สมรสเท่าเทียมเปิดประตูสู่บ้านในฝัน ดันเทรนด์ที่อยู่อาศัยสดใสในเศรษฐกิจสีรุ้ง (Rainbow Economy)

สมรสเท่าเทียมเปิดประตูสู่บ้านในฝัน ดันเทรนด์ที่อยู่อาศัยสดใสในเศรษฐกิจสีรุ้ง (Rainbow Economy)

สมรสเท่าเทียมเปิดประตูสู่บ้านในฝัน ดันเทรนด์ที่อยู่อาศัยสดใสในเศรษฐกิจสีรุ้ง (Rainbow Economy)

ในวันนี้กลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศหรือ LGBTQIAN+ ได้เป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจทั่วโลกที่รู้จักกันในชื่อเศรษฐกิจสีรุ้ง (Rainbow Economy) เนื่องจากกลุ่ม LGBTQIAN+ มีอำนาจการใช้จ่ายสูงและพร้อมที่จะใช้จายเพื่อเพิ่มความสุขส่วนตัวตามไลฟ์สไตล์ที่ชอบอย่างเต็มที่ ในขณะที่ประเทศไทยเปิดกว้างและยอมรับในความหลากหลายทางเพศ เห็นได้จากพลังสังคมที่ร่วมกันผลักดันและขับเคลื่อนให้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567 หรือกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงการสร้างสังคมที่เท่าเทียมในอีกมิติ 

ข้อมูลจากวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) รายงานผลงานวิจัยในหัวข้อ “Love Wins Marketing: ถอดรหัสการตลาดหลัง พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียม” พบว่า กลุ่มผู้บริโภค LGBTQIAN+ ไทยมีจำนวนมากกว่า 5.9 ล้านคน หรือคิดเป็น 9% ของประชากรทั้งประเทศ จึงกลายเป็นขุมพลังทางเศรษฐกิจใหม่ที่ธุรกิจควรจับตามองโดยเฉพาะในตลาดอสังหาริมทรัพย์ 

นอกจากนั้น 54% ของประชากรกลุ่มนี้ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง ในจำนวนนี้พบว่า 79.1% สนใจเลือกซื้อบ้านเดี่ยว และ 20.9% เลือกที่จะย้ายไปอยู่กับคู่รัก โดยมีงบประมาณเฉลี่ย 3-5 ล้านบาท และมีความสนใจที่อยู่อาศัยแตกต่างกันไป สะท้อนให้เห็นว่าความต้องการที่อยู่อาศัยยังคงเป็นปัจจัยที่ทุกเพศทุกวัยให้ความสำคัญมาโดยตลอด

คู่ชีวิต LGBTQIAN+ ควรรู้! ใช้สิทธิจัดการสินสมรสที่เป็นอสังหาฯ ได้อย่างไรบ้าง

นอกจาก พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียมจะช่วยให้คู่ชีวิต LGBTQIAN+ สามารถจดทะเบียนสมรสได้ตามกฎหมายแล้ว ยังมาพร้อมสิทธิต่าง ๆ ที่คู่สมรสพึงมี ไม่ว่าจะเป็นการดูแลชีวิตคู่ การจัดการทรัพย์สิน/หนี้สิน ไปจนถึงการจัดการสินสมรสร่วมกัน ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย ชวนชาว LGBTQIAN+ ทำความเข้าใจการจัดการสินสมรสที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ (ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1474) ว่าเรื่องใดที่ต้องทำร่วมกันบ้าง

ทั้งนี้ กฎหมายเปิดโอกาสให้คู่สมรสสามารถตกลงรูปแบบ วิธีการ เงื่อนไข และข้อจำกัดเกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินของคู่สมรสที่แตกต่างไปจากที่กฎหมายกำหนดได้ตามที่คู่สมรสเห็นสมควร หากไม่ได้ทำสัญญาตกลงกันเรื่องจัดการทรัพย์สินระหว่างคู่สมรสแล้ว เมื่อการสมรสสิ้นสุดลง ทั้งสองฝ่ายต้องจัดการสินสมรสที่มีร่วมกันและแบ่งให้แต่ละฝ่ายเท่า ๆ กันตามกฎหมายข้อมูลจากสำนักงานกิจการยุติธรรม เผยว่า กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1476 กำหนดวิธีจัดการสินสมรสที่คู่สมรสสามารถจัดการสินสมรสร่วมกันได้ไว้ 8 เรื่อง โดยมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสินสมรสที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ควรรู้ ดังนี้

  • การจัดการเกี่ยวกับทรัพย์ ขาย แลกเปลี่ยน ขายฝาก ให้เช่าซื้อ จำนอง ปลดจำนอง หรือโอนสิทธิจำนอง คู่สมรสต้องได้รับการยินยอมร่วมกัน
  • การจัดการทรัพยสิทธิ ได้แก่ ภาระจำยอม สิทธิอาศัย สิทธิเหนือพื้นดิน สิทธิเก็บกิน หรือภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์
  • ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เกิน 3 ปี คู่สมรสต้องไปจัดการร่วมกัน หากฝ่าฝืน คู่สมรสที่ไม่ให้ความยินยอมมีสิทธิฟ้องเพิกถอน แต่หากเป็นการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่เกิน 3 ปี คู่สมรสสามารถจัดการได้โดยลำพังตนเอง ไม่ต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่ง
  • เอาสินสมรสไปเป็นหลักประกัน ยกเว้นในกรณีใช้ตำแหน่งส่วนตัวไม่ต้องยินยอมจากคู่สมรส

ถอดรหัสเทรนด์ที่อยู่อาศัยตอบโจทย์ตรงใจคู่รัก LGBTQIAN+

ปฏิเสธไม่ได้ว่าความต้องการที่อยู่อาศัยเป็นเทรนด์ที่ปราศจากเพศ (Genderless) ที่มีความต้องการพื้นฐานในการหาบ้านคล้ายคลึงกัน ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) อัปเดตเทรนด์การเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตของคู่รัก LGBTQIAN+ ในยุคปัจจุบัน ที่การพิจารณาเลือกซื้อ/เช่าบ้านหรือคอนโดฯ ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับกรอบทางเพศอีกต่อไป แต่ควรให้ความสำคัญกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่แท้จริงของผู้พักอาศัยเป็นสำคัญ 

  • คู่สมรส LGBTQIAN+ กู้ร่วมซื้อบ้านได้ง่ายขึ้น การประกาศใช้ พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียมในปีนี้ช่วยให้คู่สมรส LGBTQIAN+ สามารถยื่นกู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยร่วมกันได้ หลังจากก่อนหน้านี้การกู้ร่วมของคู่รักกลุ่มนี้มีข้อจำกัด เนื่องจากไม่เข้าเงื่อนไขของธนาคารที่กำหนดให้ผู้กู้ร่วมต้องเป็นบุคคลที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน ปัจจุบันมีหลายธนาคารที่จัดแคมเปญให้คู่สมรส LGBTQIAN+ สามารถกู้ซื้อบ้าน/คอนโดฯ ร่วมกันได้ ซึ่งข้อดีของการกู้ร่วมคือช่วยเพิ่มโอกาสให้อนุมัติการกู้ได้ง่ายขึ้น ได้วงเงินมากขึ้นเพื่อซื้อบ้านในฝันตามงบที่ต้องการ และเพิ่มความคล่องตัวทางการเงินของทั้งสองฝ่าย โดยคู่สมรส LGBTQIAN+ ที่กู้ร่วมเพื่อซื้อบ้าน/คอนโดฯ สามารถเลือกใส่ชื่อในกรรมสิทธิ์ได้ทั้งแบบ 1 คน หรือ 2 คน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด
  • คู่ชีวิตวิถี DINKs มองโอกาสออมเงินต่อยอดลงทุน แนวคิด DINKs (Double Income No Kids) เป็นวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่มาแรงในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นคู่รักต่างเพศหรือเพศเดียวกันที่ยังไม่มีลูกหรือวางแผนที่จะไม่มีลูก ซึ่งผู้บริโภคกลุ่มนี้มีรายได้ 2 ทางและไม่มีภาระเลี้ยงดูบุตร ทำให้มีกำลังซื้อสูงในการใช้จ่ายเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเอง รวมทั้งมีเงินออมและเงินลงทุนเหลือมากกว่ากลุ่มอื่น จึงให้ความสำคัญกับการวางแผนทางการเงิน ซึ่งการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากมีความผันผวนน้อยกว่าและให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนประเภทอื่น ๆ รวมทั้งมีหลายรูปแบบให้เลือกทั้งแบบที่สร้างผลตอบแทนระยะสั้นและระยะยาว เช่น การขายใบจองคอนโดฯ, การลงทุนปล่อยเช่าบ้าน/คอนโดฯ รายเดือน หรือการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ
  • เลือกบ้านใกล้หมอ วางแผนสุขภาพระยะยาว ข้อมูลจากแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดที่อยู่อาศัย DDproperty Thailand Consumer Sentiment Study รอบล่าสุดของดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) พบว่า ผู้บริโภคกว่า 1 ใน 5 (22%) มองว่าที่อยู่อาศัยใกล้โรงพยาบาล/สถานพยาบาลถือเป็นปัจจัยภายนอกโครงการที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อ/เช่าที่อยู่อาศัย สะท้อนให้เห็นแนวโน้มที่ผู้บริโภคทุกเพศทุกวัยหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพอย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงหรือการรักษาเมื่อเจ็บป่วย ดังนั้น การได้อยู่อาศัยใกล้สถานพยาบาลจะช่วยเพิ่มความอุ่นใจหากเกิดเหตุไม่คาดคิด และเอื้อต่อการวางแผนดูแลสุขภาพในระยะยาวได้ดียิ่งขึ้น
  • เทรนด์ “Pet Humanization” ฮีลใจด้วยสัตว์เลี้ยง เทรนด์ “Pet Humanization” หรือ “Pet Parent” ที่เจ้าของเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเหมือนลูก ให้ความสำคัญเทียบเท่าสมาชิกในครอบครัวยังคงมาแรง สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนไทยปัจจุบันที่มีแนวโน้มครองตัวเป็นโสดมากขึ้น หรือกลุ่ม DINKS รวมทั้งกลุ่ม LGBTQIAN+ ที่มักจะมีสัตว์เลี้ยงไว้เป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว พร้อมดูแลอย่างดีเหมือนเป็นลูก ส่งผลให้เทรนด์นี้มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ คาดการณ์ว่าตลาดสัตว์เลี้ยงในปี 2569 จะมีมูลค่าสูงถึง 66,748 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยปีละ 8.4% ขณะเดียวกันผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่างปรับตัวเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายนี้ โดยเปิดตัวโครงการคอนโดฯ Pet-Friendly หลากหลายรูปแบบเพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภค เห็นได้จากผลการสำรวจของบริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์โซลูชั่นส์ จำกัด (LWS) พบว่า ณ สิ้นปี 2566 มีจำนวนอาคารชุดประเภทที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล จำนวน 23,031 หน่วย เพิ่มขึ้น 4,600% จาก 490 หน่วย เมื่อเทียบกับปี 2554

