เคล็ด (ไม่) ลับวางแผนเลือกซื้อบ้านใหม่เป็นเรือนหออย่างไรให้รักมั่นคง

เคล็ด (ไม่) ลับวางแผนเลือกซื้อบ้านใหม่เป็นเรือนหออย่างไรให้รักมั่นคง

เคล็ด (ไม่) ลับวางแผนเลือกซื้อบ้านใหม่เป็นเรือนหออย่างไรให้รักมั่นคง

เมื่อความรักสุกงอมแล้วการวางแผนซื้อเรือนหอร่วมกันถือเป็นก้าวสำคัญของชีวิตคู่ เนื่องจากการมีบ้านเป็นของตัวเองนอกจากจะสร้างความมั่นคงแล้วยังเป็นสัญลักษณ์การเริ่มต้นสร้างครอบครัวอีกด้วย สอดคล้องกับข้อมูลจากแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดที่อยู่อาศัย DDproperty Thailand Consumer Sentiment Study รอบล่าสุดของดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย พบว่าผู้บริโภคเกือบ 1 ใน 3 (31%) ตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับพ่อแม่และบุตรหลานเมื่อขยายครอบครัว รวมถึงการวางแผนระยะยาวสำหรับผู้ที่มีแผนแต่งงานสร้างครอบครัว

ส่อง 4 ปัจจัยสำคัญที่คู่รักควรพิจารณาเมื่อซื้อเรือนหอ

การซื้อบ้านใหม่เป็นเรือนหอถือเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญที่คู่รักต้องพิจารณาร่วมกันหลายด้าน เนื่องจากเป็นการสร้างภาระผูกพันทางการเงินระยะยาวร่วมกัน ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) ชวนคู่รักมาสำรวจปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อบ้านใหม่เป็นเรือนหอ เพื่อให้สามารถเลือกที่อยู่อาศัยได้ตอบโจทย์ความต้องการของทั้งสองฝ่ายมากที่สุด ดังนี้

  1. ตั้งงบประมาณให้เหมาะสมกับรายได้ สิ่งแรกที่คู่รักต้องทำคือการตั้งงบประมาณเรือนหอในฝันให้ชัดเจน โดยพิจารณาจากรายได้และค่าใช้จ่ายของทั้งสองคนรวมกัน เพื่อนำมาคำนวณความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ต่อเดือนหากต้องยื่นกู้สินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยจากธนาคาร ขณะเดียวกันควรสร้างประวัติทางการเงินให้ดี หลีกเลี่ยงการมีประวัติค้างชำระซึ่งจะส่งผลต่อการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อได้ นอกจากนี้ยังต้องมีเงินเก็บเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ ค่าตกแต่งบ้าน เป็นต้น ทั้งนี้ การกำหนดงบประมาณซื้อที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมกับความสามารถทางการเงินจะช่วยให้คู่รักเลือกบ้านได้ตรงตามกำลังทรัพย์ และไม่สร้างภาระทางการเงินในอนาคต
  1. เลือกทำเลให้ตอบโจทย์ ครอบคลุมไลฟ์สไตล์ คู่รักทั้งสองฝ่ายควรเลือกทำเลเรือนหอให้สามารถเดินทางสะดวกทั้งในการไปทำงานหรือใช้ชีวิตตามไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบ เช่น ใกล้สวนสาธารณะ ใกล้แหล่งช็อปปิ้ง หากวางแผนมีบุตรในอนาคตก็ควรเลือกที่อยู่อาศัยที่ไม่ไกลจากสถานศึกษา หรือหากมีสัตว์เลี้ยงก็ควรพิจารณาโครงการบ้าน/คอนโดมิเนียมที่เลี้ยงสัตว์ได้ (Pet-Friendly) มีสิทธิประโยชน์หรือมีส่วนกลางที่อำนวยความสะดวกสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ

ล่าสุดดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) ได้ออกฟิลเตอร์ใหม่เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของคนหาบ้าน ให้สามารถเลือกค้นหาบ้าน/คอนโดฯ หลังใหม่ที่ใช่ได้ง่ายขึ้น ประกอบด้วยฟิลเตอร์ค้นหาโครงการที่มีส่วนกลางเอาใจคนรักสัตว์, โครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม, โครงการใกล้โรงเรียน และโครงการหรู นอกจากนี้ คู่รักควรเลือกทำเลที่มีระบบสาธารณูปโภคครบครัน อยู่ใกล้โรงพยาบาลหรือคลินิกเพื่อความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตและดูแลสุขภาพในอนาคต 

  1. พิจารณารูปแบบที่อยู่อาศัยให้เหมาะสม คู่รักควรตัดสินใจร่วมกันว่าจะเลือกซื้อที่อยู่อาศัยรูปแบบไหนเป็นเรือนหอ โดยพิจารณาจากจำนวนสมาชิกในครอบครัว เช่น หากวางแผนมีลูกในอนาคตบ้านเดี่ยวอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า ส่วนคู่รักที่ต้องการความคล่องตัวและไม่ต้องการพื้นที่มากนักควรเลือกคอนโดฯ แทน ทั้งนี้ หากคู่รักต้องทำงานที่บ้านหรือต้องการพื้นที่ทำธุรกิจเล็กน้อยอาจจะเลือกบ้านเดี่ยวหรือทาวน์เฮ้าส์ที่ตอบโจทย์มากกว่า อย่างไรก็ดี ปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือการไปดูโครงการจริงเพื่อพิจารณาสภาพแวดล้อมโดยรอบก่อนตัดสินใจซื้อ เช่น ความปลอดภัยในพื้นที่ ความเงียบสงบ และสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อให้การอยู่อาศัยเป็นไปอย่างราบรื่น
  1. วางแผนสร้างครอบครัวในอนาคตอย่างรอบคอบ การซื้อเรือนหอเป็นทรัพย์สินที่มีราคาสูง คู่รักจึงควรวางแผนอนาคตร่วมกันให้รอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อ ทั้งด้านการวางแผนครอบครัวว่าจะมีบุตรในอนาคต, จะอาศัยอยู่กันสองคน หรือจะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงแทนลูก (Pet Humanization) ซึ่งจะส่งผลต่อการเลือกขนาดและรูปแบบที่อยู่อาศัย รวมทั้งพิจารณาถึงความมั่นคงในอาชีพของทั้งสองฝ่าย โดยต้องไม่ลืมประเมินความเสี่ยงว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงทางอาชีพเกิดขึ้น จะยังคงมีเงินเก็บเพียงพอในการผ่อนชำระต่อได้มากน้อยเพียงใด ดังนั้น คู่รักจึงควรปรึกษาและพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อเรือนหอที่ใช่ในเวลาที่พร้อม

กฎหมายควรรู้ การซื้อเรือนหอถือเป็นสินสมรสหรือไม่?

ตามกฎหมายแล้วคู่สมรสจะมีสิทธิในการบริหารจัดการสินสมรสร่วมกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1474 บัญญัติไว้ว่า สินสมรส ได้แก่ ทรัพย์สินที่คู่สมรสได้มาระหว่างสมรส เช่น เงินเดือน โบนัส หรือทรัพย์สินที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาระหว่างสมรสโดยพินัยกรรมหรือการให้เป็นหนังสือโดยระบุว่าเป็นสินสมรส รวมทั้งทรัพย์สินที่เป็นดอกผลของสินส่วนตัว สำหรับสิทธิในการครอบครองอสังหาฯ หรือเรือนหอนั้น

  • หากคู่รักจดทะเบียนสมรสกันก่อนซื้อบ้าน/คอนโดฯ เพื่อเป็นเรือนหอจะถือเป็นสินสมรส ซึ่งทั้งสองคนมีกรรมสิทธิ์ร่วมกัน หากขายบ้านที่มีกรรมสิทธิ์ร่วมกันนี้ รายได้จากการขายจะต้องแบ่งครึ่งหรือแบ่งตามสัดส่วนกรรมสิทธิ์ ส่วนกรณีที่มีการหย่าร้างในภายหลัง สินสมรสจะต้องนำมาแบ่งกันระหว่างสามีภรรยา 
  • ในกรณีที่ผู้บริโภคซื้อบ้าน/คอนโดฯ ตั้งแต่ตอนยังโสดจะถือว่าที่อยู่อาศัยนั้นเป็นสินส่วนตัว หากผู้บริโภคมีการจดทะเบียนสมรสในภายหลังและต้องการเพิ่มชื่อคู่สมรสเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกัน จะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น หรือหากต้องการเพิ่มชื่อคู่สมรสในกรณีที่เปลี่ยนจากการกู้เดี่ยวมาเป็นการกู้ร่วมเพื่อช่วยกันผ่อนชำระบ้านนั้น ธนาคารจะนำรายได้และภาระหนี้ของคู่สมรสที่กู้ร่วมมาพิจารณาอีกครั้ง  

ด้านกรรมสิทธิ์ในการครอบครองที่อยู่อาศัย เมื่อผู้กู้ผ่อนชำระสินเชื่อบ้านครบแล้วกรรมสิทธิ์จะเป็นของผู้กู้โดยตรง ในกรณีการกู้ร่วมของคู่รัก ผู้กู้ร่วมจะต้องตกลงกันว่าจะให้ใครถือกรรมสิทธิ์ หรือจะถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน หรือจะระบุไปในสัญญาว่าจะมอบกรรมสิทธิ์ให้ผู้ใด อย่างไรก็ดี หากผู้กู้เสียชีวิตโดยไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ คู่สมรสที่ยังมีชีวิตจะถือเป็นทายาทโดยธรรมมีสิทธิรับมรดกของคู่สมรสที่เสียชีวิตได้ตามกฎหมาย ซึ่งรวมทั้งอสังหาริมทรัพย์ 

เปิดสูตรผ่อนบ้านฉบับคู่รัก วางแผนอย่างไรให้ผ่อนหมดไวไปด้วยกัน

การซื้อเรือนหอถือเป็นก้าวแรกในการเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่ เมื่อคู่รักคิดจะสร้างครอบครัวร่วมกันแล้วจึงไม่ควรละเลยการวางแผนทางการเงินเพื่อผ่อนบ้านในอนาคต ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) ขอแนะนำเคล็ด (ไม่) ลับช่วยให้คู่รักวางแผนผ่อนบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดภาระดอกเบี้ยให้หมดไว สานฝันให้คู่รักมีเรือนหอในฝันได้อย่างมั่นใจ 

  • ตกลงหน้าที่ผ่อนบ้านให้ชัดเจน คู่รักทั้งสองฝ่ายควรปรึกษาและตกลงกันให้ชัดเจนเกี่ยวกับหน้าที่ความรับผิดชอบในการผ่อนชำระสินเชื่อบ้าน เช่น ใครจะเป็นผู้ยื่นกู้ซื้อบ้านหรือจะกู้ร่วมกัน ใครจะรับหน้าที่ผ่อนบ้านเป็นหลัก แบ่งสัดส่วนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนกลางหรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เกี่ยวกับบ้านอย่างไร หรือจะตั้งเงินกองกลางเพื่อดูแลรักษาบ้านเท่าไร ซึ่งควรพิจารณาโดยอ้างอิงจากรายได้และค่าใช้จ่ายส่วนตัวของแต่ละฝ่ายว่าใครมีความสามารถในการผ่อนชำระได้มากกว่า เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกันและแยกรายจ่ายเพื่อผ่อนบ้านอย่างเป็นระบบ ลดความขัดแย้งเรื่องนี้ในภายหลัง
  • เลือกอัตราดอกเบี้ยอย่างชาญฉลาด ผู้บริโภคควรศึกษาและทำความเข้าใจว่าอัตราดอกเบี้ยแบบไหนที่คุ้มค่าที่สุด โดยนำอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อแต่ละตัวมาเฉลี่ยเป็นอัตราดอกเบี้ยตลอดอายุของสินเชื่อและปรับให้เป็นอัตราดอกเบี้ยต่อปี ซึ่งจะทำให้สามารถเปรียบเทียบสินเชื่อของแต่ละธนาคารได้ง่ายขึ้น สิ่งสำคัญคือผู้กู้ควรเลือกจากอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยใน 3 ปีแรกเป็นหลักว่าธนาคารใดให้ดอกเบี้ยต่ำที่สุด และเมื่อผ่อนชำระครบ 3 ปีแล้ว ให้พิจารณายื่นเรื่องขอลดดอกเบี้ยกับธนาคารเดิม (Retention) หรือรีไฟแนนซ์ (Refinance) กับธนาคารใหม่ ซึ่งจะช่วยให้ได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง ประหยัดค่าดอกเบี้ยในระยะยาวได้มากขึ้น 

เคล็ดลับในการเลือกสินเชื่อนั้นผู้กู้ควรเลือกอัตราดอกเบี้ยลอยตัวในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้มีแนวโน้มที่จะปรับลดลง ซึ่งจะทำให้ยอดดอกเบี้ยที่ผู้กู้ต้องชำระลดลงตามไปด้วย แต่หากอยู่ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้น ผู้กู้ควรเลือกสินเชื่อที่อัตราดอกเบี้ยคงที่ทั้ง 3 ปี เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของอัตราดอกเบี้ยลอยตัวที่อาจปรับสูงขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจในช่วงนั้น โดยสามารถติดตามสถานการณ์ที่ส่งผลต่อการปรับอัตราดอกเบี้ยได้จากข่าวเศรษฐกิจและการคาดการณ์จากนักวิเคราะห์

  • “ผ่อนแบบลดต้นลดดอก” ช่วยลดภาระดอกเบี้ย “การผ่อนบ้านแบบลดต้นลดดอก” (Effective Rate) เป็นวิธีการคำนวนของธนาคารที่ชี้แจงให้เห็นถึงความตรงต่อเวลาในการส่งเงินต้น อันเป็นผลทำให้ดอกเบี้ยในงวดต่อไปลดลง โดยคำว่า “ลดต้น” หมายถึงเงินต้นซึ่งจะนำมาคิดดอกเบี้ยในแต่ละงวด โดยเงินต้นจะลดลงไปเรื่อย ๆ จากการนำจำนวนเงินในงวดที่ชำระไปก่อนหน้าส่วนที่เหลือจากหักชำระดอกเบี้ยมาหักลบออกไป ส่วน “ลดดอก” หมายถึงดอกเบี้ยในงวดถัดมาที่จะลดลงเรื่อย ๆ แปรผันตามเงินต้นที่ลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เงินต้นเหลือน้อยลงเรื่อย ๆ เนื่องจากถูกหักออกไปจากการชำระในงวดก่อนหน้า แม้ว่าจำนวนเงินที่ชำระในแต่ละงวดจะกำหนดไว้คงที่ แต่การคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกนี้จะทำให้จำนวนเงินที่ผ่อนชำระในงวดหลัง ๆ จะถูกกันส่วนหนึ่งไปชำระดอกเบี้ยน้อยลง และเหลือส่วนที่ไปตัดยอดหนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ จึงถือเป็นวิธีที่ช่วยประหยัดดอกเบี้ยในระยะยาว
  • วางแผนโปะบ้านให้ผ่อนหมดไวแบบติดสปีดการโปะบ้าน” เป็นการผ่อนชำระหนี้ให้มากกว่าที่กำหนดไว้หรือมากกว่าจำนวนเงินชำระต่องวดที่ระบุไว้ในสินเชื่อ เพื่อให้มีจำนวนเงินไปหักชำระเงินต้นมากขึ้นหรือไปหักยอดหนี้โดยตรง ถือเป็นวิธีที่ช่วยให้ผ่อนบ้านหมดเร็วและลดดอกเบี้ยอย่างเห็นผลได้ชัดเจน โดยสามารถทำได้ทั้งการกระจายเงินเพื่อชำระเงินเกินด้วยจำนวนเงินน้อย ๆ แต่เลือกชำระเกินทุกงวด หรือจะชำระเกินด้วยจำนวนเงินมาก ๆ เพียงก้อนเดียวและโปะบ้านเพิ่มปีละครั้งก็ได้เช่นกัน

ซึ่งการโปะบ้านด้วยการชำระเกินทุกงวดด้วยจำนวนเงินน้อย ๆ เหมาะกับผู้มีรายได้คงที่และรายจ่ายค่อนข้างคงที่ ซึ่งจะดีกว่าการรอนำเงินก้อนใหญ่เพียงก้อนเดียวอย่างเงินโบนัสมาโปะยอดหนี้ ส่วนการผ่อนบ้านแบบโปะเงินจำนวนมากนั้นเหมาะสมกับอาชีพที่รายได้ไม่คงที่และไม่สม่ำเสมอ เช่น พนักงานขาย หรืออาชีพอิสระ ที่จะได้รับค่าจ้างหรือค่าคอมมิชชันเป็นครั้งไป จึงอาจไม่สามารถผ่อนบ้านแบบชำระเกินได้ทุกงวด อย่างไรก็ดี การโปะบ้านทุกครั้งที่มีโอกาสไม่ว่าจะวิธีไหนก็ช่วยให้ผู้กู้สามารถผ่อนชำระหนี้บ้านได้ไวกว่าปกติอย่างแน่นอน

การวางแผนซื้อเรือนหอแม้ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ยากเกินจะทำความเข้าใจ เพียงคู่รักใช้ความรักและความเข้าใจในการวางแผนก็จะสามารถเลือกซื้อเรือนหอในฝันได้อย่างราบรื่น ทั้งนี้ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ได้พัฒนาฟิลเตอร์ช่วยค้นหาที่อยู่อาศัยให้ตรงโจทย์คนหาบ้านทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาด้วยสถานีรถไฟฟ้า BTS/MRT หรือหาโครงการใกล้โรงเรียนสำหรับผู้ที่เน้นความสะดวกในการเดินทาง หรือจะเลือกฟิลเตอร์ค้นหาตามไลฟ์สไตล์ไม่ว่าจะเป็นโครงการที่มาพร้อมส่วนกลางเอาใจคนรักสัตว์, โครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และโครงการหรู นอกจากนี้ ยังได้รวบรวมข้อมูลประกาศซื้อ/ขาย/ให้เช่าโครงการบ้าน/คอนโดฯ ใหม่ในหลากหลายทำเลทั่วประเทศ เพื่อช่วยให้ทุกคนเตรียมความพร้อมก่อนตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยในฝันได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น

ดีดีพร็อพเพอร์ตี้เผยสุดยอดทำเลทองประจำปี 2567

ดีดีพร็อพเพอร์ตี้เผยสุดยอดทำเลทองประจำปี 2567

ดีดีพร็อพเพอร์ตี้เผยสุดยอดทำเลทองประจำปี 2567

ไม่พลิกโผคนยังค้นหาบ้านใน “กรุงเทพฯ” มากที่สุด “BTS อ่อนนุช” ยังครองแชมป์ทำเลแนวรถไฟฟ้าสุดฮอต

แม้ภาคอสังหาริมทรัพย์ในปี 2567 ยังไม่ฟื้นตัวตามที่หลายฝ่ายคาดกันไว้ หลังจากทั้งฝั่งผู้บริโภคและผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต้องโต้คลื่นความท้าทายตลอดทั้งปี โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากกำลังของซื้อผู้บริโภคที่ชะลอตัวและส่งผลต่อยอดขายและยอดโอนกรรมสิทธิ์ตามไปด้วย แผนการซื้อบ้านจึงยังไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนของหลายคน อย่างไรก็ดี ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ยังคงมีปัจจัยบวกหลังจากภาครัฐได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ออกมาเพิ่มเติมในเดือนเมษายน 2567 และที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ในเดือนตุลาคม 2567 ถือเป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนให้ตลาดที่อยู่อาศัยมีโอกาสกลับมาฟื้นตัวในอนาคต

แม้ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์จะยังไม่ฟื้นตัวดีดังเดิม แต่ในหลายทำเลยังคงมีความต้องการซื้ออย่างต่อเนื่อง ข้อมูลจากแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดที่อยู่อาศัย DDproperty Thailand Consumer Sentiment Study รอบล่าสุดเผยว่าผู้บริโภคเกือบครึ่ง (48%) มองว่าทำเลที่ตั้งของโครงการถือเป็นปัจจัยภายนอกโครงการที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อ/เช่าที่อยู่อาศัยมากที่สุด รองลงมาคือต้องการโครงการที่เดินทางได้สะดวกด้วยระบบขนส่งสาธารณะ (44%) จะเห็นได้ว่าโครงการที่ตั้งอยู่ในทำเลที่มีความเจริญและมีศักยภาพที่จะเติบโตในอนาคต สามารถเดินทางได้สะดวก ย่อมส่งผลให้ดีมานด์ซื้อ/เช่าที่อยู่อาศัยเติบโตตามไปด้วย

ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย เผยข้อมูลเชิงลึกจากผู้เข้าเยี่ยมชมในเว็บไซต์ www.DDproperty.com ในรอบปี 2567 (เก็บข้อมูลระหว่างเดือนมกราคม – ธันวาคม 2567) สะท้อนเทรนด์ความต้องการซื้อและเช่าที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคชาวไทยทั่วประเทศ พร้อมอัปเดตทำเลศักยภาพที่น่าจับตามอง

กรุงเทพฯยืนหนึ่งจังหวัดยอดนิยมของคนหาบ้านเชียงใหม่รั้งอันดับ 2 รับอานิสงส์การท่องเที่ยวฟื้น

กรุงเทพมหานครยังคงครองความนิยมเป็นจังหวัดที่ได้รับความสนใจซื้อ/เช่าทั่วประเทศมากที่สุดในรอบปี 2567 ขณะที่หัวเมืองท่องเที่ยวอย่างเชียงใหม่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจนครองอันดับ 2 ตามมาด้วยอันดับ 3 นนทบุรี, อันดับ 4 ภูเก็ต, อันดับ 5 ชลบุรี, อันดับ 6 ปทุมธานี, อันดับ 7 สมุทรปราการ, อันดับ 8 ประจวบคีรีขันธ์, อันดับ 9 ระยอง และอันดับ 10 ขอนแก่น

ทั้งนี้ หัวเมืองท่องเที่ยวกลับมาติดอันดับต้น ๆ จังหวัดยอดนิยมที่มีการค้นหาที่อยู่อาศัยมากขึ้น หลังจากตลาดอสังหาฯ ในปี 2567 ได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวส่งผลให้จำนวนชาวต่างชาติที่เข้ามาในไทยเพิ่มมากขึ้น หัวเมืองท่องเที่ยวจึงได้รับความสนใจซื้อ/เช่าเพื่อใช้เป็นบ้านพักตากอากาศหรือรองรับการอยู่อาศัยในวัยเกษียณเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

10 ทำเลรถไฟฟ้าน่าจับตามอง “BTS อ่อนนุชมาแรงเกินต้าน ครองแชมป์ทำเลแนวรถไฟฟ้ายอดนิยม 

การเดินทางด้วยรถไฟฟ้ายังคงเป็นการสัญจรที่สะดวกและรวดเร็วตอบโจทย์การใช้ชีวิตในเมืองหลวง ปัจจุบันมีการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าให้ครอบคลุมการเดินทางได้มากขึ้น ส่งผลให้ทำเลแนวรถไฟฟ้าทั้งเส้นทางที่เปิดให้บริการแล้วและอยู่ระหว่างการก่อสร้างมีความต้องการซื้อ/เช่าที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

สำหรับทำเลแนวรถไฟฟ้าทั้ง BTS และ MRT ที่ได้รับความสนใจซื้อ/เช่ามากที่สุดในรอบปี 2567 อันดับ 1 ได้แก่ BTS อ่อนนุช ทำเลศักยภาพแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ได้รับความสนใจจากคนหาบ้านอย่างต่อเนื่องด้วยปัจจัยแวดล้อมที่เอื้อต่อการอยู่อาศัยมากมายทั้งเป็นย่านธุรกิจ แหล่งช้อปปิ้ง การเดินทางที่หลากหลาย และยังเป็นสถานีแรกของรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายไปยังสถานีเคหะฯ ในจังหวัดสมุทรปราการ ทำให้ไม่ต้องเสียค่าโดยสารรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายเพิ่ม อีกทั้งโครงการที่อยู่อาศัยในทำเลนี้ยังมีราคาไม่แพง จึงส่งผลให้ทำเลแนวรถไฟฟ้า BTS อ่อนนุช เป็นทำเลศักยภาพที่น่าสนใจทั้งเพื่ออยู่อาศัยเองหรือลงทุน

ตามมาด้วย อันดับ 2 BTS พร้อมพงษ์, อันดับ 3 BTS เอกมัย, อันดับ 4 BTS ทองหล่อ, อันดับ 5 BTS อโศก, อันดับ 6 MRT พระราม 9, อันดับ 7 BTS อารีย์, อันดับ 8 MRT ลาดพร้าว, อันดับ 9 MRT ห้วยขวาง และอันดับ 10 BTS สะพานควาย

จากข้อมูล 10 สถานีรถไฟฟ้ายอดนิยมในกลุ่มผู้ค้นหาที่อยู่อาศัยในรอบปี 2567 พบว่า 7 ใน 10 เป็นสถานีที่อยู่ในโครงการรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว ซึ่งเปิดให้บริการเป็นสายแรกของประเทศไทยและเชื่อมต่อการเดินทางสู่ใจกลางเมืองซึ่งเป็นแหล่งงานขนาดใหญ่  

นอกจากนี้ ข้อมูลของกรมการขนส่งทางราง กระทรวงคมนาคม พบว่า รถไฟฟ้าสายสีเขียวมีปริมาณผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าสูงที่สุดในปี 2567 สะท้อนให้เห็นถึงดีมานด์ที่อยู่อาศัยและโอกาสการเติบโตในเชิงธุรกิจที่น่าจับตามอง  

10 ทำเลทองในเมืองหลวง คนกรุงปักหมุดให้เขตวัฒนานำหน้าครองใจทั้งผู้ซื้อ-ผู้เช่า 

กรุงเทพมหานครเป็นเป้าหมายหลักของผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่ต่างเปิดตัวโครงการในหลากหลายทำเลให้ครอบคลุมความต้องการซื้อ/เช่าทุกระดับราคา ข้อมูลการเข้าชมประกาศอสังหาฯ พบว่า ”เขตวัฒนา” ยังได้รับความนิยมในกลุ่มคนหาบ้านต่อเนื่องอีกปี ครองอันดับ 1 สุดยอดทำเลในกรุงเทพฯ ที่ได้รับความสนใจซื้อและเช่ามากที่สุดในรอบปี 2567 โดยมีปัจจัยสนับสนุนทั้งการเดินทาง สาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทำให้เขตวัฒนาขึ้นแท่นทำเลทองที่ผู้ซื้อ/ผู้เช่านิยมค้นหาบ้าน/คอนโดฯ มากที่สุดของปีมะโรง

โดย 10 ทำเลในกรุงเทพฯ ที่มีความต้องการซื้อมากที่สุดในรอบปี 2567 ได้แก่

  • อันดับ 1 เขตวัฒนา
  • อันดับ 2 เขตจตุจักร
  • อันดับ 3 เขตห้วยขวาง
  • อันดับ 4 เขตคลองเตย
  • อันดับ 5 เขตประเวศ
  • อันดับ 6 เขตบางกะปิ
  • อันดับ 7 เขตสวนหลวง
  • อันดับ 8 เขตบางนา
  • อันดับ 9 เขตพระโขนง
  • อันดับ 10 เขตบางเขน

ขณะที่ 10 ทำเลในกรุงเทพฯ ที่มีความต้องการเช่ามากที่สุดในรอบปี 2567 ได้แก่

  • อันดับ 1 เขตวัฒนา 
  • อันดับ 2 เขตคลองเตย 
  • อันดับ 3 เขตห้วยขวาง
  • อันดับ 4 เขตราชเทวี 
  • อันดับ 5 เขตพระโขนง 
  • อันดับ 6 เขตปทุมวัน
  • อันดับ 7 เขตจตุจักร
  • อันดับ 8 เขตบางนา
  • อันดับ 9 เขตบางรัก 
  • อันดับ 10 เขตสาทร 

ทำเลใกล้สถานศึกษาย่านจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยขึ้นแท่นทำเลมาแรงน่าจับตามอง

ทำเลใกล้สถานศึกษาถือเป็นอีกตลาดที่ผู้พัฒนาอสังหาฯ หันมาให้ความสำคัญมากขึ้น มีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนอย่างนักเรียน-นักศึกษา ผู้ปกครอง และบุคลากรในสถานศึกษาที่ต้องการความสะดวกในการเดินทาง และสามารถลงทุนระยะยาวโดยประกาศขายหรือปล่อยเช่าได้เรื่อย ๆ ส่งผลให้เทรนด์แคมปัสคอนโดฯ (Campus Condo) หรือคอนโดฯ ในทำเลใกล้สถานศึกษามีการเติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากคอนโดฯ เป็นรูปแบบอสังหาฯ ที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยในเมืองหลวง และมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน 

โดยทำเลในละแวก “จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” มีการค้นหาที่อยู่อาศัยเพื่อซื้อ/เช่ามากที่สุด เนื่องจากเป็นย่านธุรกิจสำคัญใจกลางเมือง ส่งผลให้กลายเป็นทำเลที่มีราคาที่ดินสูงสุดในกรุงเทพมหานคร เห็นได้จากผลการสำรวจราคาที่ดินในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลของศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส เผยว่า ที่ดินบริเวณสยามสแควร์ ชิดลม เพลินจิต ครองอันดับหนึ่งราคาที่ดินสูงที่สุดของประเทศไทย โดยประมาณการไว้ที่ 3.75 ล้านบาทต่อตารางวา หรือไร่ละ 1,500 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2567 และทำเลนี้ยังเดินทางได้สะดวกด้วยรถไฟฟ้า ประกอบกับเป็นสถานศึกษาชั้นนำจึงทำให้มีความต้องการซื้อ/เช่าทั้งจากนักศึกษา บุคลากรสถานศึกษา รวมทั้งวัยทำงานในย่านนั้นเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

สำหรับ 5 ทำเลใกล้สถานศึกษาที่ได้รับความสนใจซื้อมากที่สุดในรอบปี 2567 ได้แก่

  • อันดับ 1 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • อันดับ 2 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
  • อันดับ 3 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
  • อันดับ 4 มหาวิทยาลัยศรีปทุม
  • อันดับ 5 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 

ขณะที่ 5 ทำเลใกล้สถานศึกษาที่ได้รับความสนใจเช่ามากที่สุดในรอบปี 2567 ได้แก่

  • อันดับ 1 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • อันดับ 2 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
  • อันดับ 3 มหาวิทยาลัยศรีปทุม
  • อันดับ 4 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์)
  • อันดับ 5 Bangkok Prep International School

ผู้ซื้อมองหาบ้าน/คอนโดฯ 2 ห้องนอน ราคาไม่เกิน 2 ล้านตอบโจทย์ Real Demand

จากข้อมูลฝั่งตลาดซื้ออสังหาฯ พบว่า ผู้ที่วางแผนซื้อที่อาศัยทั่วประเทศในรอบปี 2567 เลือกใช้ฟิลเตอร์เพื่อค้นหาบ้าน/คอนโดฯ ที่มี 2 ห้องนอนมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ซึ่งเป็นขนาดที่เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็กที่ต้องการแยกสัดส่วนที่พักอาศัยให้ชัดเจน รองลงมาอันดับ 2 ได้แก่ ที่อยู่อาศัย 3 ห้องนอน และอันดับ 3 สนใจซื้อที่อยู่อาศัย 1 ห้องนอน 

ทั้งนี้ ผู้ซื้อเกือบ 2 ใน 3 (64%) มองหาโครงการที่อยู่อาศัยที่ตกแต่งให้ครบแบบพร้อมเข้าอยู่ (Fully Furnished) มากที่สุด เนื่องจากช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการตกแต่ง ทำให้วางแผนการเงินได้ง่ายขึ้น และสามารถย้ายเข้าอยู่ได้ทันที ขณะที่ 28% เลือกโครงการที่ไม่มีการตกแต่งใด ๆ เพื่อที่จะได้แต่งบ้านในสไตล์ที่ชอบเองทั้งหมด ส่วนอีก 22% ต้องการโครงการที่ตกแต่งให้บางส่วน (Fully Fitted) เท่านั้น

เมื่อพิจารณาด้านราคาที่ผู้ซื้อค้นหาบนเว็บไซต์ DDproperty มากที่สุด พบว่าระดับราคาไม่เกิน 2 ล้านบาทมีการค้นหามากที่สุด สะท้อนให้เห็นความต้องการของผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (Real Demand) ที่ต้องการค้นหาที่อยู่อาศัยในราคาที่เอื้อมถึง และไม่จำเป็นต้องอยู่ใจกลางเมืองอีกต่อไป เนื่องจากมีการเปิดให้บริการของรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายไปยังพื้นที่ชานเมืองมากขึ้น ผู้บริโภคจึงสามารถเลือกซื้อบ้าน/คอนโดฯ ในทำเลชานเมืองซึ่งมีราคาย่อมเยากว่าได้ ซึ่งช่วยลดภาระทางการเงินได้มากพอสมควร โดยระดับราคาที่อยู่อาศัยที่ชาวไทยสนใจซื้อมากที่สุดในรอบปี 2567 ได้แก่

  • อันดับ 1 ระดับราคา 1,000,000 – 2,000,000 บาท 
  • อันดับ 2 ระดับราคา 500,000 – 1,500,000 บาท 
  • อันดับ 3 ระดับราคา 500,000 – 2,000,000 บาท

4 ใน 5 ของผู้เช่ามองหาโครงการตกแต่งพร้อมอยู่ พร้อมจ่ายค่าเช่ารายเดือนไม่เกิน 15,000 บาท 

ความท้าทายทางการเงินถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้เทรนด์การเช่าที่อยู่อาศัยเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผู้บริโภคที่ต้องการลดภาระหนี้ที่ไม่จำเป็นในยุคที่เศรษฐกิจไม่ฟื้นตัวจึงเลือกเช่าบ้าน/คอนโดฯ แทนการซื้อ ข้อมูลจากผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ฯ พบว่า ผู้ที่วางแผนเช่าที่อาศัยทั่วประเทศในรอบปี 2567 ค้นหาบ้าน/คอนโดฯ ที่มี 2 ห้องนอนมากที่สุดเป็นอันดับ 1 คล้ายกับความต้องการของผู้ซื้อ รองลงมา อันดับ 2 สนใจเช่าที่อยู่อาศัย 1 ห้องนอน และอันดับ 3 สนใจเช่าที่อยู่อาศัย 3 ห้องนอน ซึ่งความต้องการเหล่านี้แตกต่างกันไปตามจำนวนสมาชิกของแต่ละครอบครัวเป็นหลัก

โดยพบว่า 1 ใน 4 (80%) ของผู้เช่าที่อยู่อาศัยต้องการโครงการที่ตกแต่งให้ครบแบบพร้อมเข้าอยู่ (Fully Furnished) มากที่สุด เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการซื้อเฟอร์นิเจอร์ อีกทั้งยังสะดวกทั้งในการย้ายเข้า-ออกหากต้องโยกย้ายทำเลในอนาคต ส่วน 18% สนใจโครงการที่ตกแต่งให้บางส่วน (Fully Fitted) มีผู้เช่าเพียง 9% เท่านั้นที่เลือกโครงการที่ไม่มีการตกแต่งใด ๆ เลย

ขณะที่ระดับค่าเช่าส่วนใหญ่ที่มีผู้เช่าค้นหามากที่สุดอยู่ในช่วงไม่เกิน 15,000 บาท/เดือน ซึ่งถือเป็นค่าเช่าที่อยู่ในระดับปานกลาง เหมาะสมและตอบโจทย์ผู้ที่มองหาบ้าน/คอนโดฯ ให้เช่าในทำเลแนวรถไฟฟ้า มีสิ่งอำนวยความสะดวกและพื้นที่ใช้สอยครบครัน ซึ่งถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับการซื้อที่ต้องมีภาระหนี้ในระยะยาว และยังต้องกังวลกับการปรับขึ้นของดอกเบี้ยที่ส่งผลต่อราคาผ่อนบ้าน/คอนโดฯ อีกด้วย โดยระดับราคาที่อยู่อาศัยที่ชาวไทยสนใจเช่ามากที่สุดในรอบปี 2567 ได้แก่

  • อันดับ 1 ระดับค่าเช่า 8,000 – 15,000 บาท/เดือน
  • อันดับ 2 ระดับค่าเช่า 10,000 – 15,000 บาท/เดือน 
  • อันดับ 3 ระดับค่าเช่า 6,000 – 8,000 บาท/เดือน

PropertyGuru Announces Leadership Transition and a New Board

PropertyGuru Announces Leadership Transition and a New Board

PropertyGuru Announces Leadership Transition and a New Board

  • After a successful decade as CEO, Hari V. Krishnan will transition to Senior Advisor to the Board
  • Lewis Ng returns to the Group and will be appointed CEO with effect from March 2025
  • Trevor Mather appointed as Chairman to the Board, and Janice Leow, Ed Williams as Board Directors

PropertyGuru Group (“The Group” or “PropertyGuru”), Southeast Asia’s leading[1] property technology (“PropTech”) company, today announced change of CEO and the appointment of a new Board of Directors.

After a decade of successful leadership and significant accomplishments, Hari V. Krishnan has decided to pursue new interests and step down as CEO of the Group. Hari has played a central role in transforming PropertyGuru from a start-up into Southeast Asia’s leading PropTech company.

Hari has been instrumental in achieving significant milestones, including building a clear market leadership position in Southeast Asia. He led as PropertyGuru incubated new businesses and solutions that solve for the entire consumer journey. He helmed multiple funding rounds, including the public listing on the New York Stock Exchange (NYSE), and steered the company through its successful acquisition by EQT Private Capital Asia. Once the new CEO is in place, Hari will continue to be closely involved with PropertyGuru as Senior Advisor to the Board.

Lewis Ng will join as CEO of PropertyGuru in March 2025. A seasoned leader with over two decades of experience across Asia and the technology industry, Lewis has held leadership roles at global brands like Apple, TripAdvisor, and Southeast Asia’s unicorns Carousell and PropertyGuru.

During his nearly six years at PropertyGuru (2014-2019), Lewis served as Managing Director of Singapore and Chief Business Officer for the Group, driving growth and fostering a customer-centric culture. Most recently, as Chief Operating Officer at SEEK Asia, he transformed the region’s leading job marketplace into a best-in-class career platform. He also serves as a board director at Zhaopin, a prominent employment marketplace in China.

With expertise spanning sales, customer service, strategy, and operations, Lewis has scaled businesses from the ground up and transformed start-ups into unicorns and driven efficient, scalable growth in well-established companies. Coupled with his previous experience at PropertyGuru, Lewis is uniquely positioned to lead the Group into its next chapter of growth and innovation.

In addition, Trevor Mather has assumed the role of Chairman of the Board of Directors. Trevor brings a wealth of experience in scaling marketplace businesses, having previously served as CEO of Auto Trader, where he successfully transitioned the business into a fully digital platform and established it as a leader of the UK automotive marketplace. Trevor is currently Chairman of Baltic Classifieds Group, further underscoring his expertise in leading and growing marketplace businesses.

PropertyGuru Board of Directors

PropertyGuru Board of Directors include:

  • Janice Leow, Partner in the EQT Private Capital Asia advisory team and Head of EQT Private Capital Southeast Asia
  • Ed Williams, Founder and ex-CEO of UK’s leading property marketplace – Rightmove, Chairman of Trade Me in New Zealand, and ex-Chairman of Auto Trader  

Speaking about his decision, Hari V. Krishnan, CEO PropertyGuru Group said, “After an incredible decade, I have decided that the time is right for me to pursue new interests and for the company to transition to new leadership. During my tenure, I’ve had the privilege of working with amazing teams to achieve some significant milestones and I am very proud that we have done so while building a culture that fosters inclusion and innovation – something I consider unique and our competitive differentiator.

I have known Lewis for over a decade and had the privilege of working closely with him for more than three years. I am confident he will bring a fresh perspective to our organisation while staying deeply aligned with our vision and values. I look forward to supporting him and the team through this transition and beyond.”

Lewis Ng said, “I am thrilled to return to PropertyGuru, a company that has always held a special place in my heart. During my previous time here, I experienced firsthand the incredible culture of collaboration, innovation, and customer-centricity that sets PropertyGuru apart. The company’s journey over the past decade under Hari’s leadership has been remarkable, and I am excited to build on this strong foundation as we look to the future. I am honored to lead PropertyGuru in its next chapter and work alongside our talented teams to continue driving growth and delivering value to our customers across Southeast Asia.”

Trevor Mather, Board Chairman, PropertyGuru Group, added, “PropertyGuru is a strong and innovative company that has firmly established itself as Southeast Asia’s leading PropTech platform, with an impressive track record of delivering value and driving growth. I am delighted to work alongside the talented leadership team and the Board to continue building on this momentum and exploring new opportunities for the Group. I would like to acknowledge Hari’s exceptional contributions over the past decade, which have laid a solid foundation for future success. With Lewis returning as CEO, bringing his deep expertise and passion for the business, I am confident PropertyGuru is poised to achieve even greater milestones in the years ahead.”

EQT Completes Acquisition of PropertyGuru

อีคิวทีและพร็อพเพอร์ตี้กูรู ควบรวมกิจการเสร็จสมบูรณ์แล้ว

EQT Completes Acquisition of PropertyGuru

  • PropertyGuru enters into next phase of growth as Southeast Asia’s leading property technology platform, empowering millions of property seekers across the region with innovative solutions
  • EQT to harness its deep expertise in scaling digital marketplace and classifieds businesses to drive technology innovation, operational excellence, and market expansion
  • Sets the stage for PropertyGuru to capitalize on urbanization, middle-class growth, and digitalization trends across the region’s dynamic real estate markets

EQT Private Capital Asia and PropertyGuru Group Limited (NYSE: PGRU) (“PropertyGuru” or the “Company”), Southeast Asia’s leadin  property technology (“PropTech”) company, are pleased to announce the completion of the acquisition (the “Merger”) of PropertyGuru by BPEA Private Equity Fund VIII for USD 6.70 per share in cash in a transaction that values PropertyGuru at an equity value of approximately USD 1.1 billion.

In connection with the closing, PropertyGuru’s common shares ceased trading before the market open on December 13, 2024, and the Company has been delisted from the New York Stock Exchange. PropertyGuru will operate as a privately held company. Following the Merger through January 12, 2025, each unexercised and outstanding warrant will be, upon valid exercise, exchangeable for USD 0.7526 per warrant.

Founded in 2007 and headquartered in Singapore, PropertyGuru is Southeast Asia’s leading property technology platform, connecting over 31 million property seekers with more than 50,000 agents across Singapore, Malaysia, Thailand and Vietnam each month. With a comprehensive suite of offerings, including extensive real estate listings, data-driven insights, and mortgage solutions like PropertyGuru Finance and enterprise client solutions under PropertyGuru for Business, the Company empowers users to make confident property decisions across the region.

EQT’s investment in PropertyGuru aims to support the Company’s ongoing progress by providing resources and expertise to accelerate technology development, expand market reach, and improve operational efficiency. Leveraging its experience with leaders in the digital marketplace and real estate classifieds sectors – including companies such as Idealista and Casa.it – EQT seeks to advance PropertyGuru’s strategic initiatives, strengthen its position in Southeast Asia’s leading PropTech sector, and drive growth in dynamic markets influenced by urbanization, middle-class expansion, and digitalization.

Hari V. Krishnan, Chief Executive Officer, PropertyGuru Group, said, “We are pleased to announce the successful completion of this transaction and we welcome EQT to PropertyGuru. Over the past seventeen years, our growth has been enabled by strong partnerships with our shareholders, led by TPG and KKR. On behalf of everyone at PropertyGuru, I want to thank them for their support and I am proud that we have delivered a solid financial exit for our long-term investors.”

“On behalf of our group leadership team, I thank our Gurus for their hard work and the wonderful business we have built together, and our customers and partners for their continued trust and partnership. EQT shares our commitment to our continued sustainable growth, and we look forward to working with them towards our Group’s vision to power, communities to live, work and thrive in tomorrow’s cities,” Mr. Krishnan added.

Janice Leow, Partner in the EQT Private Capital Asia advisory team and Head of EQT Private Capital Southeast Asia, said, “PropertyGuru has redefined the property technology landscape in Southeast Asia, standing out for its innovation and leadership in delivering solutions that empower millions across the region. Drawing on EQT’s expertise in technology-driven businesses, with a strong focus on marketplace and classifieds platforms, we look forward to supporting PropertyGuru in exploring new opportunities, enhancing its offerings, and driving its next phase of growth while contributing to the evolution of the property market in Southeast Asia.”

อีคิวทีและพร็อพเพอร์ตี้กูรู ควบรวมกิจการเสร็จสมบูรณ์แล้ว

อีคิวทีและพร็อพเพอร์ตี้กูรู ควบรวมกิจการเสร็จสมบูรณ์แล้ว

อีคิวทีและพร็อพเพอร์ตี้กูรู ควบรวมกิจการเสร็จสมบูรณ์แล้ว

  • พร็อพเพอร์ตี้กูรู (PropertyGuru) เดินหน้าสู่การเติบโตเฟสใหม่ ในฐานะแพลตฟอร์มเทคโนโลยีอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ช่วยสนับสนุนผู้ที่กำลังหาบ้านหลายล้านคนทั่วภูมิภาคด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัย  
  • อีคิวที (EQT) ประกาศนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการขยายธุรกิจด้านดิจิทัล มาร์เก็ตเพลส และธุรกิจโฆษณาอสังหาริมทรัพย์ ในการขับเคลื่อนการพัฒนานวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยี ความเป็นเลิศทางธุรกิจ ไปจนถึงการขยายตลาดให้เติบโตยิ่งขึ้น
  • พร้อมเร่งเครื่องเต็มสูบผลักดันพร็อพเพอร์ตี้กูรู โตรับการขยายตัวของสังคมเมือง, ฐานผู้บริโภคชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้น และเทรนด์ดิจิทัลในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของภูมิภาคนี้ที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

อีคิวที ไพรเวท แคปิตัล เอเชีย (EQT Private Capital Asia) และพร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป จำกัด (ชื่อย่อในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE): PGRU) (“พร็อพเพอร์ตี้กูรู” หรือ “บริษัท”) ซึ่งเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ[1]  (“PropTech”) ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นบริษัทแม่ของดีดีพร็อพเพอร์ตี้ – แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย และ thinkofliving.com – เว็บไซต์รีวิวและคอนเทนต์ด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ได้ประกาศผลการดำเนินการควบรวมกิจการ โดยกองทุน บีพีอีเอ ไพรเวท อิควิตี้ ฟันด์ 8 (BPEA Private Equity Fund VIII) ได้เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมูลค่าต่อหุ้นในการดำเนินการควบรวมครั้งนี้อยู่ที่ 6.70 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 228 บาท ณ อัตราแลกเปลี่ยนวันที่ 13 ธันวาคม 2567) ส่งผลให้มูลค่าของการควบรวมพร็อพเพอร์ตี้กูรูในครั้งนี้ มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 37.5 หมื่นล้านบาท)

โดยผลจากการควบรวมกิจการในครั้งนี้ ทำให้พร็อพเพอร์ตี้กูรูหยุดการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ก่อนการเปิดตลาดของวันที่ 13 ธันวาคม 2567 และบริษัทได้ทำการถอนตัวออกจากตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก และกลับมาดำเนินการในรูปแบบบริษัทเอกชนอีกครั้ง  โดยวอร์แรนท์คงค้าง และยังไม่ได้ทำการซื้อขาย ตั้งแต่ช่วงการควบรวมกิจการเสร็จสิ้น ไปจนถึงวันที่ 12 มกราคม 2568 จะสามารถขายคืนได้ในมูลค่า 0.7526 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 25.67 บาท) ต่อวอร์แรนท์

พร็อพเพอร์ตี้กูรู แพลตฟอร์มเทคโนโลยีอสังหาฯ ชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดตัวครั้งแรกในสิงคโปร์เมื่อปี พ.ศ. 2550 ในแต่ละเดือน แพลตฟอร์มดังกล่าวเป็นสื่อกลางให้ผู้ที่กำลังหาบ้านกว่า 31 ล้านคนทั่วภูมิภาค ได้ติดต่อกับเอเจนต์อสังหาฯ กว่า 50,000 รายใน 4 ตลาดหลัก ได้แก่ สิงคโปร์, มาเลเซีย, ไทย และเวียดนาม บริษัทมีส่วนในการสนับสนุนให้ลูกค้า และผู้บริโภคในภูมิภาค สามารถตัดสินใจในการซื้อ-ขาย-เช่า-ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างมั่นใจ ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย ตั้งแต่ประกาศอสังหาริมทรัพย์, ข้อมูลตลาดเชิงลึก, ผลิตภัณฑ์ด้านสินเชื่อ อย่างพร็อพเพอร์ตี้กูรู ไฟแนนซ์ (PropertyGuru Finance) ไปจนถึงโซลูชั่นสำหรับลูกค้าองค์กร ภายใต้แบรนด์ พร็อพเพอร์ตี้กูรู ฟอร์ บิสิเนส (PropertyGuru for Business)

ทั้งนี้ การลงทุนของอีคิวที ในพร็อพเพอร์ตี้กูรูนั้น มุ่งหวังที่จะขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทด้วยการเสริมความแกร่งด้านทรัพยากรและความเชี่ยวชาญเพื่อเร่งการเติบโตด้านเทคโนโลยี, การขยายตลาดให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ไปจนถึงการพัฒนาประสิทธิภาพของการดำเนินงาน ด้วยประสบการณ์ในการบริหารแพลตฟอร์มชั้นนำในธุรกิจดิจิทัล มาร์เก็ตเพลส และธุรกิจโฆษณาอสังหาริมทรัพย์อย่าง idealista (ในสเปน) และ Casa.it (ในอิตาลี) อีคิวทีจะช่วยส่งเสริมการพัฒนากลยุทธ์ให้กับพร็อพเพอร์ตี้กูรู สร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทในภาคอุตสาหกรรมพร็อพเทคแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจในตลาดต่าง ๆ ที่ล้อไปกับการขยายตัวของสังคมเมือง, ฐานผู้บริโภคชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้น และเทรนด์ดิจิทัลในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของภูมิภาคนี้ที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

นายแฮร์รี่ วี. คริชนัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป กล่าวว่า “เป็นเรื่องน่ายินดีที่การควบรวมกิจการในครั้งนี้เสร็จสมบูรณ์ด้วยดีและขอต้อนรับอีคิวทีสู่พร็อพเพอร์ตี้กูรู ตลอด 17 ปีที่ผ่านมา นับได้ว่าบริษัทของเรามีเส้นทางที่น่าตื่นเต้นและเป็นที่จดจำ ซึ่งความสำเร็จตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ หากไม่มีการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากผู้ถือหุ้นของเรา โดยก่อนหน้านี้ เราได้มีโอกาสร่วมงานกับพาร์ทเนอร์ระดับโลกอย่างทั้ง TPG และ KKR มาแล้ว ผมขอเป็นตัวแทนของทุก ๆ ท่านที่พร็อพเพอร์ตี้กูรูในการแสดงความขอบคุณต่อการสนับสนุนของพาร์ทเนอร์ของเราทั้งในอดีตและปัจจุบัน ผมรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่กรุ๊ปของเราสามารถที่จะสร้างผลประกอบการที่ยอดเยี่ยมในการออกจากตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นการปิดฉากในตลาดฯ ที่สร้างความประทับใจให้กับนักลงทุนระยะยาวของเรา”

นายแฮร์รี่กล่าวเสริมว่า “ในนามทีมผู้บริหารของกรุ๊ป ผมขอขอบคุณพวกเราทุกคนสำหรับความทุ่มเทในการทำงาน และผลงานอันเยี่ยมยอดตลอดหลายปีที่ผ่านมา และขอบคุณลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจสำหรับความไว้ใจและการสนับสนุนที่ดีที่มีต่อบริษัทเราเสมอมา อีคิวทีมีความมุ่งมั่นที่จะร่วมสร้างธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างยั่งยืน และเดินหน้าไปพร้อมกับเราในการสร้างวิสัยทัศน์ของบริษัทเรา ในการร่วมส่งเสริมการสร้างชุมชนแห่งการอยู่อาศัย ทำงาน และพัฒนาเป็นเมืองแห่งอนาคตให้เป็นจริงขึ้นมา”

ด้าน เจนิส เลียว หัวหน้าทีมที่ปรึกษา อีคิวที ไพรเวท แคปิตัล เอเชีย และหัวหน้าฝ่ายการลงทุน อีคิวที ไพรเวท แคปิตัล ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “พร็อพเพอร์ตี้กูรูได้พลิกโฉมเทคโนโลยีด้านอสังหาริมทรัพย์หรือพร็อพเทคในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีความโดดเด่นในด้านนวัตกรรม และความเป็นผู้นำในการนำเสนอโปรดักส์และบริการต่าง ๆ ที่ช่วยเหลือผู้ที่กำลังหาบ้านหลายล้านคนทั่วภูมิภาค ซึ่งสอดคล้องกับความเชี่ยวชาญของทีมอีคิวทีในการใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจแพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลสและโฆษณาอสังหาริมทรัพย์ เรามุ่งที่จะสนับสนุนการเติบโตของพร็อพเพอร์ตี้กูรู ในการขยายโอกาสทางธุรกิจ การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ รวมไปถึงขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทในเฟสต่อไป พร้อม ๆ ไปกับการมีส่วนร่วมขับเคลื่อนวิวัฒนาการของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต”