แดสสอล์ท ซิสเต็มส์เปิดตัวแพลตฟอร์มการออกแบบใหม่ “3DEXPERIENCE SOLIDWORKS” เพิ่มศักยภาพทำงานร่วมกันให้กับนักประดิษฐ์และเพิ่มโอกาสจ้างงานให้นักเรียน-นักศึกษา

Dassault Systèmes

แดสสอล์ท ซิสเต็มส์เปิดตัวแพลตฟอร์มการออกแบบใหม่ “3DEXPERIENCE SOLIDWORKS” เพิ่มศักยภาพทำงานร่วมกันให้กับนักประดิษฐ์และเพิ่มโอกาสจ้างงานให้นักเรียน-นักศึกษา

    • แพลตฟอร์มใหม่บนคลาวด์เปิดตัวที่งาน 3DEXPERIENCE World 2021 สร้างการเรียนรู้และแนวทางนำเสนองานสร้างสรรค์ผ่านการออกแบบดิจิทัล 3 มิติ งานวิศวกรรมและแอปพลิเคชันการทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    • 3DEXPERIENCE SOLIDWORKS for Makers มอบวิธีการการออกแบบ การแบ่งปัน การเชื่อมโยงและทำงานรูปแบบใหม่ ๆ ร่วมกับชุมชนระดับโลก Madein3D ให้ชุมชนนักออกแบบดิจิทัลรุ่นใหม่ 
    • 3DEXPERIENCE SOLIDWORKS for Student นำเสนอแนวทางในการพัฒนาทักษะการออกแบบ พร้อมรับรองความสามารถที่อุตสาหกรรมให้การยอมรับ ยกรับความสามารถของนักเรียน-นักศึกษาให้เริ่มอาชีพได้เร็วกว่าเดิม

แดสสอล์ท ซิสเต็มส์ (Euronext Paris: #13065, DSY.PA) ประกาศเปิดตัว 2 แพลตฟอร์มการออกแบบใหม่ในอนาคต ได้แก่ “3DEXPERIENCE SOLIDWORKS for Makers” และ “3DEXPERIENCE SOLIDWORKS for Student” ภายในงาน 3DEXPERIENCE World 2021 ในรูปแบบเสมือนจริง นำเสนอวิธีการใหม่ ๆ สำหรับการออกแบบ การทำงานร่วมกัน การแบ่งปันและพัฒนาทักษะสู่ความเป็นเลิศ ช่วยให้นักประดิษฐ์และนักเรียน-นักศึกษาสามารถเข้าถึงเครื่องมือและสภาพแวดล้อมดิจิทัลบนคลาวด์ที่มีศักยภาพที่สุดในโลกเพื่อใช้สำหรับงานด้านการออกแบบ วิศวกรรมและนวัตกรรมการทำงานร่วมกัน

แพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE SOLIDWORKS for Makers ได้ร่วมศูนย์นักประดิษฐ์  และแนวความคิดต่าง ๆ เพื่อสร้างการทำงานร่วมกัน โดยนักออกแบบดิจิทัลมือใหม่ยังสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ได้โดยใช้แอปพลิเคชัน 3DEXPERIENCE SOLIDWORKS Professional, 3D Creator และ 3D Sculptor พร้อมแชร์โปรเจกต์ส่วนตัวไปยังชุมชนผู้ผลิตระดับโลกอย่าง Madein3D ที่ แดสสอล์ท ซิสเต็มส์ ดูแลอยู่ โดยชุมชนแห่งนี้มีผู้ผลิตระดับแนวหน้าในวงการออกแบบ รวมถึงนวัตกรที่คอยให้ความช่วยเหลือและสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักออกแบบสมัครเล่นต่าง ๆ

สำหรับแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE SOLIDWORKS for Students จะช่วยเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียน-นักศึกษาและเพิ่มโอกาสการทำงานที่มีการแข่งขันสูงในตลาด ซึ่งจะพัฒนาทักษะด้านวิศวกรรม การทำงานร่วมกัน การจัดการโปรเจกต์ รวมถึงการนำข้อมูลมาวิเคราะห์และต่อยอด ที่ล้วนเป็นทักษะที่เป็นที่ต้องการอย่างสูงในอุตสาหกรรม แพลตฟอร์มนี้ยังสามารถใช้งานได้จากทุกที่และมีฟีเจอร์การใช้งานครบครัน อาทิ 3DEXPERIENCE SOLIDWORKS Student, 3D Designer Student และ Collaborative Business รวมถึงแอปพลิเคชันที่จำเป็นของบรรดานวัตกรในอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังสามารถเข้าถึงชุมชนออนไลน์ระดับโลกที่มีเพื่อนนักออกแบบและเหล่าผู้เชี่ยวชาญแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE พร้อมได้รับรองความสามารถในระดับที่อุตสาหกรรมให้การยอมรับ 2 รายการ