อย่างไรก็ดี คู่รัก LGBTQIAN+ ที่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงเหมือนลูกต้องไม่ลืมเช็กความพร้อมของโครงการที่อยู่อาศัยว่าออกแบบมารองรับการใช้ชีวิตของเลี้ยงสัตว์ดีเพียงใด รวมทั้งศึกษากฎระเบียบของโครงการไปจนถึงศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้องในแต่ละพื้นที่ เช่น คนในเมืองหลวงควรทำความเข้าใจข้อบัญญัติใหม่ของกรุงเทพมหานครเกี่ยวกับการควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ พ.ศ. 2567 ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 มกราคม 2569 เพื่อให้การอยู่อาศัยของสมาชิกทุกชีวิตในครอบครัวเป็นไปอย่างราบรื่นและมีความสุข 

แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทยอย่างดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (www.ddproperty.com) ได้รวบรวมข่าวสารและเรื่องราวน่ารู้ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเป็นข้อมูลให้คนหาบ้านทุกเพศทุกวัยได้นำไปใช้วางแผนประกอบการตัดสินใจเลือกที่อยู่อาศัย รวมทั้งเป็นแหล่งรวมประกาศซื้อ-ขาย-เช่าที่อยู่อาศัยในหลากหลายทำเลทั่วประเทศ ช่วยให้ทุกคนเริ่มเตรียมความพร้อมก่อนเป็นเจ้าของบ้านในฝันได้อย่างมั่นใจในทุก ๆ วัน 

พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป เปิดตัวรายงานความยั่งยืนประจำปี 2567 สะท้อนความก้าวหน้าในการลดการปล่อยคาร์บอน ส่งเสริมการประกาศขาย-เช่าที่อยู่อาศัยแบบครอบคลุม และเพิ่มทางเลือกในการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน

พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป เปิดตัวรายงานความยั่งยืนประจำปี 2567 สะท้อนความก้าวหน้าในการลดการปล่อยคาร์บอน ส่งเสริมการประกาศขาย-เช่าที่อยู่อาศัยแบบครอบคลุม และเพิ่มทางเลือกในการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน

พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป เปิดตัวรายงานความยั่งยืนประจำปี 2567 สะท้อนความก้าวหน้าในการลดการปล่อยคาร์บอน ส่งเสริมการประกาศขาย-เช่าที่อยู่อาศัยแบบครอบคลุม และเพิ่มทางเลือกในการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน

  • พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป เดินหน้าลดการปล่อยคาร์บอนอย่างต่อเนื่อง โดยบรรลุเป้าหมายการใช้พลังงานหมุนเวียน 100% สำหรับการดำเนินงานโดยตรง
  • จากผลการสำรวจโดยดีดีพร็อพเพอร์ตี้พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 90% มีความสนใจที่จะซื้อที่อยู่อาศัยที่มีคุณสมบัติด้านความยั่งยืน และกว่า 93% ยินดีจ่ายเพิ่มสำหรับที่อยู่อาศัยเหล่านั้น
  • เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคด้านที่อยู่อาศัยที่ยั่งยืน เราได้มีการเปิดตัวฟีเจอร์ ‘เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม’ หรือ ‘Sustainable Living’ ในการค้นหาที่อยู่อาศัยบนเว็บไซต์ DDproperty.com

บริษัท พร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป จำกัด (จากนี้จะเรียกแทนว่า “กลุ่มบริษัท” หรือ “พร็อพเพอร์ตี้กูรู”) ผู้นำด้านเทคโนโลยีด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (“PropTech”) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ ‘ดีดีพร็อพเพอร์ตี้’ (DDproperty) แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย ได้เผยแพร่รายงานความยั่งยืนประจำปี 2567 ภายใต้กลยุทธ์ ‘Gurus For Good’ ตอกย้ำพันธกิจในการมีส่วนร่วมสร้างเมืองที่ครอบคลุมและสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศท่ามกลางแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในเขตเมือง 

รายงานฉบับนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงการที่พร็อพเพอร์ตี้กูรูใช้ประโยชน์จากข้อมูล, เครื่องมือดิจิทัลและความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ เพื่อผลักดันให้ความยั่งยืนเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะเมื่อมีการคาดการณ์ว่าเกือบ 63% ของประชากรทั้งหมดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะอาศัยอยู่ในเขตเมืองภายในปี 2593

ด้วยจำนวนผู้ค้นหาอสังหาริมทรัพย์มากกว่า 32 ล้านรายต่อเดือน และตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ที่ใช้งานอยู่กว่า 50,000 รายในสิงคโปร์, มาเลเซีย, เวียดนาม และไทย กลุ่มบริษัทได้นำเสนอโซลูชันนวัตกรรมและข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล เพื่อตอบโจทย์ความท้าทายเร่งด่วนของตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยตรง ซึ่งไฮไลต์ของรายงานความยั่งยืนประจำปี 2567 คือการเปิดตัวฟีเจอร์ ‘Everyone Welcome’ สำหรับอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าในประเทศสิงคโปร์ เพื่อส่งเสริมทางเลือกในการอยู่อาศัยแบบครอบคลุมและรองรับความต้องการของคนทุกกลุ่ม (Inclusive Living) รวมถึงการเลือกใช้เครื่องมือที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง อาทิ ‘Green Score’ สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยบนแพลตฟอร์ม PropertyGuru Singapore, การเปิดตัวฟีเจอร์ ‘เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม’ หรือ ‘Sustainable Living’ ในแพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลสของไทย DDproperty.com และฟีเจอร์ ‘Everyone Welcome’ ในแพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลสของมาเลเซีย PropertyGuru Malaysia

“ความต้องการที่อยู่อาศัยที่ยั่งยืนและรองรับคนทุกกลุ่มกำลังเพิ่มสูงขึ้น และที่พร็อพเพอร์ตี้กูรู เรากำลังตอบสนองด้วยโซลูชันที่นำไปปฏิบัติได้จริง” Cécile Corda หัวหน้าฝ่ายความยั่งยืนของพร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป กล่าว

“เราได้มีการจัดเตรียมเครื่องมือให้กับผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัย เพื่อให้สามารถตัดสินใจเลือกวิถีชีวิตที่ยั่งยืนได้อย่างมีข้อมูล เรากำลังช่วยเพิ่มการรับรู้ ส่งเสริมพฤติกรรมเชิงบวก และสนับสนุนการสร้างเมืองที่มีความยืดหยุ่น ซึ่งท้ายที่สุดจะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายในตลาดที่อยู่อาศัย”

ในรายงานฉบับนี้ยังเน้นย้ำถึงความก้าวหน้าในการเดินหน้ายกระดับการลดการปล่อยคาร์บอนของกลุ่มบริษัทฯ และความมุ่งมั่นในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

จากเป้าหมายสู่การปฏิบัติด้านความยั่งยืน

ด้วยความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ในการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นหัวใจหลักขององค์กรในการพยายามผลักดันความยั่งยืน หลังจากที่ได้จัดทำข้อมูลฐานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) แล้ว กลุ่มบริษัทฯ ได้มุ่งเน้นไปที่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ประเภทที่ 2 ซึ่งพร็อพเพอร์ตี้กูรูสามารถบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net-zero) สำหรับการดำเนินการโดยตรงของบริษัทผ่านการจัดซื้อพลังงานหมุนเวียน

นอกจากนี้ยังได้ปรับเปลี่ยนมาใช้โซลูชันคลาวด์ที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงานมากยิ่งขึ้น โดยตระหนักว่าระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลของบริษัทมีส่วนสำคัญต่อการใช้พลังงาน การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ช่วยลดรอยเท้าคาร์บอน (Carbon footprint) ของแพลตฟอร์มต่าง ๆ และสนับสนุนความก้าวหน้าในการลดการปล่อยคาร์บอนขององค์กรอย่างต่อเนื่อง

มอบเครื่องมือให้ผู้ค้นหาที่อยู่อาศัยเพื่อการตัดสินใจที่ยั่งยืน

จากผลสำรวจความพึงพอใจของผู้บริโภคในปี 2567 โดยดีดีพร็อพเพอร์ตี้ พบว่า ความต้องการใช้ชีวิตอย่างใส่ใจสิ่งแวดล้อมเพิ่มสูงขึ้นในประเทศไทย 90% ของผู้บริโภคชาวไทยแสดงความสนใจในการซื้อที่อยู่อาศัยที่มีคุณสมบัติด้านความยั่งยืน และ 93% ยินดีจ่ายเพิ่มขึ้นเพื่อคุณสมบัติดังกล่าว

ในฐานะผู้นำในการผนวกความยั่งยืนเข้าสู่กระบวนการค้นหาอสังหาริมทรัพย์ และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาทางเลือกการอยู่อาศัยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กลุ่มบริษัทฯ ได้เปิดตัวฟีเจอร์ ‘เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม’ หรือ ‘Sustainable Living’ บนเว็บไซต์ DDproperty.com ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา เพื่อให้ความสำคัญกับที่อยู่อาศัยที่มีคุณสมบัติรักษ์โลก เช่น การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ และจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยฟีเจอร์นี้รองรับทั้งอสังหาริมทรัพย์แบบซื้อและแบบเช่า สามารถเข้าใช้งานได้ไม่ยาก เพียงเข้าไปที่หน้าประกาศซื้อหรือประกาศเช่า ใต้ช่องการค้นหาด้านบนจะมีตัวเลือกคุณสมบัติที่ต้องการ และฟีเจอร์ ‘เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม’ หรือ ‘Sustainable Living’ เป็นหนึ่งในตัวเลือกดังกล่าว 

และพร็อพเพอร์ตี้กูรูได้มีการเปิดตัวฟีเจอร์ Green Score ในปี 2564 เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานชาวสิงคโปร์สามารถระบุที่อยู่อาศัยที่มีคุณสมบัติด้านความยั่งยืนได้ง่ายขึ้น จากผลสำรวจความพึงพอใจของผู้บริโภคในสิงคโปร์ปี 2567 พบว่า 63% ของผู้มองหาที่อยู่อาศัยไว้วางใจ Green Score ในฐานะตัวชี้วัดของทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลและใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

นอกจากโซลูชันเหล่านี้แล้วพร็อพเพอร์ตี้กูรูยังได้นำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-driven insights) รวมถึงการวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศและข้อมูลประวัติภัยพิบัติ เพื่อช่วยให้ผู้ที่อาจจะมีผลกระทบในวงการอสังหาริมทรัพย์รับมือกับความเสี่ยงจากสภาพภูมิอากาศและเตรียมพร้อมอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาเมืองที่มีความยืดหยุ่นและยั่งยืน

“การเปิดตัวฟีเจอร์ ‘เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม’ หรือ ‘Sustainable Living’ ของเรา คือการพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นในการช่วยสร้างอนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับประเทศไทย” นายวิทยา อภิรักษ์วิริยะ ผู้จัดการทั่วไป Think of Living และ ตลาดมาร์เก็ตเพลสประเทศไทย (ฝั่งดีเวลลอปเปอร์) ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ กล่าว “เรากำลังมอบข้อมูลเชิงลึกที่ผู้ค้นหาที่อยู่อาศัยต้องการ โดยเน้นคุณสมบัติด้านความยั่งยืน เช่น แผงโซลาร์เซลล์และจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อช่วยให้ผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัย มีข้อมูลในการตัดสินใจเลือกที่อยู่อาศัยที่มีความยั่งยืนได้อย่างแท้จริง นี่คือการสร้างตลาดที่การใช้ชีวิตอย่างใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องปกติ และทุกการตัดสินใจด้านอสังหาริมทรัพย์มีส่วนช่วยให้ประเทศไทยมีความยืดหยุ่นและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น”

ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชนและที่อยู่อาศัยที่ครอบคลุม

ในปี 2567 ทีม Gurus For Good ประจำประเทศไทยได้บริจาคเงินจำนวน 2,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ ให้กับมูลนิธิ Fight 4 the Future เพื่อช่วยซ่อมแซมพื้นที่ออกกำลังกายในโรงฝึกศิลปะการต่อสู้สำหรับเด็ก ๆ นอกจากนี้ กลุ่มอาสาสมัครกูรูชาวไทยยังได้ใช้เวลาร่วมฝึกซ้อมกับเด็ก ๆ พร้อมทั้งแจกเสื้อยืด กล่องข้าว และคัพเค้กธีมเทศกาลฮาโลวีน อีกทั้งยังมอบของเล่น เสื้อผ้า และกระเป๋าให้กับเด็ก ๆ อีกด้วย

ไม่ว่าจะเป็นใคร ทุกคนควรมีที่อยู่อาศัยที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นบ้าน แต่ความไม่เท่าเทียมยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับผู้มองหาที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะอสังหาฯ สำหรับเช่า โดยหนึ่งในสี่ของผู้คนในสิงคโปร์เคยประสบกับการถูกเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติระหว่างการค้นหาที่อยู่อาศัย แม้ว่าสังคมที่หลากหลายทางวัฒนธรรมจะได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง แต่ทัศนคติที่ไม่รู้ตัวและอคติยังคงส่งผลต่อโอกาสในการเช่าที่อยู่อาศัย

พร็อพเพอร์ตี้กูรูได้เปิดตัวฟีเจอร์ ‘Everyone Welcome’ บนแพลตฟอร์มในสิงคโปร์เมื่อเดือนธันวาคม 2567 โดยเป็นป้ายกำกับสำหรับประกาศเช่าที่เจ้าของบ้านเปิดรับผู้เช่าทุกเชื้อชาติ, เพศ, ศาสนา และรสนิยมทางเพศ 

โครงการริเริ่มนี้มีเป้าหมายเพื่อมอบประสบการณ์ในการหาที่อยู่อาศัยที่ปราศจากการเลือกปฏิบัติ พร้อมทั้งส่งเสริมให้ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์และเจ้าของบ้านยอมรับในความหลากหลายและแนวทางที่ครอบคลุม ปัจจุบันหนึ่งในสี่ของประกาศเช่าทั้งหมดบนพร็อพเพอร์ตี้กูรู สิงคโปร์ มีการติดป้ายกำกับ ‘Everyone Welcome’ ช่วยให้ผู้มองหาบ้านสามารถค้นหาที่อยู่อาศัยที่เป็นมิตรต่อความหลากหลายได้ง่ายยิ่งขึ้น ฟีเจอร์ ‘Everyone Welcome’ นี้ยังได้เปิดตัวในแพลตฟอร์มพร็อพเพอร์ตี้กูรู มาเลเซียในเดือนเมษายน 2568 อีกด้วย

นี่เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของกลุ่มบริษัทฯ ในการสร้างตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นธรรม โดยนอกเหนือจากการเปิดตัวฟีเจอร์ดังกล่าว กลุ่มบริษัทฯ ยังได้กำหนดแนวทางการลงประกาศอย่างครอบคลุม ใช้เครื่องมือตรวจสอบภาษาที่อาจสื่อถึงการเลือกปฏิบัติในระบบ และเปิดช่องทางให้ผู้ใช้งานสามารถรายงานพฤติกรรมที่เข้าข่ายการเลือกปฏิบัติได้โดยตรง

จากความพยายามร่วมกันในหลายด้าน พร็อพเพอร์ตี้กูรูมุ่งมั่นที่จะลดอุปสรรคและสร้างเส้นทางการเข้าถึงที่อยู่อาศัยที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งทุกคนสามารถค้นหาบ้านที่ตอบโจทย์และรู้สึกว่าได้รับการต้อนรับอย่างเท่าเทียม

แหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง – 

ส่องโอกาสทองคนซื้อบ้านปี 68 วางแผนเลือกบ้านใหม่อย่างไรให้คุ้มค่า

ส่องโอกาสทองคนซื้อบ้านปี 68 วางแผนเลือกบ้านใหม่อย่างไรให้คุ้มค่า

ส่องโอกาสทองคนซื้อบ้านปี 68 วางแผนเลือกบ้านใหม่อย่างไรให้คุ้มค่า

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2568 ถือเป็นปีแห่งการปรับตัวทั้งในฝั่งผู้บริโภคและผู้ประกอบการ แม้จะมีความท้าทายแต่ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างน่าสนใจ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย เผยข้อมูลเชิงลึกจากผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.DDproperty.com ในเดือนเมษายน 2568 สะท้อนเทรนด์ความต้องการซื้อและเช่าที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคชาวไทย พบว่า จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ในเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 7% จากเดือนก่อนหน้า (MoM) และเพิ่มขึ้นถึง 25% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) แม้ว่าจะเพิ่งผ่านเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศเมียนมาและเกิดแรงสั่นสะเทือนที่รับรู้ได้ในไทยเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 

อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ พบว่าความต้องการซื้อคอนโดมิเนียมลดลง 14% MoM เนื่องจากผู้บริโภคกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของอาคารสูงเมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหว ส่งผลให้ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบได้รับอานิสงส์ โดยความต้องการซื้อบ้านเดี่ยวในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้น 8% MoM และทาวน์โฮมเพิ่มขึ้น 6% MoM 

ทั้งนี้ ความต้องการซื้อส่วนใหญ่อยู่ที่ระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท มีสัดส่วนถึง 46% แต่ระดับราคาที่มีความต้องการซื้อเพิ่มขึ้นมากที่สุด ได้แก่ ระดับราคามากกว่า 10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% MoM

ขณะที่ความต้องการเช่าที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 23% MoM โดยเพิ่มขึ้นทุกรูปแบบที่อยู่อาศัย ทาวน์โฮมเพิ่มขึ้นมากที่สุด 31% MoM ตามมาด้วยคอนโดฯ เพิ่มขึ้น 23% MoM และบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้น 11% MoM 

ส่วนระดับค่าเช่าส่วนใหญ่อยู่ที่ 10,000-20,000 บาท/เดือน มีสัดส่วน 36% โดยระดับค่าเช่าที่มีความต้องการเช่าเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือ มากกว่า 30,000 บาท/เดือน เพิ่มขึ้น 28% MoM สะท้อนให้เห็นว่าความต้องการซื้อ/เช่าที่อยู่อาศัยยังคงเติบโต เป็นโอกาสของผู้ประกอบการที่จะทำโปรโมชั่นดึงดูดทั้งกลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่เองและนักลงทุน

ส่องปัจจัยบวกสร้างโอกาสทองให้ผู้ซื้อบ้านปี 68 

ตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2568 กำลังฉายแสงแห่งโอกาสให้กับคนหาบ้านอีกครั้ง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการอสังหาฯ ของภาครัฐ ประกอบกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นโอกาสทองของผู้ที่มีความพร้อมทางการเงินในการซื้อที่อยู่อาศัย โดยมี 3 ปัจจัยบวกที่น่าสนใจ ดังนี้

  1. มาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ แรงขับเคลื่อนสำคัญของตลาด ภาคอสังหาฯ ยังคงเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ผ่านมาตรการที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อให้คนหาบ้านเป็นเจ้าของที่อาศัยได้ง่ายขึ้น ดังนี้
  • มาตรการลดค่าจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์เหลือ 01% (จากปกติ 2%) และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาฯ อันเนื่องมาจากการจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวในคราวเดียวกัน เหลือ 0.01% (จากปกติ 1%) สำหรับราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 7 ล้านบาท มีผลใช้บังคับไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2569 
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่อนคลายเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan-to-Value: LTV) เป็นการชั่วคราว โดยกำหนดให้เพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกันเป็น 100% สำหรับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ทั้งกรณี (1) มูลค่าหลักประกันต่ำกว่า 10 ล้านบาท ตั้งแต่สัญญากู้หลังที่ 2 เป็นต้นไป และ (2) มูลค่าหลักประกันตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ตั้งแต่สัญญากู้หลังที่ 1 เป็นต้นไป สำหรับสัญญาเงินกู้ที่ทำสัญญาตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2569
  • สินเชื่อที่อยู่อาศัยดอกเบี้ยต่ำจากสถาบันการเงินของรัฐ ประกอบด้วย ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.), ธนาคารออมสิน และการเคหะแห่งชาติ ที่ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้านที่มีอัตราดอกเบี้ยพิเศษ หรือมีเงื่อนไขผ่อนปรนอื่น ๆ เช่น ระยะเวลาผ่อนชำระที่ยาวนานขึ้น วงเงินกู้ที่สูงขึ้น หรือการผ่อนปรนหลักเกณฑ์ในการพิจารณาสินเชื่อ ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคได้เป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยในราคาที่เอื้อมถึง
  • โครงการบ้านเพื่อคนไทย เน้นการพัฒนาที่อยู่อาศัยราคาประหยัด (Affordable Housing) ในพื้นที่ศักยภาพที่ใกล้ระบบขนส่งมวลชน ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถเช่าซื้อได้ในระยะเวลา 99 ปี โดยมีอัตราผ่อนเริ่มต้นประมาณ 4,000 บาท/เดือน ระยะเวลาผ่อนชำระ 30-50 ปี และยังมีการสนับสนุนสินเชื่อจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ 5%
  1. อัตราดอกเบี้ยลดลงต่อเนื่อง แบ่งเบาภาระคนผ่อนบ้าน คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องจนมาอยู่ที่ 75% ต่อปี (ประกาศ ณ วันที่ 30 เมษายน 2568) ถือเป็นสัญญาณบวกสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อบ้าน เนื่องจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มปรับตัวลดลงตามไปด้วย และช่วยลดภาระการผ่อนชำระหนี้ในแต่ละงวด ทำให้ผู้ซื้อมีสภาพคล่องทางการเงินมากขึ้นและสามารถนำเงินส่วนต่างไปใช้จ่ายอื่น ๆ ได้
  2. ผู้พัฒนาอสังหาฯ จัดเต็มโปรโมชั่นสุดคุ้ม บริษัทผู้พัฒนาอสังหาฯ ต่างแข่งขันนำเสนอโปรโมชั่นที่หลากหลายเพื่อกระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการมอบส่วนลดพิเศษ ฟรีค่าส่วนกลาง ของแถมต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งโปรโมชั่นช่วยผ่อนดาวน์ และการเช่าออมบ้านเพื่อให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ นอกจากนี้ผู้พัฒนาอสังหาฯ ยังได้จับมือกับธนาคารเพื่อนำเสนอโปรโมชั่นสินเชื่อที่มาพร้อมอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยได้ในราคาที่คุ้มค่า และช่วยลดค่าใช้จ่ายบางส่วนอีกด้วย

ยกระดับความพร้อมกับ 5 ขั้นตอนวางแผนซื้อบ้านใหม่อย่างคุ้มค่า

ท่ามกลางปัจจัยบวกที่เอื้อต่อการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย อย่างไรก็ดี ผู้บริโภคต้องไม่ลืมว่าหัวใจสำคัญของการซื้อที่อยู่อาศัยนั้นยังคงอยู่ที่การวางแผนและเตรียมความพร้อมอย่างรอบด้าน ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) ขอแนะนำ 5 ขั้นตอนยกระดับความพร้อมเพื่อวางแผนซื้อบ้านใหม่ ช่วยให้คนหาบ้านเริ่มต้นก้าวแรกในการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยได้อย่างมั่นใจและคุ้มค่าในช่วงโอกาสทอง

  1. เลือกที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมกับรายได้ การวางแผนซื้อบ้านอย่างเป็นระบบถือเป็นก้าวสำคัญในเส้นทางอสังหาฯ ผู้บริโภคควรเลือกบ้าน/คอนโดฯ ในฝันที่เหมาะสมกับสถานภาพทางการเงินเป็นหลัก โดยนำรายรับหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วในแต่ละเดือนมาคำนวณวงเงินกู้สูงสุดที่คาดว่าจะได้รับ เพื่อหางบประมาณที่เหมาะสมในการซื้อที่อยู่อาศัย จากนั้นจึงพิจารณาความต้องการและไลฟ์สไตล์ของสมาชิกในครอบครัวเพื่อเลือกประเภทที่อยู่อาศัยและทำเลที่ตอบโจทย์
  2. เรียนรู้การสร้างรากฐานทางการเงินที่มั่นคง การบริหารจัดการแผนการเงินอย่างเป็นระบบจะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเตรียมความพร้อมเพื่อซื้อบ้าน/คอนโดฯ ได้มีประสิทธิภาพ เนื่องจากอสังหาฯ ถือเป็นทรัพย์สินที่มีราคาสูงและผ่อนชำระยาวนาน จึงจำเป็นต้องมีแผนการเงินที่รอบคอบเพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาทางการเงินในอนาคต โดยผู้บริโภคควรเก็บออมเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการซื้อบ้านทั้งในส่วนเงินดาวน์และค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมต่าง ๆ ทั้งนี้ ผู้กู้ควรมีรายจ่ายไม่เกิน 40% ของรายได้ รวมไปถึงมีการออมเงินเพื่อเป็นกองทุนสำรองในกรณีฉุกเฉิน โดยควรตั้งเป้าหมายในการออมเงินสำรองให้เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่าย 3-6 เดือน ก่อนที่จะซื้อที่อยู่อาศัย
  3. เครดิตการเงินดี มีชัยไปกว่าครึ่ง ประวัติการเงินที่ดีถือเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ได้รับการอนุมัติสินเชื่อง่ายขึ้น เนื่องจากเป็นตัวบ่งชี้ถึงความน่าเชื่อถือและความสามารถในการชำระหนี้ โดยผู้บริโภคควรเริ่มสร้างประวัติทางการเงินที่ดีโดยชำระหนี้ต่าง ๆ ให้ตรงเวลา และพยายามลดภาระหนี้ที่ไม่จำเป็นให้ได้มากที่สุด เพื่อเพิ่มความสามารถในการผ่อนชำระหนี้และลดความเสี่ยงในการถูกปฏิเสธสินเชื่อ โดยธนาคารส่วนใหญ่จะพิจารณาความสามารถในการจ่ายชำระหนี้คืนได้ตามระยะเวลาที่กำหนด ประกอบกับอัตราส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ (Debt Service Ratio: DSR) รวมถึงความมั่นคงของรายได้ที่ผู้กู้จะนำมาชำระหนี้ในอนาคต เพื่อประเมินความเสี่ยงทางการเงินก่อนพิจารณาอนุมัติสินเชื่อตามหลักเกณฑ์ของธนาคารต่อไป
  4. เช็กให้ชัวร์ก่อนยื่นกู้ด้วย “Pre-approve” การทำ “Pre-approve สินเชื่อบ้าน” หรือการยื่นประเมินสินเชื่อที่อยู่อาศัยในเบื้องต้นกับธนาคาร เป็นการขอตรวจสอบสถานภาพทางการเงินและความสามารถในการชำระหนี้ ซึ่งจะพิจารณาจากราคาขายที่อยู่อาศัยที่ผู้ขอสินเชื่อแจ้งไว้ ประกอบกับรายได้-รายจ่าย รวมทั้งเครดิตหรือความน่าเชื่อถือในการชำระหนี้ หากทำ Pre-approve ผ่าน หมายความว่าผู้บริโภคมีโอกาสที่จะขอสินเชื่อผ่านสูง แต่ถ้าผลไม่ผ่านก็ยังไม่ควรที่จะซื้อในเวลานี้ นอกจากนี้ ข้อดีของการทำ Pre-approve คือทำให้ผู้บริโภคทราบว่ามีความสามารถเพียงพอที่จะขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยในวงเงินประมาณนี้หรือไม่ ช่วยให้สามารถตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้นในการวางแผนขอวงเงินสินเชื่อและการเลือกธนาคาร หรือหาก Pre-approve ไม่ผ่าน ก็ช่วยให้ทราบว่าต้องปรับปรุงส่วนใดเพื่อเพิ่มความสามารถในการชำระหนี้ และนำไปแก้ไขก่อนยื่นกู้จริงในอนาคต
  5. เปรียบเทียบโปรโมชั่นเด็ด คว้าดีลที่ดีที่สุด ในสภาวะที่ตลาดมีการแข่งขันสูง บริษัทผู้พัฒนาอสังหาฯ ต่างแข่งขันนำเสนอโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้าและกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ ดังนั้น ผู้บริโภคจึงควรติดตามโปรโมชั่นของโครงการต่าง ๆ ตั้งแต่เริ่มวางแผนซื้อเพื่อไม่ให้พลาดข้อเสนอที่ดีที่สุด โดยเฉพาะโครงการที่ร่วมมือกับธนาคารต่าง ๆ ให้ดอกเบี้ยอัตราพิเศษซึ่งจะมีระยะเวลาโปรโมชั่นเพียงชั่วคราว จากนั้นจึงนำมาเปรียบเทียบว่าโปรโมชั่นจากโครงการใดที่คุ้มค่าและตอบโจทย์ได้ครอบคลุมมากที่สุดทั้งด้านการเงิน ทำเล และไลฟ์สไตล์ ทั้งนี้ ผู้บริโภคควรทำความเข้าใจเงื่อนไขและรายละเอียดของโปรโมชั่นต่าง ๆ อย่างละเอียด หากมีข้อสงสัยควรสอบถามพนักงานก่อนตัดสินใจ เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดในภายหลัง

ปัจจัยบวกในตลาดอสังหาฯ ปี 2568 ยังคงดึงดูดให้ผู้บริโภคที่มีความพร้อมทางการเงินมองเห็นโอกาสทองในการซื้อบ้าน/คอนโดฯ ทั้งเพื่ออยู่อาศัยเองและเพื่อลงทุน แน่นอนว่าการเตรียมความพร้อมอย่างรอบด้านทั้งการวางแผนทางการเงิน การสร้างเครดิตที่ดี การศึกษาข้อมูลโครงการ และการพิจารณาโปรโมชั่นอย่างรอบคอบ ล้วนเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยต่อเติมให้การมีบ้านในฝันของทุกคนเป็นจริงได้ในเร็ววัน ทั้งนี้ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (https://www.ddproperty.com) ได้รวบรวมข้อมูลโปรโมชั่นที่น่าสนใจจากผู้พัฒนาอสังหาฯ ชั้นนำของไทย มาพร้อมข้อมูลประกาศซื้อ/ขาย/เช่าในหลากหลายทำเลทั่วประเทศ รวมทั้งอัปเดตข่าวสารความรู้ที่เป็นประโยชน์ในการซื้อ/ขาย/เช่า เพื่อให้ทุกคนเตรียมความพร้อมก่อนเลือกที่อยู่อาศัยในฝันได้อย่างมั่นใจและราบรื่นยิ่งขึ้น

เคล็ด (ไม่) ลับวางแผนเลือกซื้อบ้านใหม่เป็นเรือนหออย่างไรให้รักมั่นคง

เคล็ด (ไม่) ลับวางแผนเลือกซื้อบ้านใหม่เป็นเรือนหออย่างไรให้รักมั่นคง

เคล็ด (ไม่) ลับวางแผนเลือกซื้อบ้านใหม่เป็นเรือนหออย่างไรให้รักมั่นคง

เมื่อความรักสุกงอมแล้วการวางแผนซื้อเรือนหอร่วมกันถือเป็นก้าวสำคัญของชีวิตคู่ เนื่องจากการมีบ้านเป็นของตัวเองนอกจากจะสร้างความมั่นคงแล้วยังเป็นสัญลักษณ์การเริ่มต้นสร้างครอบครัวอีกด้วย สอดคล้องกับข้อมูลจากแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดที่อยู่อาศัย DDproperty Thailand Consumer Sentiment Study รอบล่าสุดของดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย พบว่าผู้บริโภคเกือบ 1 ใน 3 (31%) ตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับพ่อแม่และบุตรหลานเมื่อขยายครอบครัว รวมถึงการวางแผนระยะยาวสำหรับผู้ที่มีแผนแต่งงานสร้างครอบครัว

ส่อง 4 ปัจจัยสำคัญที่คู่รักควรพิจารณาเมื่อซื้อเรือนหอ

การซื้อบ้านใหม่เป็นเรือนหอถือเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญที่คู่รักต้องพิจารณาร่วมกันหลายด้าน เนื่องจากเป็นการสร้างภาระผูกพันทางการเงินระยะยาวร่วมกัน ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) ชวนคู่รักมาสำรวจปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อบ้านใหม่เป็นเรือนหอ เพื่อให้สามารถเลือกที่อยู่อาศัยได้ตอบโจทย์ความต้องการของทั้งสองฝ่ายมากที่สุด ดังนี้

  1. ตั้งงบประมาณให้เหมาะสมกับรายได้ สิ่งแรกที่คู่รักต้องทำคือการตั้งงบประมาณเรือนหอในฝันให้ชัดเจน โดยพิจารณาจากรายได้และค่าใช้จ่ายของทั้งสองคนรวมกัน เพื่อนำมาคำนวณความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ต่อเดือนหากต้องยื่นกู้สินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยจากธนาคาร ขณะเดียวกันควรสร้างประวัติทางการเงินให้ดี หลีกเลี่ยงการมีประวัติค้างชำระซึ่งจะส่งผลต่อการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อได้ นอกจากนี้ยังต้องมีเงินเก็บเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ ค่าตกแต่งบ้าน เป็นต้น ทั้งนี้ การกำหนดงบประมาณซื้อที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมกับความสามารถทางการเงินจะช่วยให้คู่รักเลือกบ้านได้ตรงตามกำลังทรัพย์ และไม่สร้างภาระทางการเงินในอนาคต
  1. เลือกทำเลให้ตอบโจทย์ ครอบคลุมไลฟ์สไตล์ คู่รักทั้งสองฝ่ายควรเลือกทำเลเรือนหอให้สามารถเดินทางสะดวกทั้งในการไปทำงานหรือใช้ชีวิตตามไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบ เช่น ใกล้สวนสาธารณะ ใกล้แหล่งช็อปปิ้ง หากวางแผนมีบุตรในอนาคตก็ควรเลือกที่อยู่อาศัยที่ไม่ไกลจากสถานศึกษา หรือหากมีสัตว์เลี้ยงก็ควรพิจารณาโครงการบ้าน/คอนโดมิเนียมที่เลี้ยงสัตว์ได้ (Pet-Friendly) มีสิทธิประโยชน์หรือมีส่วนกลางที่อำนวยความสะดวกสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ

ล่าสุดดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) ได้ออกฟิลเตอร์ใหม่เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของคนหาบ้าน ให้สามารถเลือกค้นหาบ้าน/คอนโดฯ หลังใหม่ที่ใช่ได้ง่ายขึ้น ประกอบด้วยฟิลเตอร์ค้นหาโครงการที่มีส่วนกลางเอาใจคนรักสัตว์, โครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม, โครงการใกล้โรงเรียน และโครงการหรู นอกจากนี้ คู่รักควรเลือกทำเลที่มีระบบสาธารณูปโภคครบครัน อยู่ใกล้โรงพยาบาลหรือคลินิกเพื่อความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตและดูแลสุขภาพในอนาคต 

  1. พิจารณารูปแบบที่อยู่อาศัยให้เหมาะสม คู่รักควรตัดสินใจร่วมกันว่าจะเลือกซื้อที่อยู่อาศัยรูปแบบไหนเป็นเรือนหอ โดยพิจารณาจากจำนวนสมาชิกในครอบครัว เช่น หากวางแผนมีลูกในอนาคตบ้านเดี่ยวอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า ส่วนคู่รักที่ต้องการความคล่องตัวและไม่ต้องการพื้นที่มากนักควรเลือกคอนโดฯ แทน ทั้งนี้ หากคู่รักต้องทำงานที่บ้านหรือต้องการพื้นที่ทำธุรกิจเล็กน้อยอาจจะเลือกบ้านเดี่ยวหรือทาวน์เฮ้าส์ที่ตอบโจทย์มากกว่า อย่างไรก็ดี ปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือการไปดูโครงการจริงเพื่อพิจารณาสภาพแวดล้อมโดยรอบก่อนตัดสินใจซื้อ เช่น ความปลอดภัยในพื้นที่ ความเงียบสงบ และสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อให้การอยู่อาศัยเป็นไปอย่างราบรื่น
  1. วางแผนสร้างครอบครัวในอนาคตอย่างรอบคอบ การซื้อเรือนหอเป็นทรัพย์สินที่มีราคาสูง คู่รักจึงควรวางแผนอนาคตร่วมกันให้รอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อ ทั้งด้านการวางแผนครอบครัวว่าจะมีบุตรในอนาคต, จะอาศัยอยู่กันสองคน หรือจะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงแทนลูก (Pet Humanization) ซึ่งจะส่งผลต่อการเลือกขนาดและรูปแบบที่อยู่อาศัย รวมทั้งพิจารณาถึงความมั่นคงในอาชีพของทั้งสองฝ่าย โดยต้องไม่ลืมประเมินความเสี่ยงว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงทางอาชีพเกิดขึ้น จะยังคงมีเงินเก็บเพียงพอในการผ่อนชำระต่อได้มากน้อยเพียงใด ดังนั้น คู่รักจึงควรปรึกษาและพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อเรือนหอที่ใช่ในเวลาที่พร้อม

กฎหมายควรรู้ การซื้อเรือนหอถือเป็นสินสมรสหรือไม่?

ตามกฎหมายแล้วคู่สมรสจะมีสิทธิในการบริหารจัดการสินสมรสร่วมกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1474 บัญญัติไว้ว่า สินสมรส ได้แก่ ทรัพย์สินที่คู่สมรสได้มาระหว่างสมรส เช่น เงินเดือน โบนัส หรือทรัพย์สินที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาระหว่างสมรสโดยพินัยกรรมหรือการให้เป็นหนังสือโดยระบุว่าเป็นสินสมรส รวมทั้งทรัพย์สินที่เป็นดอกผลของสินส่วนตัว สำหรับสิทธิในการครอบครองอสังหาฯ หรือเรือนหอนั้น

  • หากคู่รักจดทะเบียนสมรสกันก่อนซื้อบ้าน/คอนโดฯ เพื่อเป็นเรือนหอจะถือเป็นสินสมรส ซึ่งทั้งสองคนมีกรรมสิทธิ์ร่วมกัน หากขายบ้านที่มีกรรมสิทธิ์ร่วมกันนี้ รายได้จากการขายจะต้องแบ่งครึ่งหรือแบ่งตามสัดส่วนกรรมสิทธิ์ ส่วนกรณีที่มีการหย่าร้างในภายหลัง สินสมรสจะต้องนำมาแบ่งกันระหว่างสามีภรรยา 
  • ในกรณีที่ผู้บริโภคซื้อบ้าน/คอนโดฯ ตั้งแต่ตอนยังโสดจะถือว่าที่อยู่อาศัยนั้นเป็นสินส่วนตัว หากผู้บริโภคมีการจดทะเบียนสมรสในภายหลังและต้องการเพิ่มชื่อคู่สมรสเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกัน จะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น หรือหากต้องการเพิ่มชื่อคู่สมรสในกรณีที่เปลี่ยนจากการกู้เดี่ยวมาเป็นการกู้ร่วมเพื่อช่วยกันผ่อนชำระบ้านนั้น ธนาคารจะนำรายได้และภาระหนี้ของคู่สมรสที่กู้ร่วมมาพิจารณาอีกครั้ง  

ด้านกรรมสิทธิ์ในการครอบครองที่อยู่อาศัย เมื่อผู้กู้ผ่อนชำระสินเชื่อบ้านครบแล้วกรรมสิทธิ์จะเป็นของผู้กู้โดยตรง ในกรณีการกู้ร่วมของคู่รัก ผู้กู้ร่วมจะต้องตกลงกันว่าจะให้ใครถือกรรมสิทธิ์ หรือจะถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน หรือจะระบุไปในสัญญาว่าจะมอบกรรมสิทธิ์ให้ผู้ใด อย่างไรก็ดี หากผู้กู้เสียชีวิตโดยไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ คู่สมรสที่ยังมีชีวิตจะถือเป็นทายาทโดยธรรมมีสิทธิรับมรดกของคู่สมรสที่เสียชีวิตได้ตามกฎหมาย ซึ่งรวมทั้งอสังหาริมทรัพย์ 

เปิดสูตรผ่อนบ้านฉบับคู่รัก วางแผนอย่างไรให้ผ่อนหมดไวไปด้วยกัน

การซื้อเรือนหอถือเป็นก้าวแรกในการเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่ เมื่อคู่รักคิดจะสร้างครอบครัวร่วมกันแล้วจึงไม่ควรละเลยการวางแผนทางการเงินเพื่อผ่อนบ้านในอนาคต ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) ขอแนะนำเคล็ด (ไม่) ลับช่วยให้คู่รักวางแผนผ่อนบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดภาระดอกเบี้ยให้หมดไว สานฝันให้คู่รักมีเรือนหอในฝันได้อย่างมั่นใจ 

  • ตกลงหน้าที่ผ่อนบ้านให้ชัดเจน คู่รักทั้งสองฝ่ายควรปรึกษาและตกลงกันให้ชัดเจนเกี่ยวกับหน้าที่ความรับผิดชอบในการผ่อนชำระสินเชื่อบ้าน เช่น ใครจะเป็นผู้ยื่นกู้ซื้อบ้านหรือจะกู้ร่วมกัน ใครจะรับหน้าที่ผ่อนบ้านเป็นหลัก แบ่งสัดส่วนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนกลางหรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เกี่ยวกับบ้านอย่างไร หรือจะตั้งเงินกองกลางเพื่อดูแลรักษาบ้านเท่าไร ซึ่งควรพิจารณาโดยอ้างอิงจากรายได้และค่าใช้จ่ายส่วนตัวของแต่ละฝ่ายว่าใครมีความสามารถในการผ่อนชำระได้มากกว่า เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกันและแยกรายจ่ายเพื่อผ่อนบ้านอย่างเป็นระบบ ลดความขัดแย้งเรื่องนี้ในภายหลัง
  • เลือกอัตราดอกเบี้ยอย่างชาญฉลาด ผู้บริโภคควรศึกษาและทำความเข้าใจว่าอัตราดอกเบี้ยแบบไหนที่คุ้มค่าที่สุด โดยนำอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อแต่ละตัวมาเฉลี่ยเป็นอัตราดอกเบี้ยตลอดอายุของสินเชื่อและปรับให้เป็นอัตราดอกเบี้ยต่อปี ซึ่งจะทำให้สามารถเปรียบเทียบสินเชื่อของแต่ละธนาคารได้ง่ายขึ้น สิ่งสำคัญคือผู้กู้ควรเลือกจากอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยใน 3 ปีแรกเป็นหลักว่าธนาคารใดให้ดอกเบี้ยต่ำที่สุด และเมื่อผ่อนชำระครบ 3 ปีแล้ว ให้พิจารณายื่นเรื่องขอลดดอกเบี้ยกับธนาคารเดิม (Retention) หรือรีไฟแนนซ์ (Refinance) กับธนาคารใหม่ ซึ่งจะช่วยให้ได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง ประหยัดค่าดอกเบี้ยในระยะยาวได้มากขึ้น 

เคล็ดลับในการเลือกสินเชื่อนั้นผู้กู้ควรเลือกอัตราดอกเบี้ยลอยตัวในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้มีแนวโน้มที่จะปรับลดลง ซึ่งจะทำให้ยอดดอกเบี้ยที่ผู้กู้ต้องชำระลดลงตามไปด้วย แต่หากอยู่ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้น ผู้กู้ควรเลือกสินเชื่อที่อัตราดอกเบี้ยคงที่ทั้ง 3 ปี เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของอัตราดอกเบี้ยลอยตัวที่อาจปรับสูงขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจในช่วงนั้น โดยสามารถติดตามสถานการณ์ที่ส่งผลต่อการปรับอัตราดอกเบี้ยได้จากข่าวเศรษฐกิจและการคาดการณ์จากนักวิเคราะห์

  • “ผ่อนแบบลดต้นลดดอก” ช่วยลดภาระดอกเบี้ย “การผ่อนบ้านแบบลดต้นลดดอก” (Effective Rate) เป็นวิธีการคำนวนของธนาคารที่ชี้แจงให้เห็นถึงความตรงต่อเวลาในการส่งเงินต้น อันเป็นผลทำให้ดอกเบี้ยในงวดต่อไปลดลง โดยคำว่า “ลดต้น” หมายถึงเงินต้นซึ่งจะนำมาคิดดอกเบี้ยในแต่ละงวด โดยเงินต้นจะลดลงไปเรื่อย ๆ จากการนำจำนวนเงินในงวดที่ชำระไปก่อนหน้าส่วนที่เหลือจากหักชำระดอกเบี้ยมาหักลบออกไป ส่วน “ลดดอก” หมายถึงดอกเบี้ยในงวดถัดมาที่จะลดลงเรื่อย ๆ แปรผันตามเงินต้นที่ลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เงินต้นเหลือน้อยลงเรื่อย ๆ เนื่องจากถูกหักออกไปจากการชำระในงวดก่อนหน้า แม้ว่าจำนวนเงินที่ชำระในแต่ละงวดจะกำหนดไว้คงที่ แต่การคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกนี้จะทำให้จำนวนเงินที่ผ่อนชำระในงวดหลัง ๆ จะถูกกันส่วนหนึ่งไปชำระดอกเบี้ยน้อยลง และเหลือส่วนที่ไปตัดยอดหนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ จึงถือเป็นวิธีที่ช่วยประหยัดดอกเบี้ยในระยะยาว
  • วางแผนโปะบ้านให้ผ่อนหมดไวแบบติดสปีดการโปะบ้าน” เป็นการผ่อนชำระหนี้ให้มากกว่าที่กำหนดไว้หรือมากกว่าจำนวนเงินชำระต่องวดที่ระบุไว้ในสินเชื่อ เพื่อให้มีจำนวนเงินไปหักชำระเงินต้นมากขึ้นหรือไปหักยอดหนี้โดยตรง ถือเป็นวิธีที่ช่วยให้ผ่อนบ้านหมดเร็วและลดดอกเบี้ยอย่างเห็นผลได้ชัดเจน โดยสามารถทำได้ทั้งการกระจายเงินเพื่อชำระเงินเกินด้วยจำนวนเงินน้อย ๆ แต่เลือกชำระเกินทุกงวด หรือจะชำระเกินด้วยจำนวนเงินมาก ๆ เพียงก้อนเดียวและโปะบ้านเพิ่มปีละครั้งก็ได้เช่นกัน

ซึ่งการโปะบ้านด้วยการชำระเกินทุกงวดด้วยจำนวนเงินน้อย ๆ เหมาะกับผู้มีรายได้คงที่และรายจ่ายค่อนข้างคงที่ ซึ่งจะดีกว่าการรอนำเงินก้อนใหญ่เพียงก้อนเดียวอย่างเงินโบนัสมาโปะยอดหนี้ ส่วนการผ่อนบ้านแบบโปะเงินจำนวนมากนั้นเหมาะสมกับอาชีพที่รายได้ไม่คงที่และไม่สม่ำเสมอ เช่น พนักงานขาย หรืออาชีพอิสระ ที่จะได้รับค่าจ้างหรือค่าคอมมิชชันเป็นครั้งไป จึงอาจไม่สามารถผ่อนบ้านแบบชำระเกินได้ทุกงวด อย่างไรก็ดี การโปะบ้านทุกครั้งที่มีโอกาสไม่ว่าจะวิธีไหนก็ช่วยให้ผู้กู้สามารถผ่อนชำระหนี้บ้านได้ไวกว่าปกติอย่างแน่นอน

