อีริคสัน และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) จับมือกันเตรียมความพร้อมบุคลากรรับ 5G ในประเทศไทย

อีริคสัน และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) จับมือกันเตรียมความพร้อมบุคลากรรับ 5G ในประเทศไทย

อีริคสัน และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) จับมือกันเตรียมความพร้อมบุคลากรรับ 5G ในประเทศไทย

    • มุ่งเพิ่มทักษะด้านไอซีทีแก่นักศึกษาไทย ด้วยการนำเทคโนโลยีระดับโลกและความเป็นผู้นำด้าน 5G ของอีริคสันมาใช้เรียนรู้
    • พร้อมสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของประเทศไทย ตามนโยบาย Thailand 4.0 ด้วยการสร้างบุคลากรรับ 5G

อีริคสัน (NASDAQ : ERIC) และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ผนึกกำลังร่วมกันมอบความรู้เทคโนโลยี 5G ให้แก่นักศึกษาไทย โดยนักศึกษาของ มจธ. จะสามารถเข้าถึง ‘Ericsson Educate’ ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มด้านการศึกษาออนไลน์ของอีริคสัน เพื่อเตรียมความพร้อมพัฒนาบุคลากรรองรับการขับเคลื่อนไปสู่ Industry 4.0 และส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ ซึ่งแพลตฟอร์มการเรียนรู้ ‘Ericsson Educate’ จะช่วยส่งเสริมการเรียนทางเทคนิคของนักศึกษาอย่างต่อเนื่องด้วยหลักสูตรต่าง ๆ ที่เพิ่มพูลทักษะด้านไอซีที และเตรียมพร้อมนักศึกษาสำหรับการไปทำงานในภาคโทรคมนาคม

‘Ericsson Educate’ เป็นพอร์ทัลทักษะดิจิทัลที่ให้บริการสื่อการเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีหลัก ๆ รวมถึง 5G และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง อาทิ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแมชชีนเลิร์นนิง (ML) ระบบอัตโนมัติ (Automation), บล็อกเชน (Blockchain), คลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing), วิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Science), อินเทอร์เน็ตออฟติงส์ (IoT) และ โทรคมนาคม (Telecommunication) ซึ่งเนื้อหาการเรียนรู้จากพอร์ทัล ‘Ericsson Educate’ จะช่วยให้นักศึกษาและคณาจารย์เข้าถึงแหล่งข้อมูลการเรียนรู้ดิจิทัลที่มีคุณภาพผ่านประสบการณ์ 145 ปีด้านโทรคมนาคมและไอซีทีของอีริคสัน

อีริคสันจะเปิดให้บริการแก่นักศึกษาของ มจธ. ในคณะวิศวกรรมศาสตร์และนวัตกรรม โดย มจธ.จะผนวกหลักสูตรต่าง ๆ ที่มีอยู่ในพอร์ทัลของ Ericsson Educate เข้ากับหลักสูตรที่เปิดสอนอยู่ให้นักศึกษาสามารถใช้เป็นรายวิชาเรียนรู้เก็บหน่วยกิต เพื่อรับวุฒิการศึกษาและใบรับรองหลักสูตร นอกจากนี้อีริคสันจะจัดวิทยากรรับเชิญที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาบรรยายในหัวข้อที่เกี่ยวข้อง โดยผ่านการคัดเลือกจาก มจธ. ล่วงหน้า และคาดว่าในปีแรกเพียงปีเดียวจะมีนักศึกษาประมาณ 2,000 คนจะได้รับประโยชน์จากโครงการนี้

มร. อิกอร์ มอเรล ประธานบริษัท อีริคสัน ประเทศไทย กล่าวว่า “การร่วมมือกับ มจธ. ถือเป็นตัวอย่างอันยอดเยี่ยมของความร่วมมือทางวิชาการในอุตสาหกรรมเพื่อพัฒนาบุคลากรรองรับ 5G ในประเทศไทย ซึ่งการเสริมเนื้อหาการศึกษาของ Ericsson Educate อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งข้อมูลเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญของอีริคสัน จะเสริมสร้างทักษะและความรู้ด้านไอซีทีแก่นักศึกษาได้อย่างแข็งแกร่ง”

“ด้วยความร่วมมือครั้งนี้ จะเป็นการเร่งผลักดันประเทศเดินหน้าไปสู่ยุค Industry 4.0 ผ่านการเพิ่มพูลทักษะและเตรียมความพร้อม 5G ให้แก่บุคลากรที่มีความสามารถ” มร.อิกอร์ กล่าวเสริม

