How to ปล่อยเช่าบ้าน/คอนโดฯ ได้ไว มัดใจชาว Generation Rent

How to ปล่อยเช่าบ้าน/คอนโดฯ ได้ไว มัดใจชาว Generation Rent

How to ปล่อยเช่าบ้าน/คอนโดฯ ได้ไว มัดใจชาว Generation Rent

ความท้าทายทางเศรษฐกิจได้สั่นคลอนกำลังซื้อของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อมุมมองการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย ทำให้เทรนด์ Generation Rent ได้รับความนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั่วโลกรวมทั้งในไทย แม้ผู้บริโภคเหล่านี้จะอยู่ในวัยทำงานซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักในตลาดอสังหาริมทรัพย์แต่มองว่าการซื้อที่อยู่อาศัยอาจยังไม่ใช่สิ่งจำเป็นในขณะนี้ เพราะการซื้ออสังหาฯ ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนเช่นนี้ จะกลายเป็นภาระผูกพันในระยะยาวแทน จึงส่งผลให้ความต้องการเช่าบ้านหรือเช่าคอนโดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสวนทางกับความต้องการซื้อที่ชะลอตัวลง

เจาะลึกความต้องการคนเช่า เน้นความคุ้มค่าในราคาที่จับต้องได้

ข้อมูลจากแบบสอบถาม DDproperty and Think of Living: Consumer Satisfaction, Perspectives & Preferences (CSAT) รอบล่าสุด ของดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย และ Think of Living เว็บไซต์รีวิวโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย เผยว่า จากแนวโน้มปัจจุบันและปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ ส่งผลให้ผู้บริโภคเกือบครึ่ง (48%) คาดว่าราคาที่อยู่อาศัยจะยังคงเพิ่มขึ้นใน 1 ปีข้างหน้า สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่มองว่าราคาอสังหาฯ จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้จะมีความท้าทายรอบด้าน ขณะที่อีก 24% คาดว่าราคาจะยังทรงตัว ส่วน 23% มองว่าตลาดอสังหาฯ กำลังอยู่ในภาวะซัพพลายล้นตลาด และราคาจะลดลง 

ทั้งนี้ เหตุผลที่ผู้เช่าส่วนใหญ่ตัดสินใจเช่านั้น มากกว่า 1 ใน 3 (37%) ต้องการออมเงินเพื่อจุดประสงค์อื่น จึงเลือกเช่าเพื่อลดค่าใช้จ่าย รองลงมาคือชอบความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิตเมื่อเช่า 26% และ 21% ไม่มีเงินพอที่จะซื้อบ้าน/คอนโดฯ ตอนนี้

อย่างไรก็ดี ผู้เช่า 41% ชื่นชอบที่จะค้นหาบ้านทั้งหลังหรืออะพาร์ตเมนต์มากที่สุด นอกจากนี้ เมื่อสอบถามสถานะการเงิน 9 ใน 10 ของผู้เช่า (89%) เผยว่ายินดีจ่ายค่าเช่าไม่เกิน 30% ของเงินเดือน สะท้อนให้เห็นถึงการวางแผนการเงินที่ดี ไม่สร้างภาระจนเกินตัว 

ดังนั้น จะเห็นได้ว่าตลาดเช่าที่อยู่อาศัยจึงมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้บริโภคที่มีอสังหาฯ ในมือหรือนักลงทุนที่ต้องการสร้างรายได้จากการปล่อยเช่าในเวลานี้

เปิดลิสต์บ้าน/คอนโดฯ ในฝัน แบบไหนที่ผู้เช่าตามหา!

อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการปล่อยเช่าบ้าน/คอนโดฯ คือการที่ผู้ให้เช่าเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของผู้เช่าและใส่ใจราวกับว่าเราเป็นผู้พักอาศัยเอง ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) ชวนมาสำรวจว่าที่อยู่อาศัยในฝันในสายตาผู้เช่าควรเป็นแบบไหน และคุณสมบัติใดที่ไม่ควรมองข้าม หากอยากปล่อยเช่าให้ได้ง่ายขึ้น 

  • เดินทางสะดวก ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ทำเลยังคงเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้น ๆ ในการตัดสินเช่า เนื่องจากผู้เช่าส่วนใหญ่มักต้องการเช่าที่อยู่อาศัยใหม่เพื่อลดเวลาในการเดินทาง เช่น เช่าคอนโดฯ ใกล้ที่ทำงาน ใกล้สถานศึกษา จึงให้ความสำคัญกับโครงการที่สามารถเดินทางได้สะดวกสบาย และใกล้ระบบขนส่งสาธารณะ เช่น ติดรถไฟฟ้า BTS/MRT นอกจากนี้ สภาพแวดล้อมโดยรอบควรมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า หรือโรงพยาบาล เพื่อรองรับการดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างรอบด้าน และอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือ “ไลฟ์สไตล์ของผู้เช่า” ซึ่งจะสะท้อนผ่านการเลือกทำเล หากเป็นผู้ที่ชื่นชอบการใช้ชีวิตที่สะดวกสบาย อาจมองหาที่อยู่อาศัยใกล้ห้างสรรพสินค้า แต่หากต้องการความสงบและความเป็นส่วนตัว อาจเลือกโครงการที่ตั้งอยู่นอกเขตศูนย์กลางธุรกิจ เพื่อหลีกหนีความวุ่นวาย 
  • สภาพห้องดูดี สวยเหมือนใหม่ บ้าน/คอนโดฯ ให้เช่าที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ ไม่เพียงสร้างความมั่นใจแต่ยังสะท้อนถึงความใส่ใจของเจ้าของได้อย่างชัดเจน จึงควรสร้างความประทับใจให้ผู้เช่าเมื่อมาเยี่ยมชมสถานที่จริง โดยการรีโนเวทบ้าน/คอนโดฯ ให้อยู่ในสภาพที่สวยเหมือนใหม่ ทาสีใหม่ ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ทันสมัย รักษาความสะอาด เลือกใช้สีและแสงไฟที่ช่วยให้ภายในห้องไม่อึดอัด และซ่อมแซมโครงสร้างหรือเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ให้พร้อมใช้งาน โดยไม่ซ่อนปัญหาไว้ สิ่งเหล่านี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ผู้เช่าประทับใจและตัดสินใจเช่าในที่สุด
  • มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน บ้าน/คอนโดฯ ให้เช่าที่มาพร้อมเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็น เช่น เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น ตู้เย็น โทรทัศน์ จะช่วยดึงดูดความสนใจของผู้เช่าได้มากขึ้น และเป็นข้อได้เปรียบที่ผู้เช่าหลายคนให้ความสำคัญ เนื่องจากช่วยให้ผู้เช่าสามารถเข้าอยู่ได้ทันทีและลดภาระค่าใช้จ่ายในการตกแต่งลง นอกจากนี้ โครงการที่มาพร้อมระบบสาธารณูปโภคที่ดี เช่น ระบบน้ำประปา ไฟฟ้า การจัดการขยะ รวมทั้งบริหารงานโดยนิติบุคคลที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยให้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ผู้เช่ามีความมั่นใจเมื่ออยู่อาศัยระยะยาว
  • ค่าเช่าจับต้องได้ เหมาะสมกับคุณภาพ แม้ผู้เช่าปัจจุบันจะให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตและยินดีจ่ายเพื่อความสะดวกสบาย แต่ “ความคุ้มค่า” ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญเมื่อพิจารณาเช่าเสมอ โดยเฉพาะกลุ่มผู้เช่าที่มีงบประมาณจำกัดหรือต้องการเช่าระยะยาว ดังนั้น ผู้ให้เช่าจึงควรตั้งค่าเช่าให้สอดคล้องกับสภาพตลาดและสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีให้ โดยสำรวจอัตราค่าเช่าในพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อกำหนดค่าเช่าที่เหมาะสมและแข่งขันได้ในตลาด ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการดึงดูดความสนใจจากผู้เช่า และกระตุ้นให้เกิดการนัดเข้าชมห้องในเวลาอันรวดเร็ว
  • มีระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย ปัจจุบันหลายโครงการได้นำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาช่วยยกระดับการรักษาความปลอดภัยให้ดียิ่งขึ้น ช่วยสร้างความสบายใจให้กับผู้อยู่อาศัย โดยระบบรักษาความปลอดภัยพื้นฐานที่ควรมี ได้แก่ การมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง มีกล้องวงจรปิด (CCTV) ครอบคลุมทั่วโครงการ มีระบบคัดกรองบุคคลภายนอก และมีระบบลิฟต์ล็อกชั้นและคีย์การ์ดสำหรับเข้า-ออกพื้นที่ต่าง ๆ ในคอนโดฯ นอกจากนี้ เจ้าของอสังหาฯ ให้เช่ายังสามารถเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้เช่าได้อีกขั้น ด้วยการซื้อประกันภัยเพิ่มเติมจากประกันภัยส่วนกลาง เพื่อคุ้มครองทรัพย์สินส่วนตัวภายในห้องหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน เช่น น้ำรั่วซึม ไฟไหม้ ไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งการมีประกันภัยที่ครอบคลุมจะปกป้องทรัพย์สินและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดเหตุดังกล่าวได้

ส่อง 5 เทคนิคปล่อยเช่าอย่างไรให้จับใจผู้เช่า ปิดดีลได้ง่ายขึ้น

การปล่อยเช่าบ้าน/คอนโดฯ ให้ประสบความสำเร็จ ต้องอาศัยการวางแผนที่รอบคอบควบคู่กับมีกลยุทธ์ที่เหมาะสม ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) เผย 5 เทคนิคปล่อยเช่าที่อยู่อาศัยอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคที่ปล่อยเช่า/นักลงทุนสามารถดึงดูดผู้เช่าที่มีคุณภาพ และเพิ่มโอกาสในการปิดดีลได้ง่ายขึ้นท่ามกลางการแข่งขันที่สูงในตลาด 

