คนอยากมีบ้านต้องรู้! EIA สำคัญอย่างไรเมื่อคิดซื้อที่อยู่อาศัย

คนอยากมีบ้านต้องรู้! EIA สำคัญอย่างไรเมื่อคิดซื้อที่อยู่อาศัย

คนอยากมีบ้านต้องรู้! EIA สำคัญอย่างไรเมื่อคิดซื้อที่อยู่อาศัย

การตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยหลังใหม่ นอกจากผู้บริโภคจะให้ความสำคัญกับการพิจารณาทำเลที่ตั้ง ราคา และการออกแบบแล้ว มีอีกหนึ่งปัจจัยที่หลายคนอาจละเลย แต่แท้จริงแล้วมีความสำคัญอย่างยิ่งคือโครงการต้องผ่าน EIA ด้วยเช่นกัน นอกจากจะเป็นเอกสารทางกฎหมายที่จำเป็นต้องมีแล้ว การผ่าน EIA ยังเป็นเสมือนเครื่องหมายรับรองที่ช่วยให้ผู้ซื้อสบายใจได้ในระดับหนึ่งว่า โครงการนั้นได้รับการพิจารณาและออกแบบมาเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนรอบข้างอย่างเหมาะสม

EIA สำคัญอย่างไรเมื่อซื้อบ้านใหม่ 

ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย ชวนคนหาบ้านมาทำความเข้าใจความสำคัญของ EIA ว่าเกี่ยวข้องกับการวางแผนซื้อที่อยู่อาศัยอย่างไรบ้าง EIA หรือ “รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment)” เป็นรายงานที่ภาครัฐและเอกชนจำเป็นต้องจัดทำขึ้นก่อนการก่อสร้างบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม และโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่แทบทุกประเภท และยื่นไปยังสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ให้พิจารณา ส่วนในกรุงเทพฯ จะมีการพิจารณาโดยคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ด้านอาคาร การจัดสรรที่ดิน และบริการชุมชน กรุงเทพมหานคร 

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้โครงการดังกล่าวก่อให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสุขอนามัยของชุมชนโดยรอบในระยะยาวทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ทั้งในระหว่างทำการก่อสร้างและหลังก่อสร้างแล้วเสร็จ โดยการจัดทำ EIA ประกอบด้วยการศึกษาครอบคลุมระบบสิ่งแวดล้อม 4 ด้าน คือ 1. ทรัพยากรกายภาพ 2. ทรัพยากรชีวภาพ 3. คุณค่าการใช้ประโยชน์ของมนุษย์ และ 4. คุณค่าต่อคุณภาพชีวิต 

สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยที่กฎหมายกำหนดให้ต้องผ่านการอนุมัติ EIA มีรายละเอียดดังนี้

  • โครงการบ้านจัดสรรที่มีพื้นที่ในโครงการมากกว่า 100 ไร่ หรือแบ่งแปลงที่ดินตั้งแต่ 500 แปลงขึ้นไป 
  • โครงการคอนโดมิเนียมที่มีพื้นที่ใช้สอยรวมกันตั้งแต่ 4,000 ตารางเมตรขึ้นไป หรือมีจำนวนห้องชุดตั้งแต่ 80 ห้องขึ้นไป ดังนั้นโครงการคอนโดฯ แบบไฮไรส์ (High Rise) ส่วนใหญ่จะต้องทำ EIA เพื่อประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมทั้งหมด ในขณะที่โครงการคอนโดฯ แบบโลว์ไรส์ (Low Rise) บางโครงการอาจไม่จำเป็นต้องทำ EIA เลยก็ได้

พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ได้กำหนดไว้ว่า โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่จะสามารถดำเนินการก่อสร้างได้เมื่อผ่านการอนุมัติ EIA แล้วเท่านั้น จึงถือเป็นจุดเด่นที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะนำผลการอนุมัติ EIA นี้มาเป็นจุดขายในสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่สนใจซื้อตั้งแต่ก่อนเปิดจอง ว่าโครงการนี้จะสามารถดำเนินการก่อสร้างได้อย่างแน่นอน  

ซื้อโครงการไม่ผ่าน EIA ต้องเผชิญความเสี่ยงอะไรบ้าง?

ปัจจุบันหลายโครงการมีการเปิดขายล่วงหน้าในระหว่างที่ยื่นขอ EIA เนื่องจากยังไม่มีข้อห้ามทางกฎหมายกำหนดไว้ หลายโครงการจึงมักเปิดขายเพื่อระดมทุนก่อสร้างในระหว่างรอผล EIA และทดสอบตลาดว่ามีผู้บริโภคให้ความสนใจมากน้อยเพียงใด อย่างไรก็ดี คอนโดพรีเซล (Presale) หรือโครงการคอนโดฯ ที่เปิดให้จองซื้อในช่วงที่ยังไม่ได้เริ่มก่อสร้างหรืออยู่ระหว่างการก่อสร้างยังคงได้รับความสนใจจากผู้ซื้อ เนื่องจากได้โปรโมชั่นส่วนลดคุ้มค่ากว่าการซื้อโครงการที่ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ อีกทั้งยังมีรูปแบบห้องให้เลือกมากกว่า แต่ต้องแลกกับการแบกรับความเสี่ยงหากโครงการไม่ผ่านการอนุมัติ EIA ในอนาคต 

ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) เผยความเสี่ยงที่ผู้บริโภคควรพิจารณาเมื่อซื้อโครงการที่อยู่อาศัยที่ยังไม่ผ่าน EIA เพื่อเตรียมพร้อมรับมือหากเกิดปัญหาในอนาคต 