รศ. ดร. สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) กล่าวว่า “การเติมเต็มช่องว่างระหว่างทักษะของพนักงานด้านไอซีทีกับทักษะที่บริษัทไอซีทีต้องการมีความสำคัญอย่างมาก เพื่อตอบสนองความต้องการทักษะแรงงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับอีริคสันเพื่อจัดการกับช่องว่างของทักษะที่ยังขาดอยู่ และเตรียมพร้อมนักศึกษาในเรื่อง 5G เพื่อให้พวกเขาสามารถมีบทบาทขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล”

มจธ. จะมอบหมายคณาจารย์และทีมงานผู้สอนเพื่อสนับสนุนโครงการนี้ และส่งเสริมการมอบปริญญาออนไลน์ให้กับนักศึกษาของเรา รวมถึงนักศึกษาที่เป็นบุคคลทั่วไปในประเทศไทย อีริคสันจะร่วมมือกับ มจธ. บูรณาการหลักสูตรและสื่อการสอนที่มีอยู่แล้วใน Ericsson Educate เข้าเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรของมหาวิทยาลัยฯ สำหรับหลักสูตรออนไลน์ที่ไม่ใช่ปริญญา หลักสูตร Micro Credential และหลักสูตรปริญญา โดยอีริคสันจะอบรมคณาจารย์ของ มจธ. ผ่านเว็บบินาร์ต่าง ๆ เพื่อใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนและเป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาที่สอน

อีริคสัน ดำเนินธุรกิจอยู่ในประเทศไทยมายาวนานถึง 116 ปี สนับสนุนความก้าวหน้าของประเทศผ่านโมบายล์เจนเนอเรชั่นหลากหลาย ตั้งแต่ 2G ,3G ,4G และ 5G ในยุคปัจจุบัน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในทุก ๆ ด้านของวงการสื่อสารโทรคมนาคมในประเทศ

รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยปีนี้ยอดผู้ใช้งาน 5G จะพุ่งแตะ 1 พันล้านบัญชี และจะเพิ่มเป็น 4.4 พันล้านบัญชี ในปี 2570

รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยปีนี้ยอดผู้ใช้งาน 5G จะพุ่งแตะ 1 พันล้านบัญชี และจะเพิ่มเป็น 4.4 พันล้านบัญชี ในปี 2570

รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยปีนี้ยอดผู้ใช้งาน 5G จะพุ่งแตะ 1 พันล้านบัญชี และจะเพิ่มเป็น 4.4 พันล้านบัญชี ในปี 2570

    • ปริมาณการใช้งานดาต้าบนมือถือทั่วโลกเพิ่มขึ้นสองเท่าในช่วงสองปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าในปี 2570 จะมียอดผู้ใช้บริการ 5G สูงถึง 4.4 พันล้านบัญชี  
    • คาดว่าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียจะมียอดการใช้งานดาต้าต่อสมาร์ทโฟนเติบโตพุ่งสูงแตะ 45 กิกกะไบท์ (GB) ต่อเดือน ในปี 2570 หรือเติบโตเฉลี่ย 30% ต่อปี
    • ในปี 2570 60% ของการใช้ดาต้าบนมือถือทั่วโลกจะอยู่บนเครือข่าย 5G

ในปี 2565 คาดว่ายอดผู้สมัครใช้งาน 5G ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียจะเพิ่มขึ้นสองเท่า จาก 15 ล้านบัญชี ณ สิ้นปี 2564  ตามที่ระบุไว้ในรายงาน Ericsson Mobility Report ของอีริคสัน (NASDAQ: ERIC) ฉบับล่าสุด และยังได้คาดการณ์ไว้อีกว่า ภายในสิ้นปี 2565 จะมียอดสมัครใช้บริการ 5G ทั่วโลกมากถึงหนึ่งพันล้านบัญชี

ภายในไม่กี่ปีข้างหน้าจะมีการปรับใช้งานเครือข่ายมากขึ้นคาดว่าจะทำให้การสมัครใช้บริการ 5G จะเติบโตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ (CAGR) 83% ตลอดช่วงระยะเวลาคาดการณ์ซึ่งจะเพิ่มขึ้นแตะ 570 ล้านบัญชี ภายในปี 2570

ตัวเลขดังกล่าวนี้เกือบเท่ากับจำนวนการสมัครใช้บริการ 4G ทั้งหมดในภูมิภาคในช่วงเวลานั้น โดยปริมาณการใช้ดาต้าบนมือถือต่อสมาร์ทโฟนยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งและคาดว่าจะพุ่งแตะ 45 กิกกะไบท์ (GB) ต่อเดือน ภายในปี 2570 หรือเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 30% โดยการใช้งาน 5G ที่กว้างขึ้นและบริการ XR ใหม่ จะช่วยผลักดันการเติบโตของปริมาณการใช้ดาต้าเน็ตในช่วงหลังของระยะเวลาคาดการณ์ของอีริคสันจนถึงปี 2570

