้บริการ 5G SA ซึ่งการเพิ่มความหนาแน่นของไซต์ย่านความถี่ขนาดกลางและ 5G SA ถือเป็นตัวเร่งสำคัญในการใช้ประโยชน์จากศักยภาพทั้งหมดของ 5G รวมถึงความสามารถด้านการโปรแกรมและความอัจฉริยะของเครือข่าย

ภายในสิ้นปี 2030 เกือบ 60% ของจำนวนผู้ใช้บริการ 5G ทั่วโลก 6.3 พันล้านราย จะเป็นผู้ใช้งาน 5G Standalone (SA)

สำหรับปริมาณการใช้ดาต้าเน็ตบนมือถือทั่วโลก คาดว่าภายในสิ้นปี 2030 เครือข่าย 5G จะรองรับการใช้ดาต้าเน็ตบนมือถือประมาณ 80% ของจำนวนดาต้าเน็ตบนมือถือทั้งหมด เทียบกับ 34% ณ สิ้นปี 2024

บริการ Fixed Wireless Access (FWA) ยังคงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยเป็นยูสเคส 5G ที่ใหญ่เป็นอันดับสอง รองจากบรอดแบนด์มือถือ (eMBB)

ในสี่จากหกภูมิภาค มากกว่า 80% ของผู้ให้บริการการสื่อสารเปิดให้บริการ FWA แล้ว โดยมีจำนวนผู้ให้บริการ FWA ที่นำเสนอแพ็กเกจตามความเร็ว ด้วยการใช้พารามิเตอร์การรับส่งข้อมูลที่คล้ายคลึงกับเคเบิลหรือไฟเบอร์ เพิ่มขึ้นจาก 30% เป็น 43% ในช่วงปีที่ผ่านมา

สำหรับยุโรปตะวันตกมีการเติบโตอย่างรวดเร็วของการเปิดให้บริการ FWA ที่อิงตามความเร็ว โดย 52% ของผู้ให้บริการในภูมิภาคนี้ได้เปิดให้บริการ FWA ไปแล้ว เทียบกับ 32% จากเมื่อปีก่อน และในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมานี้ ยุโรปคิดเป็น 73% ของยอดการเปิดตัว 5G FWA ทั้งหมดทั่วโลก

จากคาดการณ์ว่าในสิ้นปี 2030 จะมีปริมาณการเชื่อมต่อเครือข่าย FWA ทั่วโลกถึง 350 ล้านการเชื่อมต่อ ซึ่งเกือบ 80% จะเป็นการเชื่อมต่อผ่าน 5G

รายงานยังกล่าวถึง AI รวมถึงแอปพลิเคชัน Generative AI ที่ถูกผสานรวมไว้ในสมาร์ทโฟน แล็ปท็อป นาฬิกา และผลิตภัณฑ์ FWA ที่อาจส่งผลต่อการรับส่งข้อมูลในเครือข่าย ผลักดันการเติบโตของปริมาณการใช้ดาต้าเน็ตบนมือถือให้สูงเกินกว่าการคาดการณ์พื้นฐาน ณ ปัจจุบัน

สถิติสำคัญอื่น ๆ ในรายงานฉบับนี้ยังรวมถึงการคาดการณ์ว่าภายในสิ้นปี 2024 จะมียอดผู้ใช้บริการ 5G ทั่วโลกสูงเกือบ 2.3 พันล้านราย คิดเป็น 25% ของผู้ใช้บริการมือถือทั้งหมดทั่วโลก และคาดว่ายอดผู้ใช้บริการ 5G จะเติบโตแซงหน้าผู้ใช้ 4G ทั่วโลกในช่วงปี 2027

คาดว่าการนำเทคโนโลยี 6G มาปรับใช้ช่วงแรก จะเริ่มในปี 2030 โดยจะเน้นไปที่การต่อยอดและขยายความสามารถของ 5G SA และ 5G Advanced

รายงาน 40 หน้านี้ ยังประกอบด้วยบทความยูสเคส 3 เรื่องหลัก ได้แก่:

  • T-Mobile takes network slicing from pilots to real-world scenarios (with T-Mobile in the U.S. About network slicing use cases.)
  • Premium FWA services enabled in Finland with 5G SA (with Elisa in Finland. About Elisa’s 5G SA FWA offering.)
  • A multi-New Radio (NR) carrier strategy for best performance (with stc in the Kingdom of Saudi Arabia (KSA).

อ่านรายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับเต็ม เดือนพฤศจิกายน 2024 ได้ที่ลิงก์นี้

Swedish Ambassador’s Visit to Ericsson 5G Studio further strengthens collaboration between Sweden and Thailand

เอกอัครราชทูตสวีเดนเยี่ยมชม 5G Studio ของอีริคสัน กระชับความร่วมมือระหว่างสวีเดนและไทย

Swedish Ambassador’s Visit to Ericsson 5G Studio further strengthens collaboration between Sweden and Thailand

Swedish Ambassador to Thailand, H.E. Mrs. Anna Hammargren, recently visited Ericsson (NASDAQ: ERIC) Thailand’s 5G Innovation and Experience Studio (5GIX Studio) in Thailand Digital Valley, Chonburi.  Her visit marked a significant milestone in fostering collaboration and strengthening relations between Sweden and Thailand, while emphasizing Ericsson’s role in driving Thailand’s digital transformation.

The visit comes as part of the Swedish Embassy’s mission to deepen and broaden the ties between the two nations. Sweden and Thailand have enjoyed 156 years of formal bilateral relations, built on mutual respect and shared aspirations for innovation and development.

“It is a great honor for my team and I to visit Ericsson’s 5G Innovation and Experience Studio today,” said H.E. Mrs. Anna Hammargren, Swedish Ambassador to Thailand. “Sweden and Thailand established formal bilateral relations in 1868 and we are jointly committed to driving sustainable growth in both nations. Sweden is home to many leading technology companies, like Ericsson, whose innovations can greatly benefit Thai consumers and businesses.”

Ericsson’s 5GIX Studio, inaugurated in September this year, serves as a hub for innovation and co-creation, enabling collaboration among key stakeholders in the technology ecosystem, including government bodies, telecom operators, academia, and enterprises. The studio highlights Ericsson’s commitment to supporting Thailand’s journey towards becoming a regional digital hub.

During the visit, Anders Rian, Head of Ericsson Thailand, emphasized the company’s long-standing relationship with the country and its role in shaping Thailand’s digital future. “We are honored to welcome the Swedish delegation to the Ericsson studio which serves as a platform for driving innovation and collaboration within the tech eco system in Thailand. 5G will drive more immersive experiences for Thai consumers and drive the digital transformation of enterprises in the country. Ericsson has been a trusted partner in Thailand for the past 118 years, contributing to every generation of mobility here.”

The visit underscored Sweden’s recognition of Ericsson’s contributions to Thailand’s telecommunications sector and its potential to bridge innovation and economic growth through advanced technologies like 5G, artificial intelligence, and automation.

The 5GIX Studio in Thailand Digital Valley showcases the possibilities of 5G in industries such as healthcare, manufacturing, agriculture, and smart cities. It exemplifies the transformative impact of 5G-enabled use cases on Thailand’s economy and society.

เอกอัครราชทูตสวีเดนเยี่ยมชม 5G Studio ของอีริคสัน กระชับความร่วมมือระหว่างสวีเดนและไทย

เอกอัครราชทูตสวีเดนเยี่ยมชม 5G Studio ของอีริคสัน กระชับความร่วมมือระหว่างสวีเดนและไทย

เอกอัครราชทูตสวีเดนเยี่ยมชม 5G Studio ของอีริคสัน กระชับความร่วมมือระหว่างสวีเดนและไทย

นางแอนนา ฮัมมาร์เกรน (H.E. Mrs. Anna Hammargren) เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรสวีเดนประจำประเทศไทย เดินทางเข้าเยี่ยมชม 5G Innovation & Experience Studio (5GIX Studio) ของบริษัท อีริคสัน (NASDAQ: ERIC) ประเทศไทย ที่ตั้งอยู่ในโครงการ Thailand Digital Valley จังหวัดชลบุรี โดยการเยือนครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสวีเดนและไทยให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พร้อมตอกย้ำบทบาทของอีริคสันในการร่วมขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของประเทศไทย

การมาเยือนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งในภารกิจของสถานทูตสวีเดนเพื่อมุ่งเสริมสร้างและขยายความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยสวีเดนและไทยมีความสัมพันธ์ทวิภาคีร่วมกันมาอย่างยาวนานถึง 156 ปี เกิดขึ้นจากพื้นฐานของการให้ความเคารพซึ่งกันและกัน รวมถึงการมีวิสัยทัศน์ร่วมกันในด้านการพัฒนาและนวัตกรรม

นางแอนนา ฮัมมาร์เกรน เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรสวีเดนประจำประเทศไทย กล่าวว่า “นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับดิฉันและคณะที่ได้มาเยี่ยมชม 5GIX Studio ของอีริคสันในวันนี้ โดยสวีเดนและไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทวิภาคีอย่างเป็นทางการร่วมกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2411 และทั้งสองประเทศต่างมีความมุ่งมั่นร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตที่ยั่งยืนมาโดยตลอด สวีเดนเป็นประเทศต้นกำเนิดบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำมากมาย เช่นอีริคสัน ที่นวัตกรรมของบริษัทสามารถสร้างประโยชน์ได้อย่างมหาศาลให้กับทั้งผู้บริโภคและภาคธุรกิจของไทย”

5GIX Studio ของอีริคสัน เปิดตัวครั้งแรกในเดือนกันยายนปีนี้ โดยทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางความร่วมมือเพื่อการพัฒนาและคิดค้นนวัตกรรม และยังเอื้อให้เกิดความร่วมมือระหว่างผู้มีส่วนสำคัญในระบบนิเวศด้านเทคโนโลยี ได้แก่ หน่วยงานภาครัฐ ผู้ให้บริการโทรคมนาคม สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน โดยสตูดิโอแห่งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของอีริคสันในการสนับสนุนประเทศไทยให้ก้าวหน้าไปสู่การเป็นศูนย์กลางดิจิทัลของภูมิภาค

ระหว่างการเยี่ยมชม มร.แอนเดอร์ส เรียน ประธานบริษัท อีริคสัน ประเทศไทย ยังได้กล่าวย้ำถึงความสัมพันธ์อันยาวนานของบริษัทฯ กับประเทศไทย รวมถึงบทบาทในการร่วมกำหนดอนาคตดิจิทัลของประเทศ

“พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับคณะผู้แทนจากสวีเดนที่เดินทางมายังสตูดิโอของอีริคสัน ที่ทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มคอยขับเคลื่อนนวัตกรรมและความร่วมมือภายในระบบนิเวศด้านเทคโนโลยีในไทย เทคโนโลยี 5G จะมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจยิ่งขึ้นให้กับผู้บริโภคชาวไทยและร่วมขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลในภาคธุรกิจให้กับประเทศ อีริคสันเป็นพันธมิตรทางเทคโนโลยีที่ได้รับความไว้วางใจของประเทศไทยมานานถึง 118 ปี และที่ผ่านมาเรายังมีส่วนร่วมพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารทุกยุคทุกสมัย”

การเยือนครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญและยอมรับของสวีเดนต่อการมีส่วนร่วมของอีริคสันในภาคโทรคมนาคมของไทย รวมถึงศักยภาพในการเชื่อมโยงนวัตกรรมและสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจผ่านเทคโนโลยีขั้นสูง อาทิ 5G, ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบอัตโนมัติ (Automation)

5GIX Studio ในโครงการ Thailand Digital Valley แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้จากศักยภาพของเทคโนโลยี 5G กับภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การดูแลสุขภาพ การผลิต การเกษตร และเมืองอัจฉริยะ เผยให้เห็นถึงผลกระทบเชิงการเปลี่ยนแปลงของการใช้งาน 5G ต่อเศรษฐกิจและสังคมไทย