เพื่อเป็นการสนับสนุนการเปิดตัวของ 3DEXPERIENCE SOLIDWORKS for Student แดสสอล์ท ซิสเต็มส์ได้จัดงาน “World Wide Virtual Career Fair” ขึ้นเป็นครั้งแรกระหว่างงาน 3DEXPERIENCE World 2021 โดยเชิญนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยในอเมริกาเหนือ ยุโรปและญี่ปุ่น มาพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสร้างเครือข่ายแบบตัวต่อตัวกับทีมงานที่มีความสามารถระดับโลกของ แดสสอล์ท ซิสเต็มส์ พร้อมด้วยลูกค้าของ SOLIDWORKS

มร. จิอัน เปาโล บาสซี่ ประธานบริหาร, โซลิดเวิร์ค, แดสสอล์ท ซิสเต็มส์ กล่าวว่า “เราเริ่มต้นจากผลิตภัณฑ์เปลี่ยนไปสู่แพลตฟอร์ม จากการความเชื่อมโยงและพัฒนาไปสู่สัมพันธภาพ…3DEXPERIENCE SOLIDWORKS จะพลิกโฉมวิธีการเรียนรู้ การทำงานร่วมกันและแนวทางการพัฒนานวัตกรรมของทั้งนักประดิษฐ์และนักเรียน-นักศึกษา พวกเขาสามารถใช้เครื่องมือที่เหมาะสมเพื่อพัฒนาทักษะที่ภาคอุตสาหกรรมต้องการและสร้างความก้าวหน้าในด้านอาชีพได้ตั้งแต่ในช่วงเรียน ขณะที่ผู้ผลิตสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนผ่านการแชร์ความมุ่งมั่นทุ่มเทในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และพร้อมให้การช่วยเหลือด้วยประสบการณ์ความเชี่ยวชาญและทำงานร่วมกัน ซึ่งทั้งนักประดิษฐ์และนักเรียน-นักศึกษาต่างได้รับความรู้และวิธีการชั้นเลิศเพื่อสร้างประสบการณ์พลิกเกมธุรกิจ เบนเดสก์ท็อปไปสู่การจัดการโดยแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE”

แพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE SOLIDWORKS for Student จะพร้อมวางจำหน่ายในเดือนพฤษภาคม 2564 ส่วนแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE SOLIDWORKS for Makers จะวางจำหน่ายในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ผ่านช่องทางออนไลน์ที่จะให้ประสบการณ์การซื้อที่ง่ายและสะดวกกว่าเดิมบนแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE

Dassault Systèmes

โซเชียลมีเดีย:

แชร์ข้อความผ่านทาง Twitter:  @Dassault3DS เปิดตัวแพลตฟอร์มออกแบบใหม่ #3DEXPERIENCE SOLIDWORKS เพิ่มศักยภาพงานออกแบบและทักษะการทำงานร่วมกันให้กับผู้ผลิตและนักเรียน-นักศึกษา #3DXE #3DXW21

ติดต่อ แดสสอล์ท ซิสเต็มส์ ผ่านทาง Twitter Facebook LinkedIn YouTube

 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม:

แพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE, ซอฟต์แวร์การออกแบบ 3 มิติ, โซลูชั่น 3D Digital Mock Up และ Product Lifecycle Management (PLM) ของ Dassault Systèmes: http://www.3ds.com

แดสสอล์ท ซิสเต็มส์ 3DEXPERIENCE Edu:  https://edu.3ds.com/en

ชมวิดีโอเกี่ยวกับทักษะสำคัญที่เป็นที่ต้องการในการสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างยั่งยืนคลิก https://edu.3ds.com/en/job/skills

Dassault Systèmes’ 3DEXPERIENCE Lab:  https://3dexperiencelab.3ds.com/en/projects/fablab/3dexperiencer-boston-fablab/