Igor Maurell, Head of Ericsson Thailand

มร. อิกอร์ มอเรล  ประธานบริษัท อีริคสัน ประเทศไทย กล่าวว่า “ในตลาดอาเซียน โดยเฉพาะประเทศไทย คาดว่าจะมีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัดทั้งในด้านจำนวนผู้ใช้บริการและปริมาณการใช้งาน 5G โดยภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียจะมียอดการใช้ดาต้าต่อสมาร์ทโฟนเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง แตะระดับ 45 กิกกะไบท์ (GB) ต่อเดือน ภายในปี 2570 หรือเติบโตเฉลี่ยที่ 30% ต่อปี จากตลาดในประเทศไทยมีความไดนามิกสูงมาจากพฤติกรรมผู้บริโภคกลุ่มที่เป็น Tech Savvy ระดับต้น ๆ ของโลก”

“อีริคสันดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาเป็นเวลานานและเรายังมุ่งมั่นเพื่อเป็นส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงและนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเสริมศักยภาพให้แก่ประเทศไทย เราพร้อมร่วมพัฒนาระบบนิเวศ 5G ของประเทศไทย เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จาก 5G ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยี XR/AR การเล่นเกมบนคลาวด์ และช่วยเหลือองค์กรต่าง ๆ เร่งเปลี่ยนผ่านธุรกิจไปสู่ยุคดิจิทัล ด้วยการนำเสนอคลื่น 5G ทั้งย่านความถี่ต่ำ กลาง และสูง ในประเทศไทย ที่เป็นกุญแจสำคัญสำหรับมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า เต็มไปด้วยสมรรถนะของสัญญาณ ความครอบคลุม และความเร็วที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ใช้ 5G ในประเทศไทย”

คาดว่าในปี 2570 ภูมิภาคอเมริกาเหนือจะกลายเป็นผู้นำโลกด้านการสมัครใช้บริการ 5G โดยจากยอดผู้สมัครใช้บริการมือถือในทุก ๆ 10 รายจะมีผู้สมัครใช้ 5G ถึง 9 ราย

จากไทม์ไลน์ปี 2570  มีการคาดการณ์เกี่ยวกับ 5G ที่น่าสนใจตามภูมิภาคต่าง ๆ  อาทิ ในยุโรปตะวันตก มีสัดส่วนการสมัครใช้บริการ 5G ที่ 82% ขณะที่ในภูมิภาคของกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) มีสัดส่วนอยู่ที่ 80% และ 74% ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ 

รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด ซึ่งเป็นฉบับที่ 22 ได้นำเสนอข้อมูลเชิงลึกและการคาดการณ์ที่น่าสนใจ พร้อมยังเผยให้เห็นว่าปริมาณการใช้ดาต้าบนมือถือทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึงสองเท่าในช่วงสองปีที่ผ่านมา 

การเติบโตของยอดการใช้ดาต้านี้ได้รับแรงหนุนมาจากปริมาณการใช้สมาร์ทโฟนและบรอดแบนด์อินเตอร์เน็ตบนมือถือที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงของภาคสังคมและภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ไปสู่ดิจิทัล สถิติและการคาดการณ์ล่าสุดยังสะท้อนถึงความต้องการเชื่อมต่อข้อมูลและบริการดิจิทัลอย่างชัดเจน ถึงแม้จะมีการระบาดของโควิด-19 และความไม่แน่นอนของภูมิศาสตร์ทางการเมืองเกิดขึ้นทั่วโลก แต่ก็มีผู้คนหลายร้อยล้านคนสมัครใช้งานบรอดแบนด์อินเตอร์เน็ตบนมือถือใหม่ทุกปี

รายงาน Ericsson Mobility Report เดือนมิถุนายน ปี 2565 ตอกย้ำให้เห็นว่าการเติบโตของ 5G เป็นเจนเนอเรชั่นเครือข่ายไร้สายที่มีการนำมาใช้งานรวดเร็วกว่าเทคโนโลยีมือถือรุ่นก่อน ๆ ทั้งหมด โดยเวลานี้หนึ่งในสี่ของประชากรโลกสามารถเข้าถึงเครือข่าย 5G ได้ และเพียงช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 มีจำนวนการสมัครใช้บริการ 5G เพิ่มขึ้นประมาณ 70 ล้านบัญชี ซึ่งตามรายงานยังระบุว่า ภายในปี 2570 ประชากรทั่วโลกสามในสี่จะสามารถเข้าถึง 5G ได้ 