  • ไม่สามารถขอใบอนุญาตการก่อสร้างได้ การยื่นขออนุมัติ EIA ถือเป็นหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญที่ใช้ในการขอใบอนุญาตก่อสร้าง ถึงแม้โครงการอสังหาฯ จะเปิดจองจนขายได้หมดแต่จะไม่สามารถเริ่มก่อสร้างได้หากโครงการไม่มีใบอนุญาตก่อสร้าง โดยเจ้าพนักงานที่มีอำนาจออกใบอนุญาตก่อสร้างจะต้องรอให้ EIA ได้รับอนุมัติจาก สผ. ก่อนจึงจะออกใบอนุญาตก่อสร้างให้โครงการที่ยื่นขอได้ 
  • ก่อสร้างล่าช้าหรืออาจถูกระงับ ปกติจะใช้ระยะเวลาในการจัดทำรายงาน EIA ประมาณ 6 เดือน ในกรณีที่ยื่นขอ EIA แล้วรายงานไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนด ผู้พัฒนาอสังหาฯ จะต้องกลับมาแก้ไขและยื่นรายงานใหม่อีกครั้ง ซึ่งบางครั้งอาจมีการปรับเปลี่ยนแบบแปลนโครงการเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนด และต้องแก้ไขจนกว่าจะผ่าน EIA จึงจะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ ซึ่งอาจทำให้กำหนดการก่อสร้างแล้วเสร็จล่าช้าออกไปอย่างไม่มีกำหนด หรือในกรณีที่ร้ายแรงที่สุดคืออาจถูกระงับการก่อสร้างถาวร 
  • เกิดข้อพิพาทกับชุมชนข้างเคียง หากโครงการเริ่มก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุมัติ EIA อาจถูกฟ้องร้องจากชุมชนรอบข้าง ซึ่งอาจมีผลกระทบทางกฎหมายอื่น ๆ ที่ยืดเยื้อตามมาได้ ดังนั้น ผู้บริโภคควรตรวจสอบเบื้องต้นก่อนว่าโครงการที่สนใจเคยมีปัญหาข้อพิพาทกับชุมชนข้างเคียงหรือหน่วยงานราชการหรือไม่ ข้อพิพาทนั้นสิ้นสุดแล้วหรือไม่ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจตามมาในภายหลัง นอกจากนี้ในบางกรณีที่โครงการผ่าน EIA และเริ่มก่อสร้างแล้ว อาจมีข้อร้องเรียนว่าระหว่างก่อสร้างได้สร้างผลกระทบกับชุมชนและเพื่อนบ้านโดยรอบ ซึ่งสามารถร้องเรียนในลักษณะการฟ้องหน่วยงานรัฐแล้วจึงฟ้องต่อศาลปกครอง เพื่อพิจารณาถอนใบอนุญาตก่อสร้าง หรือให้ศาลปกครองมีคำสั่งให้ระงับการก่อสร้างชั่วคราวได้เช่นกัน โดยขึ้นอยู่กับการเจรจาหาข้อตกลงของผู้พัฒนาอสังหาฯ กับผู้ร้องเรียน
  • กระทบต่อภาพลักษณ์โครงการ หากมีข้อพิพาทเกี่ยวกับ EIA เกิดขึ้นมักจะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของผู้พัฒนาอสังหาฯ และภาพลักษณ์ของโครงการนั้น ๆ โดยตรง ส่งผลให้ผู้ซื้อหรือนักลงทุนไม่สามารถขายต่อหรือปล่อยเช่าได้ง่ายดังเดิม โดยเฉพาะในกรณีที่เกิดข้อพิพาทที่รอการพิจารณาของศาลอาจส่งผลต่อการทำธุรกรรมกับธนาคาร เช่น รีเทนชั่น/รีไฟแนนซ์ รวมทั้งอาจทำให้มูลค่าของทรัพย์สินลดลงอย่างมีนัยสำคัญได้

ส่องเช็กลิสต์สำหรับมือใหม่ เลือกซื้อบ้าน/คอนโดฯ อย่างไรให้ไกลข้อพิพาท

การซื้อที่อยู่อาศัยหลังใหม่ถือเป็นก้าวสำคัญของการเริ่มต้นชีวิตอีกหนึ่งบท เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากเผชิญกับปัญหาคดีความที่อาจตามมาในอนาคต ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) เผยเช็กลิสต์ที่คนวางแผนซื้อบ้าน/คอนโดมือใหม่ควรรู้ มีแนวทางตรวจสอบอย่างไรเพื่อให้มั่นใจว่าบ้านใหม่หลังนี้จะห่างไกลจากข้อพิพาท

  1. ตรวจสอบว่าโครงการผ่าน EIA หรือไม่ ในขั้นตอนการวางแผนซื้อที่อยู่อาศัยนั้น หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคควรพิจารณาคือโครงการที่สนใจซื้อมีการทำ EIA ผ่านเรียบร้อยหรือไม่ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจกระทบการก่อสร้างในภายหลัง โดยสามารถสอบถามสถานะการยื่นขอ EIA กับพนักงานขายของโครงการก่อนตัดสินใจจองและทำสัญญาใด ๆ หรือสามารถเข้าไปตรวจสอบด้วยตนเองได้ที่เว็บไซต์ของ สผ. https://eia.onep.go.th ซึ่งจะบอกสถานะของโครงการจากฐานข้อมูลโครงการที่รอพิจารณาหรือประกาศแล้วว่าได้รับความเห็นชอบผ่านการพิจารณา EIA เรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ดี หากโครงการเปิดขายก่อนที่จะผ่าน EIA ผู้บริโภคต้องสอบถามผู้พัฒนาอสังหาฯ ให้ชัดเจนว่ามีแผนดำเนินงานอย่างไร และคาดว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนในการรอผลการอนุมัติ โดยสามารถขอเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการยื่น EIA ของโครงการ เพื่อนำมาประเมินความเสี่ยงและวางแผนทางการเงินอย่างเหมาะสมต่อไป