Dassault Systèmes เปิดตัวแคมเปญ “น้ำเพื่อชีวิต” หนุนภาคอุตสาหกรรมใช้น้ำอย่างฉลาดและรักษาทรัพยากรอันมีค่า

Dassault Systèmes เปิดตัวแคมเปญ “น้ำเพื่อชีวิต” หนุนภาคอุตสาหกรรมใช้น้ำอย่างฉลาดและรักษาทรัพยากรอันมีค่า

    • แคมเปญใหม่ภายใต้โครงการ “The Only Progress is Human” เพื่อสร้างจิตสำนึกเรื่องปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม มีเป้าหมายสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนของยูเอ็น โดยผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมในการใช้โลกเสมือนจริงเพื่อลดผลกระทบจากการใช้น้ำ
    • Dassault Systèmes ช่วยบริษัทต่างๆ ประเมินและปรับปรุงการใช้น้ำ รวมถึงสนับสนุนแนวคิดลดการใช้น้ำ โดยเร่งการสร้างนวัตกรรมร่วมกับ 3DEXPERIENCE Lab พร้อมส่งเสริมโครงการให้ความรู้
    • ลูกค้าที่ตั้งเป้าดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนจะต้องประเมินและจำลองการใช้น้ำในกระบวนการผลิตและส่งมอบสินค้า

Dassault Systèmes (Euronext Paris: #13065, DSY.PA) เปิดตัวแคมเปญ “น้ำเพื่อชีวิต” (Water for Life) ภายใต้โครงการ “The Only Progress is Human” เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกเกี่ยวกับปัญหาด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมและสร้างแรงบันดาลใจในการใช้โลกเสมือนจริง เพื่อขับเคลื่อนการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ยั่งยืน  “Water for Life” เป็นการผสานรวมแนวคิดเรื่องน้ำและการอุปโภคบริโภค เพื่อสำรวจความท้าทายของภาคอุตสาหกรรมในการใช้และรักษาทรัพยากรที่มีค่าที่สุดของโลกอย่างชาญฉลาดมากขึ้น ขณะที่โลกของเรากำลังประสบปัญหาการใช้น้ำมากเกินความพอดี  แคมเปญนี้เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (United Nations Sustainable Development Goals) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป้าหมายที่ 6 “เพื่อสร้างหลักประกันว่าจะมีการจัดสรรทรัพยากรน้ำและสุขอนามัยสำหรับทุกคนด้วยแนวทางการบริหารจัดการที่ยั่งยืน”

ภายใต้แคมเปญ “Water for Life” Dassault Systèmes จะให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าเพื่อแก้ไขปัญหาท้าทายดังกล่าวใน 3 แง่มุม ได้แก่ การตรวจวัดและปรับปรุงประสิทธิภาพ การคิดค้นและสร้างสรรค์นวัตกรรม และการให้ความรู้  โดยขั้นแรก บริษัทฯ จะผลักดันการใช้แพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการตรวจวัดและปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้น้ำ (Water Footprint) ขององค์กรธุรกิจ โดยจะจัดหาโซลูชั่นภาคอุตสาหกรรมแบบครบวงจรให้แก่ลูกค้า ซึ่งจะนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการใช้น้ำในส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับประสบการณ์ที่นำเสนอ รวมถึงผลกระทบของตัวเลือกการออกแบบที่หลากหลาย  และในอนาคต จะมีการให้คำแนะนำโดยระบบ AI ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ บริการ และประสบการณ์ใหม่ๆ ที่มีความยั่งยืนเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ Dassault Systèmes ยังสนับสนุนแนวคิดเรื่องการแก้ไขปัญหาการใช้น้ำ (Water Handprint) ผ่านทาง 3DEXPERIENCE Lab โดยมีการใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่เก็บรวบรวม เพื่อเร่งการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่จะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เช่น กรณีของ EEL Energy ซึ่งปรับเปลี่ยนกระบวนการในภาคอุตสาหกรรมที่จำเป็นเพื่อลดการใช้น้ำ รวมถึงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมกับหน่วยงานบ่มเพาะธุรกิจ (Incubator) จากทั่วโลก เช่น OceanHub Africa

สุดท้าย บริษัทฯ ให้การสนับสนุนโครงการด้านการศึกษา เพื่อสร้างจิตสำนึกในเรื่องปัญหาสำคัญๆ ที่เกี่ยวกับน้ำ และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่คนรุ่นใหม่ในการอนุรักษ์ทรัพยากรที่สำคัญนี้ เช่น โครงการ Mission Ocean ในฝรั่งเศส ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิ Dassault Systèmes (La Fondation Dassault Systèmes)

เบอร์นาร์ด ชาร์แลส รองประธานและซีอีโอของ Dassault Systèmes กล่าวว่า “ทั่วโลกกำลังตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ และการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการพัฒนาที่ยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสังคม  ภาคอุตสาหกรรมจึงมีบทบาทสำคัญในการดำเนินการตาม ‘แผนปฏิบัติการของสหประชาชาติ’ เกี่ยวกับการจัดการน้ำ  นอกจากนี้โลกเสมือนจริง (Virtual Universe) ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้ลูกค้าของเราคิดค้น ออกแบบ และทดสอบผลิตภัณฑ์ วัสดุ และกระบวนการผลิตใหม่ๆ ที่จำเป็นสำหรับระบบเศรษฐกิจที่ยั่งยืนในอนาคต  โซลูชั่นด้านอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่เรานำเสนอจะทำให้เราครองอันดับหนึ่งของโลกในฐานะพาร์ทเนอร์สำหรับการปฏิวัติอุตสาหกรรมที่มีความยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมาย ข้อตกลงปารีส (Paris Agreement)”

น้ำมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชีวิต แต่การใช้น้ำซึ่งมีปริมาณที่มากเกินไปสำหรับการผลิตสินค้าและการให้บริการแก่ผู้คนทั่วโลกในแต่ละวัน ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อทรัพยากรน้ำ โดยปัจจุบัน กว่า 40% ของประชากรโลกกำลังประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ  ภายใต้เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน สหประชาชาติได้ประกาศแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำสำหรับช่วงปี 2561-2571 โดยมุ่งเน้นการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการและการพัฒนาที่ยั่งยืน  แคมเปญ “Water for Life” สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการดังกล่าว ทั้งยังสอดรับกับความมุ่งมั่นของ Dassault Systèmes ในการดำเนินการตามเป้าหมายในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตาม Science Based Targets initiative อีกทั้งบริษัทฯ ยังทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนหลักของคณะทำงานด้านการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ (Taskforce for Climate-related Financial Disclosures หรือ TCFD) อีกด้วย

แคมเปญ “Water for Life” ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวิดีโอที่นำเสนอโดย เบอร์นาร์ด ชาร์แลส พร้อมด้วย ไมค์ ฮอร์น ผู้เชี่ยวชาญในด้านการสำรวจและนักผจญภัย ซึ่งมีความสนใจและความมุ่งมั่นในเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำเช่นเดียวกัน

ไมค์ ฮอร์น ผู้เชี่ยวชาญด้านการสำรวจและผจญภัย

ไมค์ ฮอร์น กล่าวว่า “ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการสำรวจ ผมได้พบเห็นกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสภาพแวดล้อมและโลกของเรา  ดังนั้นเราทุกคนจำเป็นที่จะต้องปกป้องดูแลธรรมชาติและอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ ซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุดสำหรับมนุษย์เรา  ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่สหประชาชาติ NGOs และนักการเมืองมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และยังรวมถึง ผู้นำภาคอุตสาหกรรมอย่าง คุณเบอร์นาร์ด ชาร์แลส ซีอีโอของ Dassault Systèmes ที่ได้ตอกย้ำถึงความสำคัญของประเด็นดังกล่าวอีกด้วย”