ในรายงานยังได้ชี้ให้เห็นความสำคัญของการเชื่อมต่อความเร็วสูงแบบ Fixed Wireless Access (FWA) ที่มีบทบาทเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับการให้บริการบรอดแบนด์อินเตอร์เน็ต โดยอีริคสันคาดการณ์ว่า ในปี 2565 นี้ จะมีการเชื่อมต่อแบบ FWA เกิน 100 ล้านจุด และจะเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวภายในปี 2570 แตะระดับ 230 ล้านจุด

ในส่วนของ Internet of Thing  (IoT) ตามรายงานระบุว่าในปี 2564 บรอดแบนด์ IoT (4G/5G) แซงหน้า 2G และ 3G กลายเป็นเทคโนโลยีหลักที่ใช้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่เชื่อมสัญญาณเซลลูลาร์แบบ IoT มากที่สุด หรือคิดเป็น 44% ของการเชื่อมต่อทั้งหมด

เทคโนโลยีเชื่อมต่อ IoT (NB-IoT, Cat-M) เพิ่มขึ้นเกือบ 80% ช่วงปี 2564 โดยมีการเชื่อมต่อแตะ 330 ล้านจุด และคาดว่าจำนวนอุปกรณ์ IoT ที่เชื่อมต่อด้วยเทคโนโลยีเหล่านี้จะแซงหน้าเทคโนโลยี 2G/3G ภายในปี 2566 

รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยปริมาณการใช้ดาต้ามือถือพุ่งเกือบ 300 เท่า ในรอบ 10 ปี

Ericsson

รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยปริมาณการใช้ดาต้ามือถือพุ่งเกือบ 300 เท่า ในรอบ 10 ปี

    • ภายในสิ้นปี 2570 จะมีผู้ใช้ 5G พุ่งเป็น 4.4 พันล้านบัญชีหรือเท่ากับครึ่งหนึ่งของจำนวนบัญชีผู้ใช้มือถือในปัจจุบัน
    • ในปี 2570 ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียจะมีอัตราการใช้อินเตอร์เน็ตต่อสมาร์ทโฟนหนึ่งเครื่องเติบโตรวดเร็วที่สุดในโลก
    • สิ้นปีนี้ คาดว่ายอดผู้ใช้บริการ 5G ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียจะเพิ่มแตะ 15 ล้านบัญชี

รายงานเชิงลึกระดับโลกของอีริคสัน (NASDAQ: ERIC) เปิดเผยว่าตั้งแต่อีริคสันจัดทำและเผยแพร่รายงาน Ericsson Mobility Report เป็นครั้งแรกในปี 2554 จนถึงปัจจุบันมีปริมาณการใช้อินเตอร์เน็ตบนมือถือเพิ่มขึ้นเกือบ 300 เท่า โดยในรายงานฉบับครบรอบสิบปีนี้ยังได้รวบรวมข้อมูลและสถิติต่าง ๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับเครือข่ายมือถือทั้งในอดีตและปัจจุบัน ให้เราได้ย้อนกลับไปดูเทรนด์ต่าง ๆ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงในรอบทศวรรษที่ผ่านมา รวมถึงการคาดการณ์ไปจนถึงปี 2570

จากการคาดการณ์ที่ระบุว่ายอดผู้ใช้บริการ 5G จะสูงแตะ 660 ล้านบัญชีภายในสิ้นปีนี้เป็นการตอกย้ำสมมติฐานที่ว่า 5G เป็นเจนเนอเรชั่นเครือข่ายไร้สายที่มีการนำมาใช้งานรวดเร็วที่สุด โดยตัวเลขที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นผลมาจากความต้องการใช้งานที่เพิ่มขึ้นในประเทศจีนและอเมริกาเหนือ ซึ่งเป็นผลมาจากราคาอุปกรณ์ 5G ที่ลดลง อีริคสันยังพบว่าในไตรมาส 3 ที่ผ่านมานี้ทั่วโลกมียอดผู้ใช้ 5G มีจำนวนเพิ่มขึ้นสุทธิที่ 98 ล้านบัญชี เทียบกับผู้สมัครใช้ 4G รายใหม่ที่ 48 ล้านบัญชี และคาดว่าเครือข่าย 5G จะครอบคลุมผู้ใช้งานกว่า 2 พันล้านคนภายในสิ้นปี 2564

สอดคล้องกับการคาดการณ์ล่าสุดที่ระบุว่าภายในปี 2570 เครือข่าย 5G จะกลายเป็นเครือข่ายหลักของโลกเพื่อใช้เข้าถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ ซึ่ง ณ เวลานี้ผู้ใช้ 5G มีสัดส่วนประมาณ 50% ของจำนวนผู้ใช้มือถือทั้งหมดทั่วโลก โดยครอบคลุมประชากรโลกถึง 75% และคิดเป็น 62% ของปริมาณการใช้อินเตอร์เน็ตบนสมาร์ทโฟนทั่วโลก

Nunzio Mirtillo

มร. อิกอร์ มอเรล ประธานบริษัทอีริคสัน ประเทศไทยกล่าวว่า “การสื่อสารบนมือถือก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเหลือเชื่อต่อสังคมและธุรกิจตลอดเวลา 10 ปีที่ผ่านมา เมื่อเรามองไปข้างหน้าในปี 2570 เครือข่ายมือถือจะยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นทั้งในแง่ของการมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน รวมถึงการใช้ชีวิตและการทำงาน ในรายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุดของเรา ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเร่งความเร็วขึ้นอีกระดับ และเทคโนโลยีมีบทบาทอย่างยิ่งยวด”

คาดว่าภายในสิ้นปีนี้ยอดผู้ใช้มือถือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียจะเพิ่มเป็น 1.1 พันล้านราย โดยมียอดผู้สมัครใช้บริการ 5G สูงแตะ 15 ล้านราย และจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงสองสามปีนี้ โดยคาดว่าในปี 2570 จะมียอดผู้ใช้ 5G ถึง 560 ล้านราย นอกจากนี้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียจะมีปริมาณการใช้อินเตอร์เน็ตต่อสมาร์ทโฟนหนึ่งเครื่องเพิ่มขึ้นในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในโลก แตะ 46 กิกกะไบท์ (GB) ต่อเดือน ในปี 2570 หรือเติบโตเฉลี่ย 34% ต่อปี สอดคล้องกับปริมาณการใช้อินเตอร์เน็ตบนมือถือทั้งหมดที่เติบโตต่อปีที่ 39% ส่งผลให้มียอดการใช้เน็ตต่อเดือนสูงถึง 46 เอกซะไบท์ (EB) เป็นผลมาจากจำนวนผู้สมัครใช้บริการ 4G และ 5G ที่เพิ่มขึ้นในตลาดที่เปิดให้บริการ 5G

มร. อิกอร์ กล่าวเสริมว่า “ประเทศไทย คือ หนึ่งในประเทศที่มีประชากรใช้อินเทอร์เน็ตสูงที่สุดในโลก เมื่อกล่าวถึงภาคอุตสาหกรรมและองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ ประเทศไทยคือหนึ่งในศูนย์กลางสำคัญของภาคอุตสาหกรรมในระดับภูมิภาค โดยมีธุรกิจที่มีศักยภาพจำนวนมากที่นำเทคโนโลยี 5G มาปรับปรุงการดำเนินงานให้มีความทันสมัย ผมมองว่าประเทศไทยจำเป็นต้องสร้างเครือข่าย 5G ที่สามารถตั้งโปรแกรม มีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ”

Ericsson

ตั้งแต่ปี 2554 การนำเครือข่าย 4G LTE มาใช้งานได้ถือเป็นปัจจัยกระตุ้นสำคัญที่เพิ่มยอดผู้ใช้สมาร์ทโฟนทั่วโลกพุ่งเป็น 5.5 พันล้านคน และเกิดอุปกรณ์ที่รองรับการเชื่อมต่อ 4G ขึ้นในตลาดมากกว่า 20,000 รุ่น ในรายงานยังชี้ให้เห็นว่าวงจรเทคโนโลยีของอุปกรณ์ 5G นั้นเปลี่ยนแปลงไปได้รวดเร็วกว่า ในปัจจุบันมีโทรศัพท์มือถือ 5G คิดเป็นสัดส่วน 23% ของมือถือทั้งหมดทั่วโลก เทียบกับโทรศัพท์มือถือ 4G ที่มีเพียง 8% ณ จุดเดียวกัน

สิ่งนี้กระตุ้นให้การใช้ปริมาณอินเตอร์เน็ตบนมือถือเติบโตอย่างก้าวกระโดด หากพิจารณาการเติบโตแบบปีต่อปี จะพบว่าปริมาณการใช้เน็ตมือถือ ณ ไตรมาส 3 ปี 64 เติบโตที่ 42% หรือประมาณ 78 เอกซะไบต์ (EB) ซึ่งนับรวมปริมาณอินเตอร์เน็ตจากบริการบรอดแบรนด์อินเตอร์เน็ตไร้สาย (Fixed Wireless Network) นอกจากนี้ ยังพบว่ายอดการใช้เน็ตมือถือในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา มีปริมาณเทียบเท่าปริมาณเน็ตที่เคยมีมาทั้งหมดจนถึงปี 2559 ซึ่งจากการคาดการณ์ล่าสุดยังเผยว่าในปี 2570 จะมีการใช้เน็ตมือถือเพิ่มขึ้นสูงถึง 370 เอกซะไบต์ (EB)

นอกจากนี้ ในรายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับครบรอบ 10 ปี ยังมีบทความประกอบอีก 4 หัวข้อ ดังนี้

    • การสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับอนาคตดิจิทัล โดยร่วมกับ Far EasTone
    • การสร้างเครือข่ายเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนไปสู่ดิจิทัล โดยร่วมกับ stc
    • Time-to-content: กำหนดเกณฑ์มาตรฐานสำหรับประสิทธิภาพเครือข่าย
    • การสร้างเครือข่ายต่าง ๆ ที่ยั่งยืน

Explore the Ericsson Mobility Report November 2021 edition and the Ericsson Mobility Report Journey.

RELATED LINKS:

อีริคสันแต่งตั้งอิกอร์ มอเรล ประธานบริษัทอีริคสัน ประเทศไทย

Nunzio Mirtillo

อีริคสันแต่งตั้งอิกอร์ มอเรล ประธานบริษัทอีริคสัน ประเทศไทย

อีริคสัน (NASDAQ: ERIC) ประกาศแต่งตั้ง มร. อิกอร์ มอเรล ขึ้นดำรงตำแหน่งประธาน บริษัท อีริคสัน ประเทศไทย ก่อนหน้าที่จะรับตำแหน่งประธาน บริษัท อีริคสัน ประเทศไทย มร. อิกอร์ เคยเป็นหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการเครือข่ายของอีริคสันประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, โอเชียเนีย และอินเดีย ซึ่งเขารับผิดชอบฝ่ายปฏิบัติการและนำส่งบริการระบบเครือข่าย (Networks Service Delivery & Operations), ซัพพลายเชน (Supply Chain), สนับสนุนการขาย (Sales Support) รวมถึงฝ่ายนวัตกรรมออโตเมชั่นและปัญญาประดิษฐ์ (Automation and Artificial Intelligence)

มร. อิกอร์เข้ารับตำแหน่งต่อจากนาดีน อัลเลน ที่ดำรงตำแหน่งนี้ถึงห้าปีครึ่ง ก่อนจะย้ายไปดำรงตำแหน่งประธานด้านกลยุทธ์และองค์กรธุรกิจ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, โอเชียเนีย และอินเดีย

มร. นันซิโอ เมอร์ทิลโล ประธานบริษัทอีริคสัน ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, โอเชียเนีย และอินเดีย กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นตลาดที่สำคัญมากสำหรับอีริคสันและเรามุ่งมั่นสนับสนุนผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร (CSP) ในประเทศไทย โดยมอบประโยชน์ต่าง ๆ จากการเชื่อมต่อไปยังผู้บริโภคและองค์กร โดยการปรับใช้เทคโนโลยีและโซลูชั่นล้ำยุคของเรา อิกอร์ เป็นผู้นำที่มีประสบการณ์ของอีริคสันและด้วยประวัติการทำงานอันยาวนานในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงที่มีความเชี่ยวชาญและชำนาญหลากหลายอุตสหากรรมหรือรู้จักตลาดหลายภูมิภาคเป็นอย่างดี ผมมั่นใจว่าภายใต้การนำของเขา อีริคสันจะดำเนินการตามคำมั่นสัญญาและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในประเทศไทยต่อไป”

มร. อิกอร์เข้าร่วมงานกับอีรัคสันในปีพ.ศ. 2543 และได้ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ในด้านเทคโนโลยี การขาย และการดำเนินงานในยุโรป อเมริกาเหนือและละตินอเมริกา เอเชีย และอินเดีย มร. อิกอร์สำเร็จการศึกษาระดับบริหารเอ็มบีเอ (MBA) ในสาขา Innovation & Design Thinking โดยมุ่งเน้นที่ตลาดยุโรปและเอเชียจาก ESADE/AALTO Business School ประเทศสเปน-ฟินแลนด์ นอกจากนั้นยังสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทด้านวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์

มร. อิกอร์กล่าวถึงการมารับตำแหน่งใหม่ว่า “ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับตำแหน่งใหม่ในฐานะประธาน บริษัทอีริคสัน ประเทศไทย ตลาดไทยมีความพิเศษและเฉพาะตัวมากด้วยอัตราการใช้เวลาในโลกออนไลน์เฉลี่ยต่อวันสูงในระดับแนวหน้าของโลก และที่นี่ยังแสดงถึงโอกาสทางธุรกิจที่น่าตื่นเต้นสำหรับเรา ผมใจจดจ่อที่จะสนับสนุนผู้ให้บริการด้านการสื่อสารของไทยเพื่อพัฒนาเครือข่ายการสื่อสารที่มีพลวัตและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งช่วยให้ประเทศไทยสร้างระบบนิเวศไร้สายในอุตสาหกรรม 4.0 ด้วยเทคโนโลยีและโซลูชั่น 5G ที่ล้ำสมัยของ Ericsson”

นับเป็นเวลากว่า 115 ปีที่อีริคสันดำเนินธุรกิจในประเทศไทย อีริคสันได้เป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการด้านการสื่อสารของไทยในการจัดหานวัตกรรมการเชื่อมต่อของเทคโนโลยีมือถือในยุคต่าง ๆ แก่ผู้บริโภคในประเทศไทย และอีริคสันกำลังทำงานร่วมกับลูกค้าเพื่อแนะนำ 5G ในประเทศไทยได้อย่างราบรื่น 

Ericsson เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี 5G ทั่วโลก โดยมีเครือข่าย 5G จำนวน 97 เครือข่ายที่เปิดให้บริการแล้วใน 46 ประเทศ

มาเลเซียเลือกอีริคสันให้เป็นพันธมิตรด้านเทคโนโลยี 5G เพื่อนำประเทศเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัล

Ericsson_อีริคสัน

มาเลเซียเลือกอีริคสันให้เป็นพันธมิตรด้านเทคโนโลยี 5G เพื่อนำประเทศเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัล

    • อีริคสันเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับ Digital Nasional Berhad (DNB) ในกรอบเวลา 10 ปีเพื่อพัฒนาเครือข่าย 5G ทั่วประเทศมาเลเซีย
    • 5G จะช่วยเร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและอุตสาหกรรมของมาเลเซีย
    • อีริคสันนำเสนอโซลูชั5G แบบต้นน้ำถึงปลายน้ำ (End-to-End) ซึ่งประกอบไปด้วยโครงข่ายหลัก (Core), โครงข่ายการเข้าถึงผ่านการรับส่งทางคลื่นวิทยุ (RAN) และการขนส่ง การดำเนินงานและระบบสนับสนุนธุรกิจ (OSS/BSS) และการบริหารจัดการเครือข่าย

ประเทศมาเลเซีย โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ จะได้รับประโยชน์จากสัญญาร่วมมือด้าน 5G เป็นระยะเวลา 10 ปี ระหว่างอีริคสัน (NASDAQ: ERIC) และหน่วยงานดิจิทัลแห่งชาติของมาเลเซีย Digital Nasional Berhad (DNB) เพื่อขับเคลื่อนการใช้งานเทคโนโลยีไร้สายยุคถัดไปของประเทศมาเลเซีย

ความเร็ว ความหน่วงต่ำและความสามารถในการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ของ 5G จะทำให้เกิดการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลให้กับประเทศ ในขณะที่การสร้างระบบนิเวศ 5G จะเป็นพลังในการขับเคลื่อนนวัตกรรมในด้านต่าง ๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมถึงเทคโนโลยีโลกเสมือนต่าง ๆ อาทิ Augmented Reality (AR) หรือ Virtual Reality (VR) และระบบอัตโนมัติทั่วทั้งองค์กร อุตสาหกรรม และการใช้งาน Internet of Things (IoT) ในหลายภาคส่วน

ด้วยการนำสมรรถนะของ 5G มาใช้และเร่งติดตั้งเครือข่ายและระบบนิเวศ 5G ทั่วประเทศมาเลเซียจะทำให้ DNB จัดสรรการเข้าถึงและบริการแก่ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ รวมถึงผู้ที่ได้ใบอนุญาตประกอบกิจการในรูปแบบอื่นจากภาครัฐ เพื่อทำให้ได้รับประสบการณ์ 5G ระดับโลกและทำให้อุตสาหกรรม 4.0 เป็นจริงในมาเลเซีย

มร. ราล์ฟ มาร์แชล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ DNB กล่าวว่า “DNB มุ่งมั่นที่จะมอบโอกาสทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ดีที่สุดแก่ประชาชนชาวมาเลเซีย ธุรกิจและรัฐบาล เพื่อให้มั่นใจว่ามาเลเซียจะอยู่แถวหน้าของเศรษฐกิจดิจิทัลของโลก เราเจาะจงให้อีริคสันนำเสนอเทคโนโลยี 5G อันล้ำยุคที่ดีที่สุดและบริการระดับมืออาชีพที่พร้อมใช้งานตรงกับความต้องการของ DNB ที่มีความเฉพาะเจาะจงและไม่เหมือนใคร”

การมีส่วนร่วมของอีริคสันในโครงการ 5G ระดับชาติจะทำให้เห็นถึงการสนับสนุนด้านเศรษฐกิจและสังคมทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น การสร้างงาน การเป็นพันธมิตรกับประชากรกลุ่มภูมิบุตร (ชาวมลายูดั้งเดิม) และผู้รับเหมาท้องถิ่นอื่นและผู้มีส่วนร่วมต่าง ๆ ในระบบนิเวศ ไปจนถึงการสร้างองค์ความรู้และประสิทธิภาพในประเทศมาเลเซีย

มร. เดวิด เฮเกอร์บรอ ประธานกรรมการ บริษัทอีริคสัน (มาเลเซีย ศรีลังกาและบังกลาเทศ) กล่าวว่า “5G เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการเปิดนวัตกรรมและกลายเป็นหลักสำคัญที่สร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เป็นเรื่องน่ายินดีกับความมุ่งมั่นในการเร่งนำ 5G มาใช้ทั่วประเทศ แก้ความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลและสร้างการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลให้กับประเทศ 5G จะเป็นตัวส่งเสริมความตั้งใจของรัฐบาลในการสนับสนุนชาวมาเลเซียให้เป็นผู้สร้างสรรค์เทคโนโลยีผ่านการพัฒนาแอปพลิเคชันและการใช้งาน 5G“

“ด้วยระยะเวลาและการมีส่วนร่วมพัฒนาประเทศมาเลเซียมายาวนานถึง 56 ปี เราตื่นเต้นที่จะได้ขยายความมุ่งมั่นของเรามาสู่ประเทศนี้ อีริคสันมั่นใจด้วยความเป็นผู้นำ 5G ระดับโลกและความสามารถในการปรับใช้ที่แข็งแกร่ง จะทำให้เราทำได้ตามเป้าหมายของ DNB” มร. เดวิดกล่าวเพิ่มเติม

ความร่วมมือระหว่าง DNB และอีริคสันครั้งนี้ครอบคลุมไปถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์และและโซลูชันระบบวิทยุของอีริคสัน (Ericsson Radio System) ที่ประหยัดพลังงาน รวมไปถึงระบบการจัดสรรช่วงคลื่นความถี่ Ericsson Spectrum Sharing ที่เป็นซอฟต์แวร์สำหรับการใช้งาน 5G ในขอบเขตที่กว้างใหญ่

นอกจากนั้นความร่วมมือนี้ยังรวมถึงโครงข่าย 5G หลักแบบคลาวด์ (Cloud-native 5G Core) และโครงข่ายการเข้าถึงผ่านการรับส่งทางคลื่นวิทยุ 5G (RAN) อีริคสันจะบริหารความต้องการเฉพาะสำหรับของเครือข่ายด้วยการบริหารจัดการเครือข่ายชั้นนำด้วย Ericsson Operations Engine โซลูชันดังกล่าวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเครือข่าย DNB โดยใช้ AI ระบบอัตโนมัติและ ซอฟต์แวร์อัจฉริยะ Cognitive Software เพื่อคาดการณ์และป้องกันปัญหา

สิ่งที่อีริคสันจัดหาตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำยังรวมถึงโซลูชันระบบสนับสนุนการปฏิบัติการ (OSS) และระบบสนับสนุนธุรกิจ (BSS)

DNB ได้รับมอบหมายในการนำประเทศมาเลเซียให้บรรลุแรงปณิธานด้านดิจิทัลตามแผนพิมพ์เขียวเศรษฐกิจดิจิทัลมาเลเซีย หรือ MyDIGITAL ของรัฐบาลซึ่งจะเปลี่ยนโฉมประเทศไปสู่การขับเคลื่อนด้วยดิจิทัล เป็นประเทศที่มีรายได้สูงและเป็นผู้นำในด้านดิจิทัลคอนเทนต์ ความปลอดภัยในไซเบอร์และเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

DNB ยังคงสนับสนุนความทันสมัยของเครือข่ายมือถือของประเทศที่เป็นส่วนหนึ่งในแผนปรับโครงสร้างดิจิทัลแห่งชาติ Jalinan Digital Negara (Jendela) เพื่อให้ชาวมาเลเซียทุกคนได้รับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่มีคุณภาพ

ในระยะเริ่มต้น DNB มุ่งหมายที่จะเปิดตัวเครือข่าย 5G แรกของมาเลเซียในกัวลาลัมเปอร์ ปุตราจายาและไซเบอร์จายา ธุรกิจของอีริคสันและการนำประสบการณ์ความเชี่ยวชาญมาปรับใช้ในมาเลเซียเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้บรรลุเป้าหมายของ DNB ที่กำหนดให้มีเครือข่าย 5G ครอบคลุม 80 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั่วประเทศภายในปี 2567

อีริคสันคือผู้นำ 5G ระดับโลกด้วย 97 เครือข่าย 5G ที่เปิดให้บริการแล้วใน 46 ประเทศทั่วโลก