  1. ตรวจสอบความรับผิดชอบในสัญญาให้ชัดเจน หากได้ที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์แล้ว ขั้นตอนสำคัญที่ผู้บริโภคควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนเซ็นสัญญา คือ รายละเอียดขอบเขตความรับผิดชอบของโครงการที่ระบุไว้ในสัญญาจะซื้อจะขาย เนื่องจากถือเป็นหลักฐานที่มีผลทางกฎหมายหากมีปัญหาในอนาคต โดยเฉพาะโครงการที่ยังไม่ผ่าน EIA ควรตรวจสอบว่ามีการระบุความรับผิดชอบอย่างไรบ้าง เช่น สัญญาระบุว่าจะดำเนินการยื่นขอ EIA แล้วเสร็จภายในระยะเวลาเท่าไร หรือหากยื่นขอ EIA ไม่ผ่านแล้วโครงการจะรับผิดชอบอย่างไรต่อผู้ที่ผ่อนดาวน์ไปแล้ว หรือหากโครงการถูกยกเลิกการก่อสร้าง จะคืนเงินที่ผู้ซื้อจ่ายไปแล้วพร้อมดอกเบี้ยหรือไม่ และเสนอการชดเชยอย่างไรบ้าง

  2. ตรวจสอบคุณภาพของโครงการเป็นไปตามโฆษณาหรือไม่ เดินทางไปเยี่ยมชมห้องตัวอย่างเพื่อดูสภาพห้องและบรรยากาศของจริง พร้อมทั้งสอบถามพนักงานอย่างละเอียดเกี่ยวกับยี่ห้อและคุณภาพของวัสดุที่ใช้ในโครงการว่าตรงตามสเปกที่แจ้งไว้ในสื่อโฆษณา/ประชาสัมพันธ์หรือไม่ วัสดุเหล่านั้นมีความทนทานและเหมาะสมกับการใช้งานระยะยาวเพียงใด เพื่อนำมาประเมินว่าคุ้มค่ากับราคาขายหรือไม่หากเทียบกับโครงการที่มีขนาดห้องและสเปกไล่เลี่ยกันในตลาด ทั้งนี้ หากตัดสินใจซื้อแล้วควรเก็บเอกสารโฆษณา/ประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ของโครงการไว้เป็นข้อมูลอ้างอิงเมื่อต้องตรวจรับห้อง/บ้านอีกครั้ง ในกรณีที่งานก่อสร้างหรืองานตกแต่งไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ควรแจ้งให้โครงการทำการแก้ไขให้เรียบร้อยก่อน แล้วจึงทำการโอนกรรมสิทธิ์เท่านั้น

  3. ตรวจสอบว่าโครงการมีข้อพิพาทหรือไม่ นอกเหนือจากการตรวจสอบ EIA แล้ว อีกเรื่องสำคัญที่คนซื้อที่อยู่อาศัยควรตรวจสอบ คือ โครงการนั้นมีข้อพิพาทหรือมีคดีความที่ยังไม่สิ้นสุดหรือไม่ เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของโครงการ ทำให้ผู้ซื้อไม่สามารถประกาศขายหรือทำธุรกรรมทางการเงินได้ง่ายดังเดิม โดยควรค้นหาข้อมูล/ข่าวสารออนไลน์ว่าโครงการนั้นมีข้อพิพาทกับลูกค้า ชุมชนข้างเคียง หรือหน่วยงานราชการหรือไม่ ข้อพิพาทนั้นสิ้นสุดแล้วหรืออยู่ในขั้นตอนใด และจากข้อพิพาทที่เกิดขึ้นในอดีตนั้นผู้พัฒนาอสังหาฯ รับผิดชอบต่อผู้ซื้อที่ได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง นอกจากนี้ควรสอบถามกับผู้ที่เคยอยู่อาศัยในโครงการอื่น ๆ ที่ผู้พัฒนาอสังหาฯ เคยสร้างมาก่อนว่ามีประสบการณ์หลังการขายอย่างไร และไปสำรวจพื้นที่รอบ ๆ โครงการเพื่อให้เห็นสภาพการอยู่อาศัยที่แท้จริง และประเมินความน่าเชื่อถือของโครงการได้ดียิ่งขึ้น

เมื่อโครงการที่ซื้อขอ EIA ไม่ผ่าน ผู้ซื้อควรรับมืออย่างไร

ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) แนะนำแนวทางรับมือเพื่อเรียกร้องสิทธิของผู้บริโภค หากโครงการอสังหาฯ ที่ซื้อต้องชะลอหรือยกเลิกแผนการก่อสร้างเนื่องจากยื่นขอ EIA ไม่ผ่าน และผู้พัฒนาอสังหาฯ ไม่มีการชี้แจงความคืบหน้าที่ชัดเจน ดังนี้