โครงการ “The Only Progress is Human” ซึ่งเปิดตัวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อกระตุ้นจิตสำนึกเกี่ยวกับปัญหาด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คนและภาคส่วนต่างๆ ในการใช้โลกเสมือนจริง (Virtual World) เพื่อเก็บรวบรวมและกลั่นกรองข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับปัญหาเหล่านี้ พร้อมทั้งผลักดันการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ยั่งยืนเพื่ออนาคตที่ดีกว่า  โครงการนี้นำเสนอ “10 แคมเปญ” ที่แสดงให้เห็นถึงวิธีการประยุกต์ใช้งานระบบ Virtual Twin เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ในโลกแห่งความเป็นจริง โดยให้ความสำคัญกับผู้คนเป็นหลักและความท้าทายที่เกี่ยวข้องในแต่ละแคมเปญ โดยแคมเปญแรกมุ่งเน้นไปยังความท้าทายที่เกี่ยวกับ “การใช้โลกเสมือนจริงเพื่อเปลี่ยนแปลงประสบการณ์ด้านอารมณ์ความรู้สึก” โดยมีการนำเสนอประสบการณ์ที่แปลกใหม่ทางด้านภาพและเสียงดนตรี ซึ่งเรียกว่า “Virtual Harmony” โดยมีการใช้เทคโนโลยี 3Dvarius รวมไปถึงไวโอลินไฟฟ้าตัวแรกที่สร้างขึ้นจากเครื่องพิมพ์ 3 มิติ โดยใช้โซลูชั่นของ Dassault Systèmes

 

โซเชียลมีเดีย:

แชร์ข้อความผ่านทาง Twitter:  .@Dassault3DS เปิดแคมเปญ “น้ำเพื่อชีวิต” หนุนภาคอุตสาหกรรมใช้น้ำอย่างฉลาด ปกป้องทรัพยากรอันมีค่า #3DEXPERIENCE #progressishuman

ติดต่อDassault Systèmes ผ่านทาง Twitter Facebook LinkedIn YouTube

 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม:

The Only Progress is Human:  https://progress-is-human.3ds.com/

แพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE, ซอฟต์แวร์การออกแบบ 3 มิติ, โซลูชั่น 3D Digital Mock Up และ Product Lifecycle Management (PLM) ของ Dassault Systèmes: http://www.3ds.com

แฝดเสมือน (Virtual Twin) ความสำเร็จบทใหม่ของโรงงานแห่งอนาคต

แฝดเสมือน (Virtual Twin) ความสำเร็จบทใหม่ของโรงงานแห่งอนาคต

Big Data กุญแจสำคัญสู่การสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้ธุรกิจ

ขณะนี้เรากำลังอยู่ในยุคฟื้นฟูอุตสาหกรรมทั่วโลก (Industry Renaissance) ซึ่งเป็นการนำเสนอวิธีการมองโลกในมุมที่แตกต่างออกไป การพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ วิธีการผลิตและการค้า ในขณะที่ผู้ประกอบการพิจารณาแนวทางในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานหรือเปลี่ยนการผลิตจำนวนมากไปเป็นการผลิตที่มีขนาดเล็กลง สามารถปรับแต่งตามความต้องการได้มากขึ้น ซึ่งทำให้ข้อมูลจะเป็นแรงผลักดันในการเปลี่ยนแปลง Big Data คือข้อมูลมหาศาลมีอยู่รอบตัวเราและเราสามารถเสพข้อมูลจากสตรีมอินพุตต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้ประกอบการใช้ Industrial Internet of Things (IIoT) ในการผลิตและการดำเนินงานมากขึ้น

ในอดีต ผู้ประกอบการมีข้อมูลไม่เพียงพอที่ใช้สำหรับบริหารจัดการปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ นั้นหมายความว่าจะต้องมีการตั้งสมมติฐานให้กับปัญหาต่างๆ ก่อนที่จะรวบรวมข้อมูลเพื่อหาข้อเท็จจริง ซึ่งถือเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการดำเนินงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการการตรวจสอบระบบต่างๆ ด้วยตนเองซึ่งก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายสูง สิ้นเปลืองเวลาและต้องใช้แรงงานคนในการดำเนินการ นอกจากนี้จากการตรวจสอบดังกล่าวยังพบว่าการใช้แรงงานคนมีความเสี่ยงจากการผิดพลาดการทำงานและอาจมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการบาดเจ็บในที่ทำงานอีกด้วย

วันนี้ IIoT ทำให้ผู้ประกอบการมีกระบวนการใหม่ๆ ซึ่งทำให้สามารถผลิตสินค้าภายใต้กระบวนการที่มีคุณภาพ สามารถรวบรวมข้อมูลสินค้าได้ครอบคลุมทุกขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) การผลิตและกระบวนการจัดจำหน่าย ด้วยความสามารถในการวิเคราะห์ที่มีประสิทธิภาพโดยใช้ความสามารถของปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของระบบคอมพิวเตอร์ (Machine learning) จึงสามารถรวบรวมข้อมูลเชิงลึกที