  1. ศึกษา Insight กลุ่มเป้าหมาย ประเมินโอกาสในตลาด ก่อนที่จะเข้าสู่ตลาดที่อยู่อาศัยให้เช่า ผู้ให้เช่าควรวางแผนแต่ละขั้นตอนอย่างละเอียด โดยกำหนดว่ากลุ่มเป้าหมายหลักคือใคร มีไลฟ์สไตล์แบบไหน รายได้อยู่ในช่วงใด และต้องการที่อยู่อาศัยประเภทไหน ขนาดเท่าไร โดยศึกษาข้อมูลจากรายงานอสังหาฯ ต่าง ๆ ประกอบกับการลงพื้นที่สำรวจในทำเลนั้น ๆ เพื่อนำมาวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ จะช่วยให้สามารถปรับปรุงหรือตกแต่งห้องเช่าให้ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย เลือกลงทุนในโครงการที่มีค่าเช่าเหมาะสม และประเมินโอกาสในการปล่อยเช่าในทำเลนั้น ๆ ได้ดียิ่งขึ้น
  2. โครงการในทำเลศักยภาพ เพิ่มโอกาสเช่ามากขึ้น ความต้องการเช่ามักกระจุกตัวในทำเลที่มีศักยภาพและเดินทางสะดวก เช่น โครงการอยู่ใกล้ห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา แหล่งทำงาน ส่งผลให้ทำเลเหล่านี้มีความต้องการเช่าสูงตามไปด้วย ผู้ให้เช่าจึงควรพิจารณาเลือกลงทุนในทำเลที่มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต เช่น มีแผนพัฒนาระบบโครงการคมนาคมและระบบสาธารณูปโภคในอนาคต หรือมีโครงการรถไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนาพาดผ่าน ซึ่งจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอสังหาฯ ได้ในอนาคต ทั้งในด้านของราคาขายต่อและความต้องการเช่าที่มั่นคงในระยะยาว
  3. ตกแต่งสวยงามอย่างมีสไตล์ พร้อมเข้าอยู่ทันที ผู้ให้เช่าควรให้ความสำคัญกับการปรับปรุงห้องให้อยู่ในสภาพดีเหมือนใหม่ สะอาด และมีบรรยากาศที่น่าอยู่ โดยตกแต่งภายในให้ทันสมัย เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่ดูดี มีคุณภาพ และใช้งานได้จริง เน้นการตกแต่งที่ทำให้ห้องดูสว่าง ปลอดโปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก และเลือกโทนสีที่ดูสบายตาและเป็นกลาง เพื่อให้ผู้เช่าสามารถตกแต่งเพิ่มเติมในสไตล์ของตนเองได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญคือห้องต้องพร้อมสำหรับการย้ายเข้าอยู่ทันที ไม่ต้องรอการซ่อมแซมหรือปรับปรุงเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยให้ผู้เช่าตัดสินใจได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น
  4. ศึกษาการตลาดและเลือกใช้สื่อให้เหมาะสม ผู้ให้เช่าควรศึกษาว่าทำการตลาดอย่างไรจึงจะเข้าถึงลูกค้าได้มากที่สุด และเลือกประกาศเช่าผ่านสื่อออฟไลน์และออนไลน์ควบคู่กัน เพื่อขยายโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น หากจะลงประกาศขาย/ปล่อยเช่าในเว็บไซต์ใด ๆ ควรอ่านนโยบายความเป็นส่วนตัวให้เข้าใจชัดเจนก่อนว่าเว็บไซต์นั้นจะนำข้อมูลส่วนตัวที่กรอกไปใช้ทำอะไรบ้าง จากนั้นจึงลงประกาศโดยระบุข้อมูลพื้นฐานของอสังหาฯ  เช่น ค่าเช่า/เดือน สถานที่ตั้งโครงการ ส่วนกลาง เป็นต้น พร้อมทั้งบอกจุดเด่นที่ดึงดูดความสนใจหรือโปรโมชั่นที่เพิ่มให้ เช่น มีเครื่องใช้ไฟฟ้าอะไรบ้าง หรือช่วยออกค่าส่วนกลางให้กี่เดือน ฯลฯ โดยลงรายละเอียดของผู้ประกาศและช่องทางติดต่อให้ชัดเจน ที่สำคัญคือควรใส่ลายน้ำและข้อมูลการติดต่อไว้ที่รูปภาพที่ถ่ายเองเพื่อป้องกันการโดนผู้อื่นนำไปแอบอ้าง
  5. ใช้ “เอเจนต์” ผู้ช่วยเพิ่มโอกาสปล่อยเช่าได้เร็วขึ้น การเลือกใช้เอเจนต์อสังหาฯ มืออาชีพมาช่วยในการปล่อยเช่า ถือเป็นอีกวิธีที่ได้รับความนิยมหากผู้ให้เช่าไม่มีประสบการณ์หรือไม่มีเวลาในการพาผู้สนใจเช่าไปเยี่ยมชมบ้านหรือห้อง โดยเอเจนต์ที่มีความเชี่ยวชาญจะสามารถให้คำแนะนำที่เหมาะสม ช่วยอำนวยความสะดวกให้การปล่อยเช่าบ้าน/คอนโดฯ เป็นไปอย่างราบรื่น ช่วยทำการตลาดผ่านสื่อต่าง ๆ ช่วยประสานงานกับผู้สนใจเช่า และยังมีเครือข่ายของเอเจนต์เองหรือฐานข้อมูลลูกค้าของบริษัทที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น นอกจากนี้ เอเจนต์ยังมีความรู้ด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอสังหาฯ ซึ่งจะช่วยดูแลความเรียบร้อยของสัญญาเช่าให้ถูกต้องครบถ้วน ป้องกันข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ 

การให้เช่าที่อยู่อาศัยถือเป็นอีกหนึ่งรูปแบบการลงทุนในอสังหาฯ ที่ได้รับความนิยม และสามารถสร้างรายได้ในระยะยาว อย่างไรก็ดี ผู้ให้เช่า/นักลงทุนต้องไม่ลืมที่จะพิจารณาความพร้อมทางการเงิน และปัจจัยแวดล้อมที่มีผลต่อการแข่งขันในตลาดเช่าอย่างรอบคอบ เพื่อให้สามารถบริหารความเสี่ยงและสร้างรายได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว ทั้งนี้ แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทยอย่างดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (www.ddproperty.com) รวบรวมข้อมูลประกาศซื้อ-ขาย-เช่าที่อยู่อาศัยจากหลากหลายทำเลศักยภาพทั่วประเทศ ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานมาเป็นอันดับแรก โดยดำเนินงานภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทยอย่างเคร่งครัด ผู้ใช้งานจึงสามารถมั่นใจได้ว่าทุกการประกาศและค้นหาที่อยู่อาศัยผ่านเว็บไซต์ www.ddproperty.com จะได้รับการดูแลและปกป้องข้อมูลอย่างปลอดภัยในทุกขั้นตอน ช่วยให้ทุกเส้นทางการซื้อ-ขาย-เช่าเป็นไปอย่างราบรื่นและไร้กังวล

สมรสเท่าเทียมเปิดประตูสู่บ้านในฝัน ดันเทรนด์ที่อยู่อาศัยสดใสในเศรษฐกิจสีรุ้ง (Rainbow Economy)

สมรสเท่าเทียมเปิดประตูสู่บ้านในฝัน ดันเทรนด์ที่อยู่อาศัยสดใสในเศรษฐกิจสีรุ้ง (Rainbow Economy)

สมรสเท่าเทียมเปิดประตูสู่บ้านในฝัน ดันเทรนด์ที่อยู่อาศัยสดใสในเศรษฐกิจสีรุ้ง (Rainbow Economy)

ในวันนี้กลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศหรือ LGBTQIAN+ ได้เป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจทั่วโลกที่รู้จักกันในชื่อเศรษฐกิจสีรุ้ง (Rainbow Economy) เนื่องจากกลุ่ม LGBTQIAN+ มีอำนาจการใช้จ่ายสูงและพร้อมที่จะใช้จายเพื่อเพิ่มความสุขส่วนตัวตามไลฟ์สไตล์ที่ชอบอย่างเต็มที่ ในขณะที่ประเทศไทยเปิดกว้างและยอมรับในความหลากหลายทางเพศ เห็นได้จากพลังสังคมที่ร่วมกันผลักดันและขับเคลื่อนให้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567 หรือกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงการสร้างสังคมที่เท่าเทียมในอีกมิติ 

ข้อมูลจากวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) รายงานผลงานวิจัยในหัวข้อ “Love Wins Marketing: ถอดรหัสการตลาดหลัง พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียม” พบว่า กลุ่มผู้บริโภค LGBTQIAN+ ไทยมีจำนวนมากกว่า 5.9 ล้านคน หรือคิดเป็น 9% ของประชากรทั้งประเทศ จึงกลายเป็นขุมพลังทางเศรษฐกิจใหม่ที่ธุรกิจควรจับตามองโดยเฉพาะในตลาดอสังหาริมทรัพย์ 

นอกจากนั้น 54% ของประชากรกลุ่มนี้ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง ในจำนวนนี้พบว่า 79.1% สนใจเลือกซื้อบ้านเดี่ยว และ 20.9% เลือกที่จะย้ายไปอยู่กับคู่รัก โดยมีงบประมาณเฉลี่ย 3-5 ล้านบาท และมีความสนใจที่อยู่อาศัยแตกต่างกันไป สะท้อนให้เห็นว่าความต้องการที่อยู่อาศัยยังคงเป็นปัจจัยที่ทุกเพศทุกวัยให้ความสำคัญมาโดยตลอด

คู่ชีวิต LGBTQIAN+ ควรรู้! ใช้สิทธิจัดการสินสมรสที่เป็นอสังหาฯ ได้อย่างไรบ้าง

นอกจาก พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียมจะช่วยให้คู่ชีวิต LGBTQIAN+ สามารถจดทะเบียนสมรสได้ตามกฎหมายแล้ว ยังมาพร้อมสิทธิต่าง ๆ ที่คู่สมรสพึงมี ไม่ว่าจะเป็นการดูแลชีวิตคู่ การจัดการทรัพย์สิน/หนี้สิน ไปจนถึงการจัดการสินสมรสร่วมกัน ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย ชวนชาว LGBTQIAN+ ทำความเข้าใจการจัดการสินสมรสที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ (ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1474) ว่าเรื่องใดที่ต้องทำร่วมกันบ้าง

ทั้งนี้ กฎหมายเปิดโอกาสให้คู่สมรสสามารถตกลงรูปแบบ วิธีการ เงื่อนไข และข้อจำกัดเกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินของคู่สมรสที่แตกต่างไปจากที่กฎหมายกำหนดได้ตามที่คู่สมรสเห็นสมควร หากไม่ได้ทำสัญญาตกลงกันเรื่องจัดการทรัพย์สินระหว่างคู่สมรสแล้ว เมื่อการสมรสสิ้นสุดลง ทั้งสองฝ่ายต้องจัดการสินสมรสที่มีร่วมกันและแบ่งให้แต่ละฝ่ายเท่า ๆ กันตามกฎหมายข้อมูลจากสำนักงานกิจการยุติธรรม เผยว่า กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1476 กำหนดวิธีจัดการสินสมรสที่คู่สมรสสามารถจัดการสินสมรสร่วมกันได้ไว้ 8 เรื่อง โดยมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสินสมรสที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ควรรู้ ดังนี้

  • การจัดการเกี่ยวกับทรัพย์ ขาย แลกเปลี่ยน ขายฝาก ให้เช่าซื้อ จำนอง ปลดจำนอง หรือโอนสิทธิจำนอง คู่สมรสต้องได้รับการยินยอมร่วมกัน
  • การจัดการทรัพยสิทธิ ได้แก่ ภาระจำยอม สิทธิอาศัย สิทธิเหนือพื้นดิน สิทธิเก็บกิน หรือภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์
  • ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เกิน 3 ปี คู่สมรสต้องไปจัดการร่วมกัน หากฝ่าฝืน คู่สมรสที่ไม่ให้ความยินยอมมีสิทธิฟ้องเพิกถอน แต่หากเป็นการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่เกิน 3 ปี คู่สมรสสามารถจัดการได้โดยลำพังตนเอง ไม่ต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่ง
  • เอาสินสมรสไปเป็นหลักประกัน ยกเว้นในกรณีใช้ตำแหน่งส่วนตัวไม่ต้องยินยอมจากคู่สมรส

ถอดรหัสเทรนด์ที่อยู่อาศัยตอบโจทย์ตรงใจคู่รัก LGBTQIAN+

ปฏิเสธไม่ได้ว่าความต้องการที่อยู่อาศัยเป็นเทรนด์ที่ปราศจากเพศ (Genderless) ที่มีความต้องการพื้นฐานในการหาบ้านคล้ายคลึงกัน ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) อัปเดตเทรนด์การเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตของคู่รัก LGBTQIAN+ ในยุคปัจจุบัน ที่การพิจารณาเลือกซื้อ/เช่าบ้านหรือคอนโดฯ ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับกรอบทางเพศอีกต่อไป แต่ควรให้ความสำคัญกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่แท้จริงของผู้พักอาศัยเป็นสำคัญ 

  • คู่สมรส LGBTQIAN+ กู้ร่วมซื้อบ้านได้ง่ายขึ้น การประกาศใช้ พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียมในปีนี้ช่วยให้คู่สมรส LGBTQIAN+ สามารถยื่นกู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยร่วมกันได้ หลังจากก่อนหน้านี้การกู้ร่วมของคู่รักกลุ่มนี้มีข้อจำกัด เนื่องจากไม่เข้าเงื่อนไขของธนาคารที่กำหนดให้ผู้กู้ร่วมต้องเป็นบุคคลที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน ปัจจุบันมีหลายธนาคารที่จัดแคมเปญให้คู่สมรส LGBTQIAN+ สามารถกู้ซื้อบ้าน/คอนโดฯ ร่วมกันได้ ซึ่งข้อดีของการกู้ร่วมคือช่วยเพิ่มโอกาสให้อนุมัติการกู้ได้ง่ายขึ้น ได้วงเงินมากขึ้นเพื่อซื้อบ้านในฝันตามงบที่ต้องการ และเพิ่มความคล่องตัวทางการเงินของทั้งสองฝ่าย โดยคู่สมรส LGBTQIAN+ ที่กู้ร่วมเพื่อซื้อบ้าน/คอนโดฯ สามารถเลือกใส่ชื่อในกรรมสิทธิ์ได้ทั้งแบบ 1 คน หรือ 2 คน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด
  • คู่ชีวิตวิถี DINKs มองโอกาสออมเงินต่อยอดลงทุน แนวคิด DINKs (Double Income No Kids) เป็นวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่มาแรงในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นคู่รักต่างเพศหรือเพศเดียวกันที่ยังไม่มีลูกหรือวางแผนที่จะไม่มีลูก ซึ่งผู้บริโภคกลุ่มนี้มีรายได้ 2 ทางและไม่มีภาระเลี้ยงดูบุตร ทำให้มีกำลังซื้อสูงในการใช้จ่ายเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเอง รวมทั้งมีเงินออมและเงินลงทุนเหลือมากกว่ากลุ่มอื่น จึงให้ความสำคัญกับการวางแผนทางการเงิน ซึ่งการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากมีความผันผวนน้อยกว่าและให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนประเภทอื่น ๆ รวมทั้งมีหลายรูปแบบให้เลือกทั้งแบบที่สร้างผลตอบแทนระยะสั้นและระยะยาว เช่น การขายใบจองคอนโดฯ, การลงทุนปล่อยเช่าบ้าน/คอนโดฯ รายเดือน หรือการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ
  • เลือกบ้านใกล้หมอ วางแผนสุขภาพระยะยาว ข้อมูลจากแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดที่อยู่อาศัย DDproperty Thailand Consumer Sentiment Study รอบล่าสุดของดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) พบว่า ผู้บริโภคกว่า 1 ใน 5 (22%) มองว่าที่อยู่อาศัยใกล้โรงพยาบาล/สถานพยาบาลถือเป็นปัจจัยภายนอกโครงการที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อ/เช่าที่อยู่อาศัย สะท้อนให้เห็นแนวโน้มที่ผู้บริโภคทุกเพศทุกวัยหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพอย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงหรือการรักษาเมื่อเจ็บป่วย ดังนั้น การได้อยู่อาศัยใกล้สถานพยาบาลจะช่วยเพิ่มความอุ่นใจหากเกิดเหตุไม่คาดคิด และเอื้อต่อการวางแผนดูแลสุขภาพในระยะยาวได้ดียิ่งขึ้น
  • เทรนด์ “Pet Humanization” ฮีลใจด้วยสัตว์เลี้ยง เทรนด์ “Pet Humanization” หรือ “Pet Parent” ที่เจ้าของเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเหมือนลูก ให้ความสำคัญเทียบเท่าสมาชิกในครอบครัวยังคงมาแรง สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนไทยปัจจุบันที่มีแนวโน้มครองตัวเป็นโสดมากขึ้น หรือกลุ่ม DINKS รวมทั้งกลุ่ม LGBTQIAN+ ที่มักจะมีสัตว์เลี้ยงไว้เป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว พร้อมดูแลอย่างดีเหมือนเป็นลูก ส่งผลให้เทรนด์นี้มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ คาดการณ์ว่าตลาดสัตว์เลี้ยงในปี 2569 จะมีมูลค่าสูงถึง 66,748 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยปีละ 8.4% ขณะเดียวกันผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่างปรับตัวเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายนี้ โดยเปิดตัวโครงการคอนโดฯ Pet-Friendly หลากหลายรูปแบบเพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภค เห็นได้จากผลการสำรวจของบริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์โซลูชั่นส์ จำกัด (LWS) พบว่า ณ สิ้นปี 2566 มีจำนวนอาคารชุดประเภทที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล จำนวน 23,031 หน่วย เพิ่มขึ้น 4,600% จาก 490 หน่วย เมื่อเทียบกับปี 2554

อย่างไรก็ดี คู่รัก LGBTQIAN+ ที่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงเหมือนลูกต้องไม่ลืมเช็กความพร้อมของโครงการที่อยู่อาศัยว่าออกแบบมารองรับการใช้ชีวิตของเลี้ยงสัตว์ดีเพียงใด รวมทั้งศึกษากฎระเบียบของโครงการไปจนถึงศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้องในแต่ละพื้นที่ เช่น คนในเมืองหลวงควรทำความเข้าใจข้อบัญญัติใหม่ของกรุงเทพมหานครเกี่ยวกับการควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ พ.ศ. 2567 ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 มกราคม 2569 เพื่อให้การอยู่อาศัยของสมาชิกทุกชีวิตในครอบครัวเป็นไปอย่างราบรื่นและมีความสุข 

แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทยอย่างดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (www.ddproperty.com) ได้รวบรวมข่าวสารและเรื่องราวน่ารู้ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเป็นข้อมูลให้คนหาบ้านทุกเพศทุกวัยได้นำไปใช้วางแผนประกอบการตัดสินใจเลือกที่อยู่อาศัย รวมทั้งเป็นแหล่งรวมประกาศซื้อ-ขาย-เช่าที่อยู่อาศัยในหลากหลายทำเลทั่วประเทศ ช่วยให้ทุกคนเริ่มเตรียมความพร้อมก่อนเป็นเจ้าของบ้านในฝันได้อย่างมั่นใจในทุก ๆ วัน 

พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป เปิดตัวรายงานความยั่งยืนประจำปี 2567 สะท้อนความก้าวหน้าในการลดการปล่อยคาร์บอน ส่งเสริมการประกาศขาย-เช่าที่อยู่อาศัยแบบครอบคลุม และเพิ่มทางเลือกในการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน

พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป เปิดตัวรายงานความยั่งยืนประจำปี 2567 สะท้อนความก้าวหน้าในการลดการปล่อยคาร์บอน ส่งเสริมการประกาศขาย-เช่าที่อยู่อาศัยแบบครอบคลุม และเพิ่มทางเลือกในการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน

พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป เปิดตัวรายงานความยั่งยืนประจำปี 2567 สะท้อนความก้าวหน้าในการลดการปล่อยคาร์บอน ส่งเสริมการประกาศขาย-เช่าที่อยู่อาศัยแบบครอบคลุม และเพิ่มทางเลือกในการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน

  • พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป เดินหน้าลดการปล่อยคาร์บอนอย่างต่อเนื่อง โดยบรรลุเป้าหมายการใช้พลังงานหมุนเวียน 100% สำหรับการดำเนินงานโดยตรง
  • จากผลการสำรวจโดยดีดีพร็อพเพอร์ตี้พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 90% มีความสนใจที่จะซื้อที่อยู่อาศัยที่มีคุณสมบัติด้านความยั่งยืน และกว่า 93% ยินดีจ่ายเพิ่มสำหรับที่อยู่อาศัยเหล่านั้น
  • เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคด้านที่อยู่อาศัยที่ยั่งยืน เราได้มีการเปิดตัวฟีเจอร์ ‘เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม’ หรือ ‘Sustainable Living’ ในการค้นหาที่อยู่อาศัยบนเว็บไซต์ DDproperty.com

บริษัท พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป จำกัด (จากนี้จะเรียกแทนว่า “กลุ่มบริษัท” หรือ “พร็อพเพอร์ตี้กูรู”) ผู้นำด้านเทคโนโลยีด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (“PropTech”) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ ‘ดีดีพร็อพเพอร์ตี้’ (DDproperty) แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย ได้เผยแพร่รายงานความยั่งยืนประจำปี 2567 ภายใต้กลยุทธ์ ‘Gurus For Good’ ตอกย้ำพันธกิจในการมีส่วนร่วมสร้างเมืองที่ครอบคลุมและสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศท่ามกลางแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในเขตเมือง 

รายงานฉบับนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงการที่พร็อพเพอร์ตี้กูรูใช้ประโยชน์จากข้อมูล, เครื่องมือดิจิทัลและความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ เพื่อผลักดันให้ความยั่งยืนเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะเมื่อมีการคาดการณ์ว่าเกือบ 63% ของประชากรทั้งหมดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะอาศัยอยู่ในเขตเมืองภายในปี 2593

ด้วยจำนวนผู้ค้นหาอสังหาริมทรัพย์มากกว่า 32 ล้านรายต่อเดือน และตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ที่ใช้งานอยู่กว่า 50,000 รายในสิงคโปร์, มาเลเซีย, เวียดนาม และไทย กลุ่มบริษัทได้นำเสนอโซลูชันนวัตกรรมและข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล เพื่อตอบโจทย์ความท้าทายเร่งด่วนของตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยตรง ซึ่งไฮไลต์ของรายงานความยั่งยืนประจำปี 2567 คือการเปิดตัวฟีเจอร์ ‘Everyone Welcome’ สำหรับอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าในประเทศสิงคโปร์ เพื่อส่งเสริมทางเลือกในการอยู่อาศัยแบบครอบคลุมและรองรับความต้องการของคนทุกกลุ่ม (Inclusive Living) รวมถึงการเลือกใช้เครื่องมือที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง อาทิ ‘Green Score’ สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยบนแพลตฟอร์ม PropertyGuru Singapore, การเปิดตัวฟีเจอร์ ‘เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม’ หรือ ‘Sustainable Living’ ในแพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลสของไทย DDproperty.com และฟีเจอร์ ‘Everyone Welcome’ ในแพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลสของมาเลเซีย PropertyGuru Malaysia

“ความต้องการที่อยู่อาศัยที่ยั่งยืนและรองรับคนทุกกลุ่มกำลังเพิ่มสูงขึ้น และที่พร็อพเพอร์ตี้กูรู เรากำลังตอบสนองด้วยโซลูชันที่นำไปปฏิบัติได้จริง” Cécile Corda หัวหน้าฝ่ายความยั่งยืนของพร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป กล่าว

“เราได้มีการจัดเตรียมเครื่องมือให้กับผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัย เพื่อให้สามารถตัดสินใจเลือกวิถีชีวิตที่ยั่งยืนได้อย่างมีข้อมูล เรากำลังช่วยเพิ่มการรับรู้ ส่งเสริมพฤติกรรมเชิงบวก และสนับสนุนการสร้างเมืองที่มีความยืดหยุ่น ซึ่งท้ายที่สุดจะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายในตลาดที่อยู่อาศัย”

ในรายงานฉบับนี้ยังเน้นย้ำถึงความก้าวหน้าในการเดินหน้ายกระดับการลดการปล่อยคาร์บอนของกลุ่มบริษัทฯ และความมุ่งมั่นในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

จากเป้าหมายสู่การปฏิบัติด้านความยั่งยืน

ด้วยความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ในการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นหัวใจหลักขององค์กรในการพยายามผลักดันความยั่งยืน หลังจากที่ได้จัดทำข้อมูลฐานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) แล้ว กลุ่มบริษัทฯ ได้มุ่งเน้นไปที่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ประเภทที่ 2 ซึ่งพร็อพเพอร์ตี้กูรูสามารถบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net-zero) สำหรับการดำเนินการโดยตรงของบริษัทผ่านการจัดซื้อพลังงานหมุนเวียน

นอกจากนี้ยังได้ปรับเปลี่ยนมาใช้โซลูชันคลาวด์ที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงานมากยิ่งขึ้น โดยตระหนักว่าระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลของบริษัทมีส่วนสำคัญต่อการใช้พลังงาน การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ช่วยลดรอยเท้าคาร์บอน (Carbon footprint) ของแพลตฟอร์มต่าง ๆ และสนับสนุนความก้าวหน้าในการลดการปล่อยคาร์บอนขององค์กรอย่างต่อเนื่อง

มอบเครื่องมือให้ผู้ค้นหาที่อยู่อาศัยเพื่อการตัดสินใจที่ยั่งยืน

จากผลสำรวจความพึงพอใจของผู้บริโภคในปี 2567 โดยดีดีพร็อพเพอร์ตี้ พบว่า ความต้องการใช้ชีวิตอย่างใส่ใจสิ่งแวดล้อมเพิ่มสูงขึ้นในประเทศไทย 90% ของผู้บริโภคชาวไทยแสดงความสนใจในการซื้อที่อยู่อาศัยที่มีคุณสมบัติด้านความยั่งยืน และ 93% ยินดีจ่ายเพิ่มขึ้นเพื่อคุณสมบัติดังกล่าว

ในฐานะผู้นำในการผนวกความยั่งยืนเข้าสู่กระบวนการค้นหาอสังหาริมทรัพย์ และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาทางเลือกการอยู่อาศัยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กลุ่มบริษัทฯ ได้เปิดตัวฟีเจอร์ ‘เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม’ หรือ ‘Sustainable Living’ บนเว็บไซต์ DDproperty.com ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา เพื่อให้ความสำคัญกับที่อยู่อาศัยที่มีคุณสมบัติรักษ์โลก เช่น การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ และจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยฟีเจอร์นี้รองรับทั้งอสังหาริมทรัพย์แบบซื้อและแบบเช่า สามารถเข้าใช้งานได้ไม่ยาก เพียงเข้าไปที่หน้าประกาศซื้อหรือประกาศเช่า ใต้ช่องการค้นหาด้านบนจะมีตัวเลือกคุณสมบัติที่ต้องการ และฟีเจอร์ ‘เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม’ หรือ ‘Sustainable Living’ เป็นหนึ่งในตัวเลือกดังกล่าว 

และพร็อพเพอร์ตี้กูรูได้มีการเปิดตัวฟีเจอร์ Green Score ในปี 2564 เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานชาวสิงคโปร์สามารถระบุที่อยู่อาศัยที่มีคุณสมบัติด้านความยั่งยืนได้ง่ายขึ้น จากผลสำรวจความพึงพอใจของผู้บริโภคในสิงคโปร์ปี 2567 พบว่า 63% ของผู้มองหาที่อยู่อาศัยไว้วางใจ Green Score ในฐานะตัวชี้วัดของทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลและใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

นอกจากโซลูชันเหล่านี้แล้วพร็อพเพอร์ตี้กูรูยังได้นำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-driven insights) รวมถึงการวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศและข้อมูลประวัติภัยพิบัติ เพื่อช่วยให้ผู้ที่อาจจะมีผลกระทบในวงการอสังหาริมทรัพย์รับมือกับความเสี่ยงจากสภาพภูมิอากาศและเตรียมพร้อมอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาเมืองที่มีความยืดหยุ่นและยั่งยืน

“การเปิดตัวฟีเจอร์ ‘เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม’ หรือ ‘Sustainable Living’ ของเรา คือการพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นในการช่วยสร้างอนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับประเทศไทย” นายวิทยา อภิรักษ์วิริยะ ผู้จัดการทั่วไป Think of Living และ ตลาดมาร์เก็ตเพลสประเทศไทย (ฝั่งดีเวลลอปเปอร์) ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ กล่าว “เรากำลังมอบข้อมูลเชิงลึกที่ผู้ค้นหาที่อยู่อาศัยต้องการ โดยเน้นคุณสมบัติด้านความยั่งยืน เช่น แผงโซลาร์เซลล์และจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อช่วยให้ผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัย มีข้อมูลในการตัดสินใจเลือกที่อยู่อาศัยที่มีความยั่งยืนได้อย่างแท้จริง นี่คือการสร้างตลาดที่การใช้ชีวิตอย่างใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องปกติ และทุกการตัดสินใจด้านอสังหาริมทรัพย์มีส่วนช่วยให้ประเทศไทยมีความยืดหยุ่นและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น”

ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชนและที่อยู่อาศัยที่ครอบคลุม

ในปี 2567 ทีม Gurus For Good ประจำประเทศไทยได้บริจาคเงินจำนวน 2,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ ให้กับมูลนิธิ Fight 4 the Future เพื่อช่วยซ่อมแซมพื้นที่ออกกำลังกายในโรงฝึกศิลปะการต่อสู้สำหรับเด็ก ๆ นอกจากนี้ กลุ่มอาสาสมัครกูรูชาวไทยยังได้ใช้เวลาร่วมฝึกซ้อมกับเด็ก ๆ พร้อมทั้งแจกเสื้อยืด กล่องข้าว และคัพเค้กธีมเทศกาลฮาโลวีน อีกทั้งยังมอบของเล่น เสื้อผ้า และกระเป๋าให้กับเด็ก ๆ อีกด้วย

ไม่ว่าจะเป็นใคร ทุกคนควรมีที่อยู่อาศัยที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นบ้าน แต่ความไม่เท่าเทียมยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับผู้มองหาที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะอสังหาฯ สำหรับเช่า โดยหนึ่งในสี่ของผู้คนในสิงคโปร์เคยประสบกับการถูกเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติระหว่างการค้นหาที่อยู่อาศัย แม้ว่าสังคมที่หลากหลายทางวัฒนธรรมจะได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง แต่ทัศนคติที่ไม่รู้ตัวและอคติยังคงส่งผลต่อโอกาสในการเช่าที่อยู่อาศัย

พร็อพเพอร์ตี้กูรูได้เปิดตัวฟีเจอร์ ‘Everyone Welcome’ บนแพลตฟอร์มในสิงคโปร์เมื่อเดือนธันวาคม 2567 โดยเป็นป้ายกำกับสำหรับประกาศเช่าที่เจ้าของบ้านเปิดรับผู้เช่าทุกเชื้อชาติ, เพศ, ศาสนา และรสนิยมทางเพศ 

โครงการริเริ่มนี้มีเป้าหมายเพื่อมอบประสบการณ์ในการหาที่อยู่อาศัยที่ปราศจากการเลือกปฏิบัติ พร้อมทั้งส่งเสริมให้ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์และเจ้าของบ้านยอมรับในความหลากหลายและแนวทางที่ครอบคลุม ปัจจุบันหนึ่งในสี่ของประกาศเช่าทั้งหมดบนพร็อพเพอร์ตี้กูรู สิงคโปร์ มีการติดป้ายกำกับ ‘Everyone Welcome’ ช่วยให้ผู้มองหาบ้านสามารถค้นหาที่อยู่อาศัยที่เป็นมิตรต่อความหลากหลายได้ง่ายยิ่งขึ้น ฟีเจอร์ ‘Everyone Welcome’ นี้ยังได้เปิดตัวในแพลตฟอร์มพร็อพเพอร์ตี้กูรู มาเลเซียในเดือนเมษายน 2568 อีกด้วย

นี่เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของกลุ่มบริษัทฯ ในการสร้างตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นธรรม โดยนอกเหนือจากการเปิดตัวฟีเจอร์ดังกล่าว กลุ่มบริษัทฯ ยังได้กำหนดแนวทางการลงประกาศอย่างครอบคลุม ใช้เครื่องมือตรวจสอบภาษาที่อาจสื่อถึงการเลือกปฏิบัติในระบบ และเปิดช่องทางให้ผู้ใช้งานสามารถรายงานพฤติกรรมที่เข้าข่ายการเลือกปฏิบัติได้โดยตรง

จากความพยายามร่วมกันในหลายด้าน พร็อพเพอร์ตี้กูรูมุ่งมั่นที่จะลดอุปสรรคและสร้างเส้นทางการเข้าถึงที่อยู่อาศัยที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งทุกคนสามารถค้นหาบ้านที่ตอบโจทย์และรู้สึกว่าได้รับการต้อนรับอย่างเท่าเทียม

แหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง – 

ส่องโอกาสทองคนซื้อบ้านปี 68 วางแผนเลือกบ้านใหม่อย่างไรให้คุ้มค่า

ส่องโอกาสทองคนซื้อบ้านปี 68 วางแผนเลือกบ้านใหม่อย่างไรให้คุ้มค่า

ส่องโอกาสทองคนซื้อบ้านปี 68 วางแผนเลือกบ้านใหม่อย่างไรให้คุ้มค่า

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2568 ถือเป็นปีแห่งการปรับตัวทั้งในฝั่งผู้บริโภคและผู้ประกอบการ แม้จะมีความท้าทายแต่ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างน่าสนใจ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย เผยข้อมูลเชิงลึกจากผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.DDproperty.com ในเดือนเมษายน 2568 สะท้อนเทรนด์ความต้องการซื้อและเช่าที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคชาวไทย พบว่า จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ในเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 7% จากเดือนก่อนหน้า (MoM) และเพิ่มขึ้นถึง 25% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) แม้ว่าจะเพิ่งผ่านเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศเมียนมาและเกิดแรงสั่นสะเทือนที่รับรู้ได้ในไทยเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 

อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ พบว่าความต้องการซื้อคอนโดมิเนียมลดลง 14% MoM เนื่องจากผู้บริโภคกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของอาคารสูงเมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหว ส่งผลให้ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบได้รับอานิสงส์ โดยความต้องการซื้อบ้านเดี่ยวในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้น 8% MoM และทาวน์โฮมเพิ่มขึ้น 6% MoM 

ทั้งนี้ ความต้องการซื้อส่วนใหญ่อยู่ที่ระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท มีสัดส่วนถึง 46% แต่ระดับราคาที่มีความต้องการซื้อเพิ่มขึ้นมากที่สุด ได้แก่ ระดับราคามากกว่า 10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% MoM

ขณะที่ความต้องการเช่าที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 23% MoM โดยเพิ่มขึ้นทุกรูปแบบที่อยู่อาศัย ทาวน์โฮมเพิ่มขึ้นมากที่สุด 31% MoM ตามมาด้วยคอนโดฯ เพิ่มขึ้น 23% MoM และบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้น 11% MoM 

ส่วนระดับค่าเช่าส่วนใหญ่อยู่ที่ 10,000-20,000 บาท/เดือน มีสัดส่วน 36% โดยระดับค่าเช่าที่มีความต้องการเช่าเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือ มากกว่า 30,000 บาท/เดือน เพิ่มขึ้น 28% MoM สะท้อนให้เห็นว่าความต้องการซื้อ/เช่าที่อยู่อาศัยยังคงเติบโต เป็นโอกาสของผู้ประกอบการที่จะทำโปรโมชั่นดึงดูดทั้งกลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่เองและนักลงทุน

ส่องปัจจัยบวกสร้างโอกาสทองให้ผู้ซื้อบ้านปี 68 

ตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2568 กำลังฉายแสงแห่งโอกาสให้กับคนหาบ้านอีกครั้ง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการอสังหาฯ ของภาครัฐ ประกอบกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นโอกาสทองของผู้ที่มีความพร้อมทางการเงินในการซื้อที่อยู่อาศัย โดยมี 3 ปัจจัยบวกที่น่าสนใจ ดังนี้

  1. มาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ แรงขับเคลื่อนสำคัญของตลาด ภาคอสังหาฯ ยังคงเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ผ่านมาตรการที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อให้คนหาบ้านเป็นเจ้าของที่อาศัยได้ง่ายขึ้น ดังนี้
  • มาตรการลดค่าจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์เหลือ 01% (จากปกติ 2%) และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาฯ อันเนื่องมาจากการจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวในคราวเดียวกัน เหลือ 0.01% (จากปกติ 1%) สำหรับราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 7 ล้านบาท มีผลใช้บังคับไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2569 
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่อนคลายเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan-to-Value: LTV) เป็นการชั่วคราว โดยกำหนดให้เพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกันเป็น 100% สำหรับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ทั้งกรณี (1) มูลค่าหลักประกันต่ำกว่า 10 ล้านบาท ตั้งแต่สัญญากู้หลังที่ 2 เป็นต้นไป และ (2) มูลค่าหลักประกันตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ตั้งแต่สัญญากู้หลังที่ 1 เป็นต้นไป สำหรับสัญญาเงินกู้ที่ทำสัญญาตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2569
  • สินเชื่อที่อยู่อาศัยดอกเบี้ยต่ำจากสถาบันการเงินของรัฐ ประกอบด้วย ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.), ธนาคารออมสิน และการเคหะแห่งชาติ ที่ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้านที่มีอัตราดอกเบี้ยพิเศษ หรือมีเงื่อนไขผ่อนปรนอื่น ๆ เช่น ระยะเวลาผ่อนชำระที่ยาวนานขึ้น วงเงินกู้ที่สูงขึ้น หรือการผ่อนปรนหลักเกณฑ์ในการพิจารณาสินเชื่อ ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคได้เป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยในราคาที่เอื้อมถึง
  • โครงการบ้านเพื่อคนไทย เน้นการพัฒนาที่อยู่อาศัยราคาประหยัด (Affordable Housing) ในพื้นที่ศักยภาพที่ใกล้ระบบขนส่งมวลชน ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถเช่าซื้อได้ในระยะเวลา 99 ปี โดยมีอัตราผ่อนเริ่มต้นประมาณ 4,000 บาท/เดือน ระยะเวลาผ่อนชำระ 30-50 ปี และยังมีการสนับสนุนสินเชื่อจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ 5%
  1. อัตราดอกเบี้ยลดลงต่อเนื่อง แบ่งเบาภาระคนผ่อนบ้าน คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องจนมาอยู่ที่ 75% ต่อปี (ประกาศ ณ วันที่ 30 เมษายน 2568) ถือเป็นสัญญาณบวกสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อบ้าน เนื่องจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มปรับตัวลดลงตามไปด้วย และช่วยลดภาระการผ่อนชำระหนี้ในแต่ละงวด ทำให้ผู้ซื้อมีสภาพคล่องทางการเงินมากขึ้นและสามารถนำเงินส่วนต่างไปใช้จ่ายอื่น ๆ ได้
  2. ผู้พัฒนาอสังหาฯ จัดเต็มโปรโมชั่นสุดคุ้ม บริษัทผู้พัฒนาอสังหาฯ ต่างแข่งขันนำเสนอโปรโมชั่นที่หลากหลายเพื่อกระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการมอบส่วนลดพิเศษ ฟรีค่าส่วนกลาง ของแถมต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งโปรโมชั่นช่วยผ่อนดาวน์ และการเช่าออมบ้านเพื่อให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ นอกจากนี้ผู้พัฒนาอสังหาฯ ยังได้จับมือกับธนาคารเพื่อนำเสนอโปรโมชั่นสินเชื่อที่มาพร้อมอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยได้ในราคาที่คุ้มค่า และช่วยลดค่าใช้จ่ายบางส่วนอีกด้วย

ยกระดับความพร้อมกับ 5 ขั้นตอนวางแผนซื้อบ้านใหม่อย่างคุ้มค่า

ท่ามกลางปัจจัยบวกที่เอื้อต่อการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย อย่างไรก็ดี ผู้บริโภคต้องไม่ลืมว่าหัวใจสำคัญของการซื้อที่อยู่อาศัยนั้นยังคงอยู่ที่การวางแผนและเตรียมความพร้อมอย่างรอบด้าน ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) ขอแนะนำ 5 ขั้นตอนยกระดับความพร้อมเพื่อวางแผนซื้อบ้านใหม่ ช่วยให้คนหาบ้านเริ่มต้นก้าวแรกในการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยได้อย่างมั่นใจและคุ้มค่าในช่วงโอกาสทอง

  1. เลือกที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมกับรายได้ การวางแผนซื้อบ้านอย่างเป็นระบบถือเป็นก้าวสำคัญในเส้นทางอสังหาฯ ผู้บริโภคควรเลือกบ้าน/คอนโดฯ ในฝันที่เหมาะสมกับสถานภาพทางการเงินเป็นหลัก โดยนำรายรับหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วในแต่ละเดือนมาคำนวณวงเงินกู้สูงสุดที่คาดว่าจะได้รับ เพื่อหางบประมาณที่เหมาะสมในการซื้อที่อยู่อาศัย จากนั้นจึงพิจารณาความต้องการและไลฟ์สไตล์ของสมาชิกในครอบครัวเพื่อเลือกประเภทที่อยู่อาศัยและทำเลที่ตอบโจทย์
  2. เรียนรู้การสร้างรากฐานทางการเงินที่มั่นคง การบริหารจัดการแผนการเงินอย่างเป็นระบบจะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเตรียมความพร้อมเพื่อซื้อบ้าน/คอนโดฯ ได้มีประสิทธิภาพ เนื่องจากอสังหาฯ ถือเป็นทรัพย์สินที่มีราคาสูงและผ่อนชำระยาวนาน จึงจำเป็นต้องมีแผนการเงินที่รอบคอบเพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาทางการเงินในอนาคต โดยผู้บริโภคควรเก็บออมเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการซื้อบ้านทั้งในส่วนเงินดาวน์และค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมต่าง ๆ ทั้งนี้ ผู้กู้ควรมีรายจ่ายไม่เกิน 40% ของรายได้ รวมไปถึงมีการออมเงินเพื่อเป็นกองทุนสำรองในกรณีฉุกเฉิน โดยควรตั้งเป้าหมายในการออมเงินสำรองให้เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่าย 3-6 เดือน ก่อนที่จะซื้อที่อยู่อาศัย
  3. เครดิตการเงินดี มีชัยไปกว่าครึ่ง ประวัติการเงินที่ดีถือเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ได้รับการอนุมัติสินเชื่อง่ายขึ้น เนื่องจากเป็นตัวบ่งชี้ถึงความน่าเชื่อถือและความสามารถในการชำระหนี้ โดยผู้บริโภคควรเริ่มสร้างประวัติทางการเงินที่ดีโดยชำระหนี้ต่าง ๆ ให้ตรงเวลา และพยายามลดภาระหนี้ที่ไม่จำเป็นให้ได้มากที่สุด เพื่อเพิ่มความสามารถในการผ่อนชำระหนี้และลดความเสี่ยงในการถูกปฏิเสธสินเชื่อ โดยธนาคารส่วนใหญ่จะพิจารณาความสามารถในการจ่ายชำระหนี้คืนได้ตามระยะเวลาที่กำหนด ประกอบกับอัตราส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ (Debt Service Ratio: DSR) รวมถึงความมั่นคงของรายได้ที่ผู้กู้จะนำมาชำระหนี้ในอนาคต เพื่อประเมินความเสี่ยงทางการเงินก่อนพิจารณาอนุมัติสินเชื่อตามหลักเกณฑ์ของธนาคารต่อไป
  4. เช็กให้ชัวร์ก่อนยื่นกู้ด้วย “Pre-approve” การทำ “Pre-approve สินเชื่อบ้าน” หรือการยื่นประเมินสินเชื่อที่อยู่อาศัยในเบื้องต้นกับธนาคาร เป็นการขอตรวจสอบสถานภาพทางการเงินและความสามารถในการชำระหนี้ ซึ่งจะพิจารณาจากราคาขายที่อยู่อาศัยที่ผู้ขอสินเชื่อแจ้งไว้ ประกอบกับรายได้-รายจ่าย รวมทั้งเครดิตหรือความน่าเชื่อถือในการชำระหนี้ หากทำ Pre-approve ผ่าน หมายความว่าผู้บริโภคมีโอกาสที่จะขอสินเชื่อผ่านสูง แต่ถ้าผลไม่ผ่านก็ยังไม่ควรที่จะซื้อในเวลานี้ นอกจากนี้ ข้อดีของการทำ Pre-approve คือทำให้ผู้บริโภคทราบว่ามีความสามารถเพียงพอที่จะขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยในวงเงินประมาณนี้หรือไม่ ช่วยให้สามารถตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้นในการวางแผนขอวงเงินสินเชื่อและการเลือกธนาคาร หรือหาก Pre-approve ไม่ผ่าน ก็ช่วยให้ทราบว่าต้องปรับปรุงส่วนใดเพื่อเพิ่มความสามารถในการชำระหนี้ และนำไปแก้ไขก่อนยื่นกู้จริงในอนาคต
  5. เปรียบเทียบโปรโมชั่นเด็ด คว้าดีลที่ดีที่สุด ในสภาวะที่ตลาดมีการแข่งขันสูง บริษัทผู้พัฒนาอสังหาฯ ต่างแข่งขันนำเสนอโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้าและกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ ดังนั้น ผู้บริโภคจึงควรติดตามโปรโมชั่นของโครงการต่าง ๆ ตั้งแต่เริ่มวางแผนซื้อเพื่อไม่ให้พลาดข้อเสนอที่ดีที่สุด โดยเฉพาะโครงการที่ร่วมมือกับธนาคารต่าง ๆ ให้ดอกเบี้ยอัตราพิเศษซึ่งจะมีระยะเวลาโปรโมชั่นเพียงชั่วคราว จากนั้นจึงนำมาเปรียบเทียบว่าโปรโมชั่นจากโครงการใดที่คุ้มค่าและตอบโจทย์ได้ครอบคลุมมากที่สุดทั้งด้านการเงิน ทำเล และไลฟ์สไตล์ ทั้งนี้ ผู้บริโภคควรทำความเข้าใจเงื่อนไขและรายละเอียดของโปรโมชั่นต่าง ๆ อย่างละเอียด หากมีข้อสงสัยควรสอบถามพนักงานก่อนตัดสินใจ เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดในภายหลัง

ปัจจัยบวกในตลาดอสังหาฯ ปี 2568 ยังคงดึงดูดให้ผู้บริโภคที่มีความพร้อมทางการเงินมองเห็นโอกาสทองในการซื้อบ้าน/คอนโดฯ ทั้งเพื่ออยู่อาศัยเองและเพื่อลงทุน แน่นอนว่าการเตรียมความพร้อมอย่างรอบด้านทั้งการวางแผนทางการเงิน การสร้างเครดิตที่ดี การศึกษาข้อมูลโครงการ และการพิจารณาโปรโมชั่นอย่างรอบคอบ ล้วนเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยต่อเติมให้การมีบ้านในฝันของทุกคนเป็นจริงได้ในเร็ววัน ทั้งนี้ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (https://www.ddproperty.com) ได้รวบรวมข้อมูลโปรโมชั่นที่น่าสนใจจากผู้พัฒนาอสังหาฯ ชั้นนำของไทย มาพร้อมข้อมูลประกาศซื้อ/ขาย/เช่าในหลากหลายทำเลทั่วประเทศ รวมทั้งอัปเดตข่าวสารความรู้ที่เป็นประโยชน์ในการซื้อ/ขาย/เช่า เพื่อให้ทุกคนเตรียมความพร้อมก่อนเลือกที่อยู่อาศัยในฝันได้อย่างมั่นใจและราบรื่นยิ่งขึ้น

เคล็ด (ไม่) ลับวางแผนเลือกซื้อบ้านใหม่เป็นเรือนหออย่างไรให้รักมั่นคง

เคล็ด (ไม่) ลับวางแผนเลือกซื้อบ้านใหม่เป็นเรือนหออย่างไรให้รักมั่นคง

เคล็ด (ไม่) ลับวางแผนเลือกซื้อบ้านใหม่เป็นเรือนหออย่างไรให้รักมั่นคง

เมื่อความรักสุกงอมแล้วการวางแผนซื้อเรือนหอร่วมกันถือเป็นก้าวสำคัญของชีวิตคู่ เนื่องจากการมีบ้านเป็นของตัวเองนอกจากจะสร้างความมั่นคงแล้วยังเป็นสัญลักษณ์การเริ่มต้นสร้างครอบครัวอีกด้วย สอดคล้องกับข้อมูลจากแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดที่อยู่อาศัย DDproperty Thailand Consumer Sentiment Study รอบล่าสุดของดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย พบว่าผู้บริโภคเกือบ 1 ใน 3 (31%) ตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับพ่อแม่และบุตรหลานเมื่อขยายครอบครัว รวมถึงการวางแผนระยะยาวสำหรับผู้ที่มีแผนแต่งงานสร้างครอบครัว

ส่อง 4 ปัจจัยสำคัญที่คู่รักควรพิจารณาเมื่อซื้อเรือนหอ

การซื้อบ้านใหม่เป็นเรือนหอถือเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญที่คู่รักต้องพิจารณาร่วมกันหลายด้าน เนื่องจากเป็นการสร้างภาระผูกพันทางการเงินระยะยาวร่วมกัน ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) ชวนคู่รักมาสำรวจปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อบ้านใหม่เป็นเรือนหอ เพื่อให้สามารถเลือกที่อยู่อาศัยได้ตอบโจทย์ความต้องการของทั้งสองฝ่ายมากที่สุด ดังนี้

  1. ตั้งงบประมาณให้เหมาะสมกับรายได้ สิ่งแรกที่คู่รักต้องทำคือการตั้งงบประมาณเรือนหอในฝันให้ชัดเจน โดยพิจารณาจากรายได้และค่าใช้จ่ายของทั้งสองคนรวมกัน เพื่อนำมาคำนวณความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ต่อเดือนหากต้องยื่นกู้สินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยจากธนาคาร ขณะเดียวกันควรสร้างประวัติทางการเงินให้ดี หลีกเลี่ยงการมีประวัติค้างชำระซึ่งจะส่งผลต่อการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อได้ นอกจากนี้ยังต้องมีเงินเก็บเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ ค่าตกแต่งบ้าน เป็นต้น ทั้งนี้ การกำหนดงบประมาณซื้อที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมกับความสามารถทางการเงินจะช่วยให้คู่รักเลือกบ้านได้ตรงตามกำลังทรัพย์ และไม่สร้างภาระทางการเงินในอนาคต
  1. เลือกทำเลให้ตอบโจทย์ ครอบคลุมไลฟ์สไตล์ คู่รักทั้งสองฝ่ายควรเลือกทำเลเรือนหอให้สามารถเดินทางสะดวกทั้งในการไปทำงานหรือใช้ชีวิตตามไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบ เช่น ใกล้สวนสาธารณะ ใกล้แหล่งช็อปปิ้ง หากวางแผนมีบุตรในอนาคตก็ควรเลือกที่อยู่อาศัยที่ไม่ไกลจากสถานศึกษา หรือหากมีสัตว์เลี้ยงก็ควรพิจารณาโครงการบ้าน/คอนโดมิเนียมที่เลี้ยงสัตว์ได้ (Pet-Friendly) มีสิทธิประโยชน์หรือมีส่วนกลางที่อำนวยความสะดวกสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ

ล่าสุดดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) ได้ออกฟิลเตอร์ใหม่เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของคนหาบ้าน ให้สามารถเลือกค้นหาบ้าน/คอนโดฯ หลังใหม่ที่ใช่ได้ง่ายขึ้น ประกอบด้วยฟิลเตอร์ค้นหาโครงการที่มีส่วนกลางเอาใจคนรักสัตว์, โครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม, โครงการใกล้โรงเรียน และโครงการหรู นอกจากนี้ คู่รักควรเลือกทำเลที่มีระบบสาธารณูปโภคครบครัน อยู่ใกล้โรงพยาบาลหรือคลินิกเพื่อความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตและดูแลสุขภาพในอนาคต 

  1. พิจารณารูปแบบที่อยู่อาศัยให้เหมาะสม คู่รักควรตัดสินใจร่วมกันว่าจะเลือกซื้อที่อยู่อาศัยรูปแบบไหนเป็นเรือนหอ โดยพิจารณาจากจำนวนสมาชิกในครอบครัว เช่น หากวางแผนมีลูกในอนาคตบ้านเดี่ยวอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า ส่วนคู่รักที่ต้องการความคล่องตัวและไม่ต้องการพื้นที่มากนักควรเลือกคอนโดฯ แทน ทั้งนี้ หากคู่รักต้องทำงานที่บ้านหรือต้องการพื้นที่ทำธุรกิจเล็กน้อยอาจจะเลือกบ้านเดี่ยวหรือทาวน์เฮ้าส์ที่ตอบโจทย์มากกว่า อย่างไรก็ดี ปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือการไปดูโครงการจริงเพื่อพิจารณาสภาพแวดล้อมโดยรอบก่อนตัดสินใจซื้อ เช่น ความปลอดภัยในพื้นที่ ความเงียบสงบ และสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อให้การอยู่อาศัยเป็นไปอย่างราบรื่น
  1. วางแผนสร้างครอบครัวในอนาคตอย่างรอบคอบ การซื้อเรือนหอเป็นทรัพย์สินที่มีราคาสูง คู่รักจึงควรวางแผนอนาคตร่วมกันให้รอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อ ทั้งด้านการวางแผนครอบครัวว่าจะมีบุตรในอนาคต, จะอาศัยอยู่กันสองคน หรือจะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงแทนลูก (Pet Humanization) ซึ่งจะส่งผลต่อการเลือกขนาดและรูปแบบที่อยู่อาศัย รวมทั้งพิจารณาถึงความมั่นคงในอาชีพของทั้งสองฝ่าย โดยต้องไม่ลืมประเมินความเสี่ยงว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงทางอาชีพเกิดขึ้น จะยังคงมีเงินเก็บเพียงพอในการผ่อนชำระต่อได้มากน้อยเพียงใด ดังนั้น คู่รักจึงควรปรึกษาและพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อเรือนหอที่ใช่ในเวลาที่พร้อม

กฎหมายควรรู้ การซื้อเรือนหอถือเป็นสินสมรสหรือไม่?

ตามกฎหมายแล้วคู่สมรสจะมีสิทธิในการบริหารจัดการสินสมรสร่วมกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1474 บัญญัติไว้ว่า สินสมรส ได้แก่ ทรัพย์สินที่คู่สมรสได้มาระหว่างสมรส เช่น เงินเดือน โบนัส หรือทรัพย์สินที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาระหว่างสมรสโดยพินัยกรรมหรือการให้เป็นหนังสือโดยระบุว่าเป็นสินสมรส รวมทั้งทรัพย์สินที่เป็นดอกผลของสินส่วนตัว สำหรับสิทธิในการครอบครองอสังหาฯ หรือเรือนหอนั้น

  • หากคู่รักจดทะเบียนสมรสกันก่อนซื้อบ้าน/คอนโดฯ เพื่อเป็นเรือนหอจะถือเป็นสินสมรส ซึ่งทั้งสองคนมีกรรมสิทธิ์ร่วมกัน หากขายบ้านที่มีกรรมสิทธิ์ร่วมกันนี้ รายได้จากการขายจะต้องแบ่งครึ่งหรือแบ่งตามสัดส่วนกรรมสิทธิ์ ส่วนกรณีที่มีการหย่าร้างในภายหลัง สินสมรสจะต้องนำมาแบ่งกันระหว่างสามีภรรยา 
  • ในกรณีที่ผู้บริโภคซื้อบ้าน/คอนโดฯ ตั้งแต่ตอนยังโสดจะถือว่าที่อยู่อาศัยนั้นเป็นสินส่วนตัว หากผู้บริโภคมีการจดทะเบียนสมรสในภายหลังและต้องการเพิ่มชื่อคู่สมรสเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกัน จะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น หรือหากต้องการเพิ่มชื่อคู่สมรสในกรณีที่เปลี่ยนจากการกู้เดี่ยวมาเป็นการกู้ร่วมเพื่อช่วยกันผ่อนชำระบ้านนั้น ธนาคารจะนำรายได้และภาระหนี้ของคู่สมรสที่กู้ร่วมมาพิจารณาอีกครั้ง  

ด้านกรรมสิทธิ์ในการครอบครองที่อยู่อาศัย เมื่อผู้กู้ผ่อนชำระสินเชื่อบ้านครบแล้วกรรมสิทธิ์จะเป็นของผู้กู้โดยตรง ในกรณีการกู้ร่วมของคู่รัก ผู้กู้ร่วมจะต้องตกลงกันว่าจะให้ใครถือกรรมสิทธิ์ หรือจะถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน หรือจะระบุไปในสัญญาว่าจะมอบกรรมสิทธิ์ให้ผู้ใด อย่างไรก็ดี หากผู้กู้เสียชีวิตโดยไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ คู่สมรสที่ยังมีชีวิตจะถือเป็นทายาทโดยธรรมมีสิทธิรับมรดกของคู่สมรสที่เสียชีวิตได้ตามกฎหมาย ซึ่งรวมทั้งอสังหาริมทรัพย์ 

เปิดสูตรผ่อนบ้านฉบับคู่รัก วางแผนอย่างไรให้ผ่อนหมดไวไปด้วยกัน

การซื้อเรือนหอถือเป็นก้าวแรกในการเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่ เมื่อคู่รักคิดจะสร้างครอบครัวร่วมกันแล้วจึงไม่ควรละเลยการวางแผนทางการเงินเพื่อผ่อนบ้านในอนาคต ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) ขอแนะนำเคล็ด (ไม่) ลับช่วยให้คู่รักวางแผนผ่อนบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดภาระดอกเบี้ยให้หมดไว สานฝันให้คู่รักมีเรือนหอในฝันได้อย่างมั่นใจ 

  • ตกลงหน้าที่ผ่อนบ้านให้ชัดเจน คู่รักทั้งสองฝ่ายควรปรึกษาและตกลงกันให้ชัดเจนเกี่ยวกับหน้าที่ความรับผิดชอบในการผ่อนชำระสินเชื่อบ้าน เช่น ใครจะเป็นผู้ยื่นกู้ซื้อบ้านหรือจะกู้ร่วมกัน ใครจะรับหน้าที่ผ่อนบ้านเป็นหลัก แบ่งสัดส่วนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนกลางหรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เกี่ยวกับบ้านอย่างไร หรือจะตั้งเงินกองกลางเพื่อดูแลรักษาบ้านเท่าไร ซึ่งควรพิจารณาโดยอ้างอิงจากรายได้และค่าใช้จ่ายส่วนตัวของแต่ละฝ่ายว่าใครมีความสามารถในการผ่อนชำระได้มากกว่า เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกันและแยกรายจ่ายเพื่อผ่อนบ้านอย่างเป็นระบบ ลดความขัดแย้งเรื่องนี้ในภายหลัง
  • เลือกอัตราดอกเบี้ยอย่างชาญฉลาด ผู้บริโภคควรศึกษาและทำความเข้าใจว่าอัตราดอกเบี้ยแบบไหนที่คุ้มค่าที่สุด โดยนำอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อแต่ละตัวมาเฉลี่ยเป็นอัตราดอกเบี้ยตลอดอายุของสินเชื่อและปรับให้เป็นอัตราดอกเบี้ยต่อปี ซึ่งจะทำให้สามารถเปรียบเทียบสินเชื่อของแต่ละธนาคารได้ง่ายขึ้น สิ่งสำคัญคือผู้กู้ควรเลือกจากอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยใน 3 ปีแรกเป็นหลักว่าธนาคารใดให้ดอกเบี้ยต่ำที่สุด และเมื่อผ่อนชำระครบ 3 ปีแล้ว ให้พิจารณายื่นเรื่องขอลดดอกเบี้ยกับธนาคารเดิม (Retention) หรือรีไฟแนนซ์ (Refinance) กับธนาคารใหม่ ซึ่งจะช่วยให้ได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง ประหยัดค่าดอกเบี้ยในระยะยาวได้มากขึ้น 

เคล็ดลับในการเลือกสินเชื่อนั้นผู้กู้ควรเลือกอัตราดอกเบี้ยลอยตัวในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้มีแนวโน้มที่จะปรับลดลง ซึ่งจะทำให้ยอดดอกเบี้ยที่ผู้กู้ต้องชำระลดลงตามไปด้วย แต่หากอยู่ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้น ผู้กู้ควรเลือกสินเชื่อที่อัตราดอกเบี้ยคงที่ทั้ง 3 ปี เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของอัตราดอกเบี้ยลอยตัวที่อาจปรับสูงขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจในช่วงนั้น โดยสามารถติดตามสถานการณ์ที่ส่งผลต่อการปรับอัตราดอกเบี้ยได้จากข่าวเศรษฐกิจและการคาดการณ์จากนักวิเคราะห์

  • “ผ่อนแบบลดต้นลดดอก” ช่วยลดภาระดอกเบี้ย “การผ่อนบ้านแบบลดต้นลดดอก” (Effective Rate) เป็นวิธีการคำนวนของธนาคารที่ชี้แจงให้เห็นถึงความตรงต่อเวลาในการส่งเงินต้น อันเป็นผลทำให้ดอกเบี้ยในงวดต่อไปลดลง โดยคำว่า “ลดต้น” หมายถึงเงินต้นซึ่งจะนำมาคิดดอกเบี้ยในแต่ละงวด โดยเงินต้นจะลดลงไปเรื่อย ๆ จากการนำจำนวนเงินในงวดที่ชำระไปก่อนหน้าส่วนที่เหลือจากหักชำระดอกเบี้ยมาหักลบออกไป ส่วน “ลดดอก” หมายถึงดอกเบี้ยในงวดถัดมาที่จะลดลงเรื่อย ๆ แปรผันตามเงินต้นที่ลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เงินต้นเหลือน้อยลงเรื่อย ๆ เนื่องจากถูกหักออกไปจากการชำระในงวดก่อนหน้า แม้ว่าจำนวนเงินที่ชำระในแต่ละงวดจะกำหนดไว้คงที่ แต่การคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกนี้จะทำให้จำนวนเงินที่ผ่อนชำระในงวดหลัง ๆ จะถูกกันส่วนหนึ่งไปชำระดอกเบี้ยน้อยลง และเหลือส่วนที่ไปตัดยอดหนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ จึงถือเป็นวิธีที่ช่วยประหยัดดอกเบี้ยในระยะยาว
  • วางแผนโปะบ้านให้ผ่อนหมดไวแบบติดสปีดการโปะบ้าน” เป็นการผ่อนชำระหนี้ให้มากกว่าที่กำหนดไว้หรือมากกว่าจำนวนเงินชำระต่องวดที่ระบุไว้ในสินเชื่อ เพื่อให้มีจำนวนเงินไปหักชำระเงินต้นมากขึ้นหรือไปหักยอดหนี้โดยตรง ถือเป็นวิธีที่ช่วยให้ผ่อนบ้านหมดเร็วและลดดอกเบี้ยอย่างเห็นผลได้ชัดเจน โดยสามารถทำได้ทั้งการกระจายเงินเพื่อชำระเงินเกินด้วยจำนวนเงินน้อย ๆ แต่เลือกชำระเกินทุกงวด หรือจะชำระเกินด้วยจำนวนเงินมาก ๆ เพียงก้อนเดียวและโปะบ้านเพิ่มปีละครั้งก็ได้เช่นกัน

ซึ่งการโปะบ้านด้วยการชำระเกินทุกงวดด้วยจำนวนเงินน้อย ๆ เหมาะกับผู้มีรายได้คงที่และรายจ่ายค่อนข้างคงที่ ซึ่งจะดีกว่าการรอนำเงินก้อนใหญ่เพียงก้อนเดียวอย่างเงินโบนัสมาโปะยอดหนี้ ส่วนการผ่อนบ้านแบบโปะเงินจำนวนมากนั้นเหมาะสมกับอาชีพที่รายได้ไม่คงที่และไม่สม่ำเสมอ เช่น พนักงานขาย หรืออาชีพอิสระ ที่จะได้รับค่าจ้างหรือค่าคอมมิชชันเป็นครั้งไป จึงอาจไม่สามารถผ่อนบ้านแบบชำระเกินได้ทุกงวด อย่างไรก็ดี การโปะบ้านทุกครั้งที่มีโอกาสไม่ว่าจะวิธีไหนก็ช่วยให้ผู้กู้สามารถผ่อนชำระหนี้บ้านได้ไวกว่าปกติอย่างแน่นอน

การวางแผนซื้อเรือนหอแม้ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ยากเกินจะทำความเข้าใจ เพียงคู่รักใช้ความรักและความเข้าใจในการวางแผนก็จะสามารถเลือกซื้อเรือนหอในฝันได้อย่างราบรื่น ทั้งนี้ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ได้พัฒนาฟิลเตอร์ช่วยค้นหาที่อยู่อาศัยให้ตรงโจทย์คนหาบ้านทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาด้วยสถานีรถไฟฟ้า BTS/MRT หรือหาโครงการใกล้โรงเรียนสำหรับผู้ที่เน้นความสะดวกในการเดินทาง หรือจะเลือกฟิลเตอร์ค้นหาตามไลฟ์สไตล์ไม่ว่าจะเป็นโครงการที่มาพร้อมส่วนกลางเอาใจคนรักสัตว์, โครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และโครงการหรู นอกจากนี้ ยังได้รวบรวมข้อมูลประกาศซื้อ/ขาย/ให้เช่าโครงการบ้าน/คอนโดฯ ใหม่ในหลากหลายทำเลทั่วประเทศ เพื่อช่วยให้ทุกคนเตรียมความพร้อมก่อนตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยในฝันได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น