  1. สอบถามแนวทางแก้ไขกับโครงการว่ามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง หากโครงการให้รอการยื่นแก้ไข EIA จนกว่าจะผ่าน จะใช้เวลานานเพียงใด ในระหว่างที่การก่อสร้างล่าช้ามีการชดเชยให้กับผู้ซื้ออย่างไร และถ้าผู้ซื้อไม่สามารถรอได้ โครงการจะคืนเงินจองและเงินที่ผ่อนดาวน์ให้ได้เมื่อไร หรือในกรณีที่โครงการขอ EIA ไม่ผ่านและต้องยกเลิกการก่อสร้าง ทางโครงการรจะรับผิดชอบคืนเงินจอง เงินผ่อนดาวน์พร้อมดอกเบี้ยให้ผู้ซื้อหรือไม่
  2. หากติดตามการแก้ไขปัญหากับโครงการด้วยตนเองไม่เป็นผลหรือไม่มีความคืบหน้า ผู้ซื้อควรรวมตัวเรียกร้องสิทธิ์เป็นกลุ่มร่วมกับผู้ซื้อคนอื่น ๆ ที่เจอปัญหาเดียวกัน เพื่อแสดงพลังของผู้บริโภคและเพิ่มอำนาจในการต่อรองให้มีมากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์กว่าการเดินเรื่องต่าง ๆ เพียงคนเดียว
  3. ในกรณีที่โครงการมีแนวโน้มว่าจะไม่คืนเงินหรือไม่มีมาตรการชดเชยเยียวยาที่ชัดเจน ผู้ซื้อที่ได้รับผลกระทบควรรวมตัวเป็นกลุ่มเพื่อไปแจ้งสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อปรึกษาขอคำแนะนำจาก สคบ. ให้ช่วยเหลือตามสิทธิ์ของผู้บริโภคที่ควรได้รับ จากนั้นจึงควรรวมตัวกันไปลงบันทึกประจำวันกับตำรวจในท้องที่ที่ตั้งของโครงการ ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

อย่างไรก็ตาม มีข้อยกเว้นในบางกรณีที่บางโครงการคอนโดฯ ซึ่งผ่านการอนุมัติ EIA จนก่อสร้างแล้วเสร็จเรียบร้อยมาหลายปี แต่ยังคงมีข้อพิพาทที่อยู่ระหว่างการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล ท้ายที่สุดแล้วศาลอาจมีคำสั่งเพิกถอนการให้ความเห็นชอบรายงาน EIA และใบอนุญาตก่อสร้างของโครงการ โดยมีผลย้อนหลังได้เช่นกัน ซึ่งผู้พัฒนาอสังหาฯ ต้องกลับไปแก้ไขเพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย และต้องมีแนวทางเยียวยาชดเชยลูกบ้านที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน ถือเป็นกรณีศึกษาและเป็นแนวทางให้ผู้พัฒนาอสังหาฯ ชุมชนและภาคเอกชนที่อยู่รอบข้าง รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องได้กลับไปทบทวนและพิจารณาผลกระทบจากการก่อสร้างที่มีต่อชุมชนให้รอบคอบยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ในปี 2564 สผ. ได้จัดทำเอกสารเผยแพร่ “แนวทางการศึกษาและการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านการบดบังแสงอาทิตย์ และด้านการเปลี่ยนแปลงของลม จากการก่อสร้างอาคาร สำหรับรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการอาคาร การจัดสรรที่ดิน และบริการชุมชน” เปิดโอกาสให้ชุมชนรอบข้างที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างอาคารสูงบังทิศทางแดดและทิศทางลม สามารถคัดค้านการสร้างโครงการนั้น ๆ ได้ รวมทั้งกำหนดให้ “เจ้าของอาคาร” ใช้แบบจำลองอาคารโครงการ (3D) เพื่อแสดงทิศทางเงาของอาคารและประมวลทิศทางลมหลังก่อสร้างในทำเลนั้น ๆ แม้แนวทางการศึกษาดังกล่าวยังไม่ได้ประกาศใช้อย่างเป็นทางการ แต่ได้สร้างแรงกระเพื่อมเป็นวงกว้างในภาคอสังหาฯ ทั้งในมุมชุมชนรอบข้างที่จะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและลดปัญหาสุขภาพ ขณะที่ผู้ประกอบการก็มีต้นทุนในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น และอาจส่งผลให้การยื่นขอ EIA ใช้ระยะเวลาพิจารณายาวนานขึ้นเช่นกัน

ดังนั้น ผู้บริโภคจึงควรเลือกซื้อโครงการอสังหาฯ ที่ผ่านการอนุมัติ EIA เรียบร้อย เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาในภายหลัง หรือหากเป็นโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการขอ EIA ก็ควรเลือกซื้อโครงการจากผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่มีความน่าเชื่อถือ มีความมั่นคงทางการเงิน และพร้อมรับผิดชอบหากเกิดปัญหาจากการขอ EIA ทั้งนี้ แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทยอย่างดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (www.DDproperty.com) รวบรวมข้อมูลประกาศซื้อ-ขาย-เช่าที่อยู่อาศัยจากหลากหลายทำเลศักยภาพทั่วประเทศ พร้อมอัปเดตบทความและข่าวสารในแวดวงอสังหาฯ ให้ผู้ซื้อ/ผู้เช่า/นักลงทุนได้ติดตามทุกเรื่องราวที่ควรรู้ ช่วยให้ทุกเส้นทางการซื้อ-ขาย-เช่าของทุกคนเป็นไปอย่างราบรื่นและมั่นใจยิ่งขึ้น

Alibaba Introduces Open-Source Model for Digital Human Video Generation

Alibaba เปิดตัวโมเดลโอเพ่นซอร์สสำหรับการสร้าง Digital Human Video

Alibaba Introduces Open-Source Model for Digital Human Video Generation

Speech-to-Video model, Wan2.2-S2V, brings portraits to life

Alibaba has unveiled Wan2.2-S2V (Speech-to-Video), its latest open-source model designed for digital human video creation. This innovative tool converts portrait photos into film-quality avatars capable of speaking, singing, and performing.

Part of Alibaba’s Wan2.2 video generation series, the new model can generate high-quality animated videos from a single image and an audio clip.

Wan2.2-S2V offers versatile character animation capabilities, enabling the creation of videos across multiple framing options including portrait, bust, and full-body perspectives. It can generate character actions and environmental factors dynamically based on prompt instructions, allowing professional content creators to capture precise visual representations tailored to specific storytelling and design requirements.

Powered by advanced audio-driven animation technology, the model delivers lifelike character performances, ranging from natural dialogue to musical performances, and seamlessly handles multiple characters within a scene. Creators can now transform voice recordings into lifelike animated movements, supporting a diverse range of avatars, from cartoon and animals to stylized characters.

To meet the diverse needs of professional content creators, the technology provides flexible output resolutions of 480P and 720P. This ensures high-quality visuals output that meets various professional and creative standards, making it suitable for both social media content and professional presentations.

Innovative Technologies

Wan2.2-S2V transcends traditional talking-head animations by combining text-guided global motion control with audio-driven fine-grained local movements. This enables natural and expressive character performances across complex and challenging scenarios.

Another key breakthrough lies in the model’s innovative frame processing technique. By compressing historical frames of arbitrary length into a single, compact latent representation, the technology significantly reduces computational overhead. This approach allows for remarkably stable long-video generation, addressing a critical challenge in extended animated content production.

The model’s advanced capabilities are further amplified by the model’s comprehensive training methodology. Alibaba’s research team constructed a large-scale audio-visual dataset specifically tailored to film and television production scenarios. Using a multi-resolution training approach, Wan2.2-S2V supports flexible video generation across diverse formats – from vertical short-form content to traditional horizontal film and television productions.

Wan2.2-S2V model is available to download on Hugging Face and GitHub, as well as Alibaba Cloud’s open-source community, ModelScope. A major contributor to the global open-source community, Alibaba open sourced Wan2.1 models in February 2025 and Wan 2.2 models in July. To date, the Wan series has generated over 6.9 million downloads on Hugging Face and ModelScope.

Alibaba เปิดตัวโมเดลโอเพ่นซอร์สสำหรับการสร้าง Digital Human Video

Alibaba เปิดตัวโมเดลโอเพ่นซอร์สสำหรับการสร้าง Digital Human Video

Alibaba เปิดตัวโมเดลโอเพ่นซอร์สสำหรับการสร้าง Digital Human Video

Wan2.2-S2V สร้างสรรค์ภาพถ่ายให้มีชีวิต ด้วยโมเดลแปลงเสียงพูดเป็นวิดีโอ (Speech-to-Video model)

อาลีบาบา เปิดตัว Wan2.2-S2V (Speech-to-Video) โมเดลโอเพ่นซอร์สล่าสุดที่ออกแบบมาสำหรับการสร้างวิดีโอมนุษย์ดิจิทัล (digital human video) ที่สามารถแปลงภาพถ่ายบุคคลให้กลายเป็นอวทาร์คุณภาพระดับภาพยนตร์ที่พูด ร้องเพลง และแสดงท่าทางได้ 

โมเดลนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Wan2.2 ซึ่งเป็นชุดโมเดลการสร้างวิดีโอของอาลีบาบา โมเดลนี้สามารถสร้างวิดีโอแอนิเมชันคุณภาพสูงจากภาพภาพเดียวและคลิปเสียงหนึ่งคลิป

Wan2.2-S2V มอบความสามารถด้านการสร้างแอนิเมชันตัวละครที่หลากหลาย รองรับการสร้างวิดีโอได้หลายมุมมอง ทั้งแบบพอร์ตเทรต ครึ่งตัว และเต็มตัว อีกทั้งยังสามารถสร้างการเคลื่อนไหวของตัวละครและองค์ประกอบแวดล้อมแบบไดนามิกตามคำสั่งที่กำหนด ช่วยให้ครีเอเตอร์สามารถถ่ายทอดภาพได้อย่างแม่นยำ ตรงตามเรื่องราวและการออกแบบ

โมเดลนี้สามารถสร้างตัวละครที่แสดงได้เสมือนจริง ตั้งแต่บทสนทนาที่เป็นธรรมชาติ ไปจนถึงการแสดงดนตรี โดยอาศัยเทคโนโลยีแอนิเมชันที่ขับเคลื่อนด้วยเสียงที่มีประสิทธิภาพสูง และยังจัดการกับตัวละครหลายตัวภายในฉากได้อย่างราบรื่น ครีเอเตอร์สามารถแปลงเสียงบันทึกให้เป็นภาพเคลื่อนไหวที่สมจริง รองรับอวทาร์ที่หลากหลาย ตั้งแต่การ์ตูนและสัตว์ ไปจนถึงตัวละครที่มีสไตล์เฉพาะตัว  

เทคโนโลยีนี้มอบความละเอียดของการแสดงผลที่ยืดหยุ่น ทั้ง 480P และ 720P เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของคอนเทนต์ครีเอเตอร์มืออาชีพให้มั่นใจได้ว่าจะได้ภาพคุณภาพสูงที่ตรงตามมาตรฐานทางวิชาชีพและงานสร้างสรรค์ที่หลากหลาย จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคอนเทนต์บนสื่อโซเชียลและงานนำเสนอระดับมืออาชีพ 

นวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่หลากหลาย

Wan2.2-S2V มีประสิทธิภาพเหนือแอนิเมชันแบบ talking-head ด้วยการผสมผสานการควบคุมการเคลื่อนไหวหลักในภาพรวมด้วยคำสั่งจากข้อความ และการเคลื่อนไหวเฉพาะจุดที่มีรายละเอียดสูงด้วยข้อมูลจากเสียงเข้าด้วยกัน ทำให้ตัวละครเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติและสื่ออารมณ์ได้อย่างลึกซึ้ง แม้ในสถานการณ์ที่ซับซ้อนและท้าทาย

เทคนิคการประมวลผลเฟรมที่เป็นนวัตกรรมของโมเดลนี้ เป็นอีกหนึ่งความล้ำหน้าสำคัญ เทคโนโลยีนี้ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการประมวลผลได้อย่างมีนัยสำคัญ จากการบีบอัดเฟรมที่มีอยู่เดิมซึ่งมีความยาวแบบไม่จำกัดให้เป็นภาพแฝง (latent representation) ที่มีขนาดกะทัดรัดเพียงภาพเดียว ซึ่งช่วยให้สามารถสร้างวิดีโอยาว ๆ ที่มีความเสถียรได้อย่างน่าทึ่ง เป็นการจัดการกับความท้าทายสำคัญในการผลิตคอนเทนต์แอนิเมชันที่ขยายเพิ่มเติม

ความสามารถที่ก้าวล้ำของโมเดลได้รับการยกระดับให้โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยกระบวนการเทรนที่ครอบคลุม ทีมวิจัยของอาลีบาบาได้สร้างชุดข้อมูลภาพและเสียงขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการผลิตภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์โดยเฉพาะ Wan2.2-S2V ได้รับการเทรนด้วยความละเอียดหลายระดับ (multi-resolution) จึงสามารถรองรับการสร้างวิดีโอได้หลายรูปแบบอย่างยืดหยุ่น ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์วิดีโอสั้นที่ถ่ายทำแบบแนวตั้ง ไปจนถึงงานผลิตภาพยนต์และรายการโทรทัศน์แบบเดิมที่ถ่ายทำเป็นแนวนอน 

Wan2.2-S2V พร้อมให้ดาวน์โหลดแล้วบน Hugging Face, GitHub และบน ModelScope ซึ่งเป็นคอมมิวนิตี้ด้านโอเพ่นซอร์สของอาลีบาบา คลาวด์ นอกจากนี้ในฐานะผู้มีส่วนร่วมสำคัญต่อชุมชนโอเพ่นซอร์สระดับโลก อาลีบาบาได้เปิดโอเพ่นซอร์สโมเดล Wan2.1 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 และโมเดล Wan2.2 เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ปัจจุบันโมเดลที่อยู่ใน Wan series มียอดดาวน์โหลดรวมกว่า 6.9 ล้านครั้งบน Hugging Face และ ModelScope

Thailand’s energy transition gains pace amid resilient plans and rising investment – ABB study

ผลการศึกษาของ ABB ระบุว่า การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของประเทศไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยแผนงานที่แข็งแกร่ง และการลงทุนที่เพิ่มขึ้น

Thailand’s energy transition gains pace amid resilient plans and rising investment – ABB study

  • Thailand shows strong commitment to energy transition, with 80 percent of energy leaders saying their plans remain on track despite global geopolitical shifts
  • Momentum in renewables and broader transition remains robust, with 77 percent expecting renewable energy use to increase by over 20 percent within five years
  • 74 percent of organizations allocating more than 10 percent of CAPEX to transition efforts

Thailand is well-positioned to play a more leading role in shaping and supporting Asia Pacific in the global energy transition, according to the findings from the ABB Energy Industries division Asia Pacific Energy Transition Readiness Index 2025. The country’s progress is underpinned by resilience and a forward-looking mindset, with a significant 80 percent of energy leaders saying their plans remain on track despite recent global geopolitical shifts – a clear signal of strategic stability.

This industry survey by ABB’s Energy Industries division is based on responses of 4,085 energy leaders responsible for sustainability and technology strategies at companies in 10 energy-intensive industries across 12 markets in Asia Pacific. Assessing 20 readiness indicators across four pillars critical to the transition – Strategy, Technology & Infrastructure, Finance, and Talent – the Thailand results point to growing momentum, supported by national climate goals and increasing confidence in AI and automation.

Thailand is expecting to make strong progress in renewables, with 77 percent of energy leaders expecting their organization’s renewable energy use to grow by more than 20 percent in the next five years, while 39 percent already source over half their energy from renewables. This momentum aligns with the country’s carbon neutrality and net-zero goals, as well as the country’s draft Power Development Plan (PDP2024), which targets a 51 percent share of renewables in total power generation capacity by 2037, up from 36 percent in the existing PDP2018.

Anders Maltesen, President of ABB’s Energy Industries division, Asia, said, “Thailand’s performance across key readiness indicators is encouraging – driven by strong and accelerating renewable energy adoption, rising investment, and a forward-looking embrace of AI. Backed by national commitments, the country is well-positioned to set the pace for the region. To fully unlock this potential, it must strengthen strategic planning and workforce skills, using targeted investment and cross-sector collaboration to bridge gaps and shape a more sustainable energy future.”

65 percent of leaders cite technology as a major accelerator, and 34 percent say there are also untapped opportunities to scale proven solutions. Optimism is strong around AI and automation (69 percent view them as key enablers), supported by Thailand’s national push on digitalization and AI development, including its latest ฿25 billion AI strategy. To realize this potential, organizations must pair adoption with operational and cybersecurity foundations needed for reliable performance.

With 74 percent of organizations planning to allocate over 10 percent of their capital expenditures (CAPEX) to transition initiatives in the next five years, coupled with technological optimism and growing sector alignment, Thailand is well-placed to turn progress into lasting impact and strengthen its role in Asia Pacific’s energy transition.

ABB is a global technology leader in electrification and automation, enabling a more sustainable and resource-efficient future. By connecting its engineering and digitalization expertise, ABB helps industries run at high performance, while becoming more efficient, productive and sustainable so they outperform. At ABB, we call this ‘Engineered to Outrun’. The company has over 140 years of history and around 110,000 employees worldwide. ABB’s shares are listed on the SIX Swiss Exchange (ABBN) and Nasdaq Stockholm (ABB). www.abb.com

ABB’s Process Automation business automates, electrifies and digitalizes industrial operations that address a wide range of essential needs – from supplying energy, water and materials, to producing goods and transporting them to market. With its ~20,000 employees, leading technology and service expertise, ABB Process Automation helps process, hybrid and maritime industries outrun – leaner and cleaner. go.abb/processautomation

ผลการศึกษาของ ABB ระบุว่า การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของประเทศไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยแผนงานที่แข็งแกร่ง และการลงทุนที่เพิ่มขึ้น

ผลการศึกษาของ ABB ระบุว่า การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของประเทศไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยแผนงานที่แข็งแกร่ง และการลงทุนที่เพิ่มขึ้น

ผลการศึกษาของ ABB ระบุว่า การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของประเทศไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยแผนงานที่แข็งแกร่ง และการลงทุนที่เพิ่มขึ้น

  • ประเทศไทยมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน โดย 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้นำด้านการใช้พลังงานของไทยกล่าวว่า แผนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของตนยังคงเดินหน้าแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ของโลกก็ตาม  
  • แรงขับเคลื่อนในการใช้พลังงานหมุนเวียนและการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานยังเกิดขึ้นต่อเนื่องและจริงจังในวงกว้าง โดยผู้ตอบแบบสำรวจ 77 เปอร์เซ็นต์ คาดว่าจะเพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียนมากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ภายในห้าปี
  • 74 เปอร์เซ็นต์ขององค์กรที่ตอบแบบสำรวจจัดสรรเงินมากกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ของค่าใช้จ่ายในการลงทุน (CAPEX) เพื่อการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน

ผลสำรวจดัชนีความพร้อมการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกประจำปี 2025 โดยฝ่ายอุตสาหกรรมพลังงานของเอบีบี ระบุว่า ประเทศไทยมีความพร้อมและมีบทบาทเป็นผู้นำอย่างชัดเจนมากขึ้นในการกำหนดทิศทางและสนับสนุนเอเชียแปซิฟิกในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของโลก ความก้าวหน้าในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของประเทศไทย ได้รับการสนับสนุนจากความแข็งแกร่งและกรอบความคิดที่มองไปข้างหน้า เห็นได้จากผู้นำด้านการใช้พลังงานที่ตอบแบบสำรวจมากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ กล่าวว่าแผนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของตนยังคงเดินหน้าแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ของโลกเมื่อเร็ว ๆ นี้ ก็ตาม ซึ่งเป็นสัญญาณที่แสดงถึงเสถียรภาพของกลยุทธ์ด้านนี้อย่างชัดเจน 

การสำรวจนี้จัดทำโดยฝ่ายอุตสาหกรรมพลังงานของเอบีบี ทำการสำรวจผู้นำด้านการใช้พลังงานของธุรกิจจำนวน 4,085 ราย ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนและด้านเทคโนโลยีของบริษัทในอุตสาหกรรม 10 ประเภทที่ใช้พลังงานสูง ผู้ตอบแบบสำรวจมาจาก 12 ตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทำการประเมินตัวบ่งชี้ความพร้อม 20 รายการในสี่ประเด็นที่สำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ประกอบด้วย กลยุทธ์ เทคโนโลยีและหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐาน การเงิน และบุคลากรที่มีความสามารถ ซึ่งผลสำรวจของประเทศไทยเป็นไปในทิศทางของการเติบโตต่อเนื่องที่ได้รับการสนับสนุนจากเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศต่าง ๆ ของประเทศ รวมถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นต่อ AI และระบบควบคุมอัตโนมัติ

ทั้งนี้คาดได้ว่าประเทศไทยจะมีความก้าวหน้าด้านพลังงานหมุนเวียนอย่างแข็งแกร่ง โดย 77 เปอร์เซ็นต์ ของผู้นำด้านการใช้พลังงานที่ตอบแบบสำรวจคาดว่าการใช้พลังงานหมุนเวียนของตนจะเติบโตมากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ในอีกห้าปีข้างหน้า ทั้งนี้ 39 เปอร์เซ็นต์ระบุว่า ปัจจุบันองค์กรของตนใช้พลังงานหมุนเวียนมากกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาณพลังงานที่ใช้ทั้งหมด ซึ่งเป็นสัญญาณที่สอดคล้องกับเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net-zero) ของประเทศ รวมถึงร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (ร่าง PDP2024) ที่ตั้งเป้าให้มีสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนในการผลิตไฟฟ้าเป็น 51 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี พ.ศ. 2580 เพิ่มจาก 36 เปอร์เซ็นต์ ในแผน PDP2018 ที่ใช้ในปัจจุบัน

นายแอนเดอร์ มัลทีเซ็น ประธานฝ่ายอุตสาหกรรมพลังงานของเอบีบีในภูมิภาคเอเชีย กล่าวว่า “สมรรถนะของประเทศไทยที่ได้จากตัวชี้วัดความพร้อมทุกรายการนั้นเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งเป็นผลจากการใช้พลังงานหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและได้รับการยอมรับอย่างมาก การลงทุนที่เพิ่มขึ้น และการใช้ AI อย่างมีวิสัยทัศน์ ทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากความมุ่งมั่นระดับประเทศ ประเทศไทยจึงมีความพร้อมที่จะเป็นผู้นำทิศทางการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของภูมิภาคนี้ และเพื่อให้ได้ใช้ศักยภาพอย่างเต็มประสิทธิภาพ องค์กรธุรกิจไทยจำเป็นต้องเสริมการวางแผนกลยุทธ์และทักษะกำลังคนให้แข็งแกร่ง ด้วยการลงทุนที่ตรงเป้า และความร่วมมือข้ามภาคส่วน เพื่อปิดช่องว่างและสร้างอนาคตด้านพลังงานที่ยั่งยืนมากขึ้น”

ผลสำรวจยังพบว่าผู้นำ 65 เปอร์เซ็นต์กล่าวว่าเทคโนโลยีเป็นหนึ่งในตัวเร่งสำคัญของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และ 34 เปอร์เซ็นต์กล่าวว่ายังมีโอกาสในการปรับขนาดการใช้โซลูชันที่ได้รับการพิสูจน์แล้วที่ยังไม่ได้ใช้ ในขณะเดียวกัน ก็มีมุมมองเชิงบวกอย่างมากเกี่ยวกับ AI และระบบควบคุมอัตโนมัติ (ผู้ตอบแบบสำรวจ 69 เปอร์เซ็นต์มองว่าเป็นตัวช่วยสำคัญ) ทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากนโยบายการขับเคลื่อนดิจิทัลและการพัฒนา AI ระดับประเทศ ซึ่งรวมถึงกลยุทธ์ AI ล่าสุดมูลค่า 25,000 ล้านบาท และเพื่อให้ตระหนักถึงศักยภาพนี้ องค์กf รต่าง ๆ ต้องจับคู่การใช้งานกับโครงสร้างของระบบปฏิบัติการและความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่จำเป็นเพื่อให้ได้รับประสิทธิภาพที่เชื่อถือได้

องค์กรที่ตอบแบบสำรวจ 74 เปอร์เซ็นต์วางแผนจัดสรรงบมากกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ของค่าใช้จ่ายในการลงทุน (CAPEX) ของตน เพื่อโครงการการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานในอีกห้าปีข้างหน้า และเมื่อรวมกับความเชื่อมั่นด้านเทคโนโลยีและการวางแนวทางประสานกันของภาคส่วนที่กำลังเติบโตแล้ว ประเทศไทยอยู่ในสถานะที่พร้อมเปลี่ยนความก้าวหน้าของกระบวนการต่าง ๆ ให้กลายเป็นผลลัพธ์ที่ยั่งยืน และเสริมสร้างบทบาทของไทยในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกให้แข็งแกร่ง

เอบีบี เป็นผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีเกี่ยวกับการใช้พลังงานไฟฟ้าและระบบควบคุมอัตโนมัติ ช่วยขับเคลื่อนอนาคตที่ยั่งยืนและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เอบีบี เชื่อมโยงความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและดิจิทัลของบริษัทเข้าด้วยกัน เพื่อช่วยให้ธุรกิจในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ควบคู่กับความสำเร็จที่เหนือกว่า ด้วยประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และยั่งยืนมากขึ้น และเราเรียกสิ่งนี้ว่า “วิศวกรรมเพื่อการก้าวข้ามขีดจำกัด” เอบีบี มีประวัติยาวนานมากกว่า 140 ปี มีพนักงานทั่วโลกประมาณ 110,000 คน หุ้นของเอบีบีจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SIX Swiss Exchange (ABBN) และ Nasdaq Stockholm (ABB). www.abb.com  

ธุรกิจโพรเซส ออโตเมชันของเอบีบี ช่วยให้กระบวนการทำงานของธุรกิจในอุตสาหกรรมต่าง ๆ
เป็นระบบด้วยระบบควบคุมอัตโนมัติ ระบบไฟฟ้า และดิจิทัลโซลูชั่น ซึ่งตอบสนองความต้องการที่จำเป็นพื้นฐานหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการจัดหาพลังงาน น้ำ และวัสดุต่าง ๆ ไปจนถึง การผลิตสินค้าและการขนส่งสินค้าออกสู่ตลาด ธุรกิจโพรเซส ออโตเมชันของเอบีบี มีพนักงานประมาณ 20,000 คน เมื่อรวมเข้ากับความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีและการให้บริการระดับแนวหน้า เราสามารถช่วยให้กระบวนการผลิตอุตสาหกรรมแบบต่อเนื่อง กระบวนการผลิตอุตสาหกรรมแบบผสมผสาน รวมถึงอุตสาหกรรมการเดินเรือสมุทร มีประสิทธิภาพสูงสุด ควบคู่การลดต้นทุนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม go.abb/processautomation