การวางแผนซื้อเรือนหอแม้ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ยากเกินจะทำความเข้าใจ เพียงคู่รักใช้ความรักและความเข้าใจในการวางแผนก็จะสามารถเลือกซื้อเรือนหอในฝันได้อย่างราบรื่น ทั้งนี้ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ได้พัฒนาฟิลเตอร์ช่วยค้นหาที่อยู่อาศัยให้ตรงโจทย์คนหาบ้านทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาด้วยสถานีรถไฟฟ้า BTS/MRT หรือหาโครงการใกล้โรงเรียนสำหรับผู้ที่เน้นความสะดวกในการเดินทาง หรือจะเลือกฟิลเตอร์ค้นหาตามไลฟ์สไตล์ไม่ว่าจะเป็นโครงการที่มาพร้อมส่วนกลางเอาใจคนรักสัตว์, โครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และโครงการหรู นอกจากนี้ ยังได้รวบรวมข้อมูลประกาศซื้อ/ขาย/ให้เช่าโครงการบ้าน/คอนโดฯ ใหม่ในหลากหลายทำเลทั่วประเทศ เพื่อช่วยให้ทุกคนเตรียมความพร้อมก่อนตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยในฝันได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น

ดีดีพร็อพเพอร์ตี้เผยสุดยอดทำเลทองประจำปี 2567

ดีดีพร็อพเพอร์ตี้เผยสุดยอดทำเลทองประจำปี 2567

ดีดีพร็อพเพอร์ตี้เผยสุดยอดทำเลทองประจำปี 2567

ไม่พลิกโผคนยังค้นหาบ้านใน “กรุงเทพฯ” มากที่สุด “BTS อ่อนนุช” ยังครองแชมป์ทำเลแนวรถไฟฟ้าสุดฮอต

แม้ภาคอสังหาริมทรัพย์ในปี 2567 ยังไม่ฟื้นตัวตามที่หลายฝ่ายคาดกันไว้ หลังจากทั้งฝั่งผู้บริโภคและผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต้องโต้คลื่นความท้าทายตลอดทั้งปี โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากกำลังของซื้อผู้บริโภคที่ชะลอตัวและส่งผลต่อยอดขายและยอดโอนกรรมสิทธิ์ตามไปด้วย แผนการซื้อบ้านจึงยังไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนของหลายคน อย่างไรก็ดี ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ยังคงมีปัจจัยบวกหลังจากภาครัฐได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ออกมาเพิ่มเติมในเดือนเมษายน 2567 และที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ในเดือนตุลาคม 2567 ถือเป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนให้ตลาดที่อยู่อาศัยมีโอกาสกลับมาฟื้นตัวในอนาคต

แม้ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์จะยังไม่ฟื้นตัวดีดังเดิม แต่ในหลายทำเลยังคงมีความต้องการซื้ออย่างต่อเนื่อง ข้อมูลจากแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดที่อยู่อาศัย DDproperty Thailand Consumer Sentiment Study รอบล่าสุดเผยว่าผู้บริโภคเกือบครึ่ง (48%) มองว่าทำเลที่ตั้งของโครงการถือเป็นปัจจัยภายนอกโครงการที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อ/เช่าที่อยู่อาศัยมากที่สุด รองลงมาคือต้องการโครงการที่เดินทางได้สะดวกด้วยระบบขนส่งสาธารณะ (44%) จะเห็นได้ว่าโครงการที่ตั้งอยู่ในทำเลที่มีความเจริญและมีศักยภาพที่จะเติบโตในอนาคต สามารถเดินทางได้สะดวก ย่อมส่งผลให้ดีมานด์ซื้อ/เช่าที่อยู่อาศัยเติบโตตามไปด้วย

ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย เผยข้อมูลเชิงลึกจากผู้เข้าเยี่ยมชมในเว็บไซต์ www.DDproperty.com ในรอบปี 2567 (เก็บข้อมูลระหว่างเดือนมกราคม – ธันวาคม 2567) สะท้อนเทรนด์ความต้องการซื้อและเช่าที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคชาวไทยทั่วประเทศ พร้อมอัปเดตทำเลศักยภาพที่น่าจับตามอง

กรุงเทพฯยืนหนึ่งจังหวัดยอดนิยมของคนหาบ้านเชียงใหม่รั้งอันดับ 2 รับอานิสงส์การท่องเที่ยวฟื้น

กรุงเทพมหานครยังคงครองความนิยมเป็นจังหวัดที่ได้รับความสนใจซื้อ/เช่าทั่วประเทศมากที่สุดในรอบปี 2567 ขณะที่หัวเมืองท่องเที่ยวอย่างเชียงใหม่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจนครองอันดับ 2 ตามมาด้วยอันดับ 3 นนทบุรี, อันดับ 4 ภูเก็ต, อันดับ 5 ชลบุรี, อันดับ 6 ปทุมธานี, อันดับ 7 สมุทรปราการ, อันดับ 8 ประจวบคีรีขันธ์, อันดับ 9 ระยอง และอันดับ 10 ขอนแก่น

ทั้งนี้ หัวเมืองท่องเที่ยวกลับมาติดอันดับต้น ๆ จังหวัดยอดนิยมที่มีการค้นหาที่อยู่อาศัยมากขึ้น หลังจากตลาดอสังหาฯ ในปี 2567 ได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวส่งผลให้จำนวนชาวต่างชาติที่เข้ามาในไทยเพิ่มมากขึ้น หัวเมืองท่องเที่ยวจึงได้รับความสนใจซื้อ/เช่าเพื่อใช้เป็นบ้านพักตากอากาศหรือรองรับการอยู่อาศัยในวัยเกษียณเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

10 ทำเลรถไฟฟ้าน่าจับตามอง “BTS อ่อนนุชมาแรงเกินต้าน ครองแชมป์ทำเลแนวรถไฟฟ้ายอดนิยม 

การเดินทางด้วยรถไฟฟ้ายังคงเป็นการสัญจรที่สะดวกและรวดเร็วตอบโจทย์การใช้ชีวิตในเมืองหลวง ปัจจุบันมีการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าให้ครอบคลุมการเดินทางได้มากขึ้น ส่งผลให้ทำเลแนวรถไฟฟ้าทั้งเส้นทางที่เปิดให้บริการแล้วและอยู่ระหว่างการก่อสร้างมีความต้องการซื้อ/เช่าที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

สำหรับทำเลแนวรถไฟฟ้าทั้ง BTS และ MRT ที่ได้รับความสนใจซื้อ/เช่ามากที่สุดในรอบปี 2567 อันดับ 1 ได้แก่ BTS อ่อนนุช ทำเลศักยภาพแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ได้รับความสนใจจากคนหาบ้านอย่างต่อเนื่องด้วยปัจจัยแวดล้อมที่เอื้อต่อการอยู่อาศัยมากมายทั้งเป็นย่านธุรกิจ แหล่งช้อปปิ้ง การเดินทางที่หลากหลาย และยังเป็นสถานีแรกของรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายไปยังสถานีเคหะฯ ในจังหวัดสมุทรปราการ ทำให้ไม่ต้องเสียค่าโดยสารรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายเพิ่ม อีกทั้งโครงการที่อยู่อาศัยในทำเลนี้ยังมีราคาไม่แพง จึงส่งผลให้ทำเลแนวรถไฟฟ้า BTS อ่อนนุช เป็นทำเลศักยภาพที่น่าสนใจทั้งเพื่ออยู่อาศัยเองหรือลงทุน

ตามมาด้วย อันดับ 2 BTS พร้อมพงษ์, อันดับ 3 BTS เอกมัย, อันดับ 4 BTS ทองหล่อ, อันดับ 5 BTS อโศก, อันดับ 6 MRT พระราม 9, อันดับ 7 BTS อารีย์, อันดับ 8 MRT ลาดพร้าว, อันดับ 9 MRT ห้วยขวาง และอันดับ 10 BTS สะพานควาย

จากข้อมูล 10 สถานีรถไฟฟ้ายอดนิยมในกลุ่มผู้ค้นหาที่อยู่อาศัยในรอบปี 2567 พบว่า 7 ใน 10 เป็นสถานีที่อยู่ในโครงการรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว ซึ่งเปิดให้บริการเป็นสายแรกของประเทศไทยและเชื่อมต่อการเดินทางสู่ใจกลางเมืองซึ่งเป็นแหล่งงานขนาดใหญ่  

นอกจากนี้ ข้อมูลของกรมการขนส่งทางราง กระทรวงคมนาคม พบว่า รถไฟฟ้าสายสีเขียวมีปริมาณผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าสูงที่สุดในปี 2567 สะท้อนให้เห็นถึงดีมานด์ที่อยู่อาศัยและโอกาสการเติบโตในเชิงธุรกิจที่น่าจับตามอง  

10 ทำเลทองในเมืองหลวง คนกรุงปักหมุดให้เขตวัฒนานำหน้าครองใจทั้งผู้ซื้อ-ผู้เช่า 

กรุงเทพมหานครเป็นเป้าหมายหลักของผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่ต่างเปิดตัวโครงการในหลากหลายทำเลให้ครอบคลุมความต้องการซื้อ/เช่าทุกระดับราคา ข้อมูลการเข้าชมประกาศอสังหาฯ พบว่า ”เขตวัฒนา” ยังได้รับความนิยมในกลุ่มคนหาบ้านต่อเนื่องอีกปี ครองอันดับ 1 สุดยอดทำเลในกรุงเทพฯ ที่ได้รับความสนใจซื้อและเช่ามากที่สุดในรอบปี 2567 โดยมีปัจจัยสนับสนุนทั้งการเดินทาง สาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทำให้เขตวัฒนาขึ้นแท่นทำเลทองที่ผู้ซื้อ/ผู้เช่านิยมค้นหาบ้าน/คอนโดฯ มากที่สุดของปีมะโรง

โดย 10 ทำเลในกรุงเทพฯ ที่มีความต้องการซื้อมากที่สุดในรอบปี 2567 ได้แก่

  • อันดับ 1 เขตวัฒนา
  • อันดับ 2 เขตจตุจักร
  • อันดับ 3 เขตห้วยขวาง
  • อันดับ 4 เขตคลองเตย
  • อันดับ 5 เขตประเวศ
  • อันดับ 6 เขตบางกะปิ
  • อันดับ 7 เขตสวนหลวง
  • อันดับ 8 เขตบางนา
  • อันดับ 9 เขตพระโขนง
  • อันดับ 10 เขตบางเขน

ขณะที่ 10 ทำเลในกรุงเทพฯ ที่มีความต้องการเช่ามากที่สุดในรอบปี 2567 ได้แก่

  • อันดับ 1 เขตวัฒนา 
  • อันดับ 2 เขตคลองเตย 
  • อันดับ 3 เขตห้วยขวาง
  • อันดับ 4 เขตราชเทวี 
  • อันดับ 5 เขตพระโขนง 
  • อันดับ 6 เขตปทุมวัน
  • อันดับ 7 เขตจตุจักร
  • อันดับ 8 เขตบางนา
  • อันดับ 9 เขตบางรัก 
  • อันดับ 10 เขตสาทร 

ทำเลใกล้สถานศึกษาย่านจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยขึ้นแท่นทำเลมาแรงน่าจับตามอง

ทำเลใกล้สถานศึกษาถือเป็นอีกตลาดที่ผู้พัฒนาอสังหาฯ หันมาให้ความสำคัญมากขึ้น มีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนอย่างนักเรียน-นักศึกษา ผู้ปกครอง และบุคลากรในสถานศึกษาที่ต้องการความสะดวกในการเดินทาง และสามารถลงทุนระยะยาวโดยประกาศขายหรือปล่อยเช่าได้เรื่อย ๆ ส่งผลให้เทรนด์แคมปัสคอนโดฯ (Campus Condo) หรือคอนโดฯ ในทำเลใกล้สถานศึกษามีการเติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากคอนโดฯ เป็นรูปแบบอสังหาฯ ที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยในเมืองหลวง และมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน 

โดยทำเลในละแวก “จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” มีการค้นหาที่อยู่อาศัยเพื่อซื้อ/เช่ามากที่สุด เนื่องจากเป็นย่านธุรกิจสำคัญใจกลางเมือง ส่งผลให้กลายเป็นทำเลที่มีราคาที่ดินสูงสุดในกรุงเทพมหานคร เห็นได้จากผลการสำรวจราคาที่ดินในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลของศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส เผยว่า ที่ดินบริเวณสยามสแควร์ ชิดลม เพลินจิต ครองอันดับหนึ่งราคาที่ดินสูงที่สุดของประเทศไทย โดยประมาณการไว้ที่ 3.75 ล้านบาทต่อตารางวา หรือไร่ละ 1,500 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2567 และทำเลนี้ยังเดินทางได้สะดวกด้วยรถไฟฟ้า ประกอบกับเป็นสถานศึกษาชั้นนำจึงทำให้มีความต้องการซื้อ/เช่าทั้งจากนักศึกษา บุคลากรสถานศึกษา รวมทั้งวัยทำงานในย่านนั้นเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

สำหรับ 5 ทำเลใกล้สถานศึกษาที่ได้รับความสนใจซื้อมากที่สุดในรอบปี 2567 ได้แก่

  • อันดับ 1 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • อันดับ 2 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
  • อันดับ 3 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
  • อันดับ 4 มหาวิทยาลัยศรีปทุม
  • อันดับ 5 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 

ขณะที่ 5 ทำเลใกล้สถานศึกษาที่ได้รับความสนใจเช่ามากที่สุดในรอบปี 2567 ได้แก่

  • อันดับ 1 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • อันดับ 2 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
  • อันดับ 3 มหาวิทยาลัยศรีปทุม
  • อันดับ 4 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์)
  • อันดับ 5 Bangkok Prep International School

ผู้ซื้อมองหาบ้าน/คอนโดฯ 2 ห้องนอน ราคาไม่เกิน 2 ล้านตอบโจทย์ Real Demand

จากข้อมูลฝั่งตลาดซื้ออสังหาฯ พบว่า ผู้ที่วางแผนซื้อที่อาศัยทั่วประเทศในรอบปี 2567 เลือกใช้ฟิลเตอร์เพื่อค้นหาบ้าน/คอนโดฯ ที่มี 2 ห้องนอนมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ซึ่งเป็นขนาดที่เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็กที่ต้องการแยกสัดส่วนที่พักอาศัยให้ชัดเจน รองลงมาอันดับ 2 ได้แก่ ที่อยู่อาศัย 3 ห้องนอน และอันดับ 3 สนใจซื้อที่อยู่อาศัย 1 ห้องนอน 

ทั้งนี้ ผู้ซื้อเกือบ 2 ใน 3 (64%) มองหาโครงการที่อยู่อาศัยที่ตกแต่งให้ครบแบบพร้อมเข้าอยู่ (Fully Furnished) มากที่สุด เนื่องจากช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการตกแต่ง ทำให้วางแผนการเงินได้ง่ายขึ้น และสามารถย้ายเข้าอยู่ได้ทันที ขณะที่ 28% เลือกโครงการที่ไม่มีการตกแต่งใด ๆ เพื่อที่จะได้แต่งบ้านในสไตล์ที่ชอบเองทั้งหมด ส่วนอีก 22% ต้องการโครงการที่ตกแต่งให้บางส่วน (Fully Fitted) เท่านั้น

เมื่อพิจารณาด้านราคาที่ผู้ซื้อค้นหาบนเว็บไซต์ DDproperty มากที่สุด พบว่าระดับราคาไม่เกิน 2 ล้านบาทมีการค้นหามากที่สุด สะท้อนให้เห็นความต้องการของผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (Real Demand) ที่ต้องการค้นหาที่อยู่อาศัยในราคาที่เอื้อมถึง และไม่จำเป็นต้องอยู่ใจกลางเมืองอีกต่อไป เนื่องจากมีการเปิดให้บริการของรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายไปยังพื้นที่ชานเมืองมากขึ้น ผู้บริโภคจึงสามารถเลือกซื้อบ้าน/คอนโดฯ ในทำเลชานเมืองซึ่งมีราคาย่อมเยากว่าได้ ซึ่งช่วยลดภาระทางการเงินได้มากพอสมควร โดยระดับราคาที่อยู่อาศัยที่ชาวไทยสนใจซื้อมากที่สุดในรอบปี 2567 ได้แก่

  • อันดับ 1 ระดับราคา 1,000,000 – 2,000,000 บาท 
  • อันดับ 2 ระดับราคา 500,000 – 1,500,000 บาท 
  • อันดับ 3 ระดับราคา 500,000 – 2,000,000 บาท

4 ใน 5 ของผู้เช่ามองหาโครงการตกแต่งพร้อมอยู่ พร้อมจ่ายค่าเช่ารายเดือนไม่เกิน 15,000 บาท 

ความท้าทายทางการเงินถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้เทรนด์การเช่าที่อยู่อาศัยเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผู้บริโภคที่ต้องการลดภาระหนี้ที่ไม่จำเป็นในยุคที่เศรษฐกิจไม่ฟื้นตัวจึงเลือกเช่าบ้าน/คอนโดฯ แทนการซื้อ ข้อมูลจากผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ฯ พบว่า ผู้ที่วางแผนเช่าที่อาศัยทั่วประเทศในรอบปี 2567 ค้นหาบ้าน/คอนโดฯ ที่มี 2 ห้องนอนมากที่สุดเป็นอันดับ 1 คล้ายกับความต้องการของผู้ซื้อ รองลงมา อันดับ 2 สนใจเช่าที่อยู่อาศัย 1 ห้องนอน และอันดับ 3 สนใจเช่าที่อยู่อาศัย 3 ห้องนอน ซึ่งความต้องการเหล่านี้แตกต่างกันไปตามจำนวนสมาชิกของแต่ละครอบครัวเป็นหลัก

โดยพบว่า 1 ใน 4 (80%) ของผู้เช่าที่อยู่อาศัยต้องการโครงการที่ตกแต่งให้ครบแบบพร้อมเข้าอยู่ (Fully Furnished) มากที่สุด เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการซื้อเฟอร์นิเจอร์ อีกทั้งยังสะดวกทั้งในการย้ายเข้า-ออกหากต้องโยกย้ายทำเลในอนาคต ส่วน 18% สนใจโครงการที่ตกแต่งให้บางส่วน (Fully Fitted) มีผู้เช่าเพียง 9% เท่านั้นที่เลือกโครงการที่ไม่มีการตกแต่งใด ๆ เลย

ขณะที่ระดับค่าเช่าส่วนใหญ่ที่มีผู้เช่าค้นหามากที่สุดอยู่ในช่วงไม่เกิน 15,000 บาท/เดือน ซึ่งถือเป็นค่าเช่าที่อยู่ในระดับปานกลาง เหมาะสมและตอบโจทย์ผู้ที่มองหาบ้าน/คอนโดฯ ให้เช่าในทำเลแนวรถไฟฟ้า มีสิ่งอำนวยความสะดวกและพื้นที่ใช้สอยครบครัน ซึ่งถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับการซื้อที่ต้องมีภาระหนี้ในระยะยาว และยังต้องกังวลกับการปรับขึ้นของดอกเบี้ยที่ส่งผลต่อราคาผ่อนบ้าน/คอนโดฯ อีกด้วย โดยระดับราคาที่อยู่อาศัยที่ชาวไทยสนใจเช่ามากที่สุดในรอบปี 2567 ได้แก่

  • อันดับ 1 ระดับค่าเช่า 8,000 – 15,000 บาท/เดือน
  • อันดับ 2 ระดับค่าเช่า 10,000 – 15,000 บาท/เดือน 
  • อันดับ 3 ระดับค่าเช่า 6,000 – 8,000 บาท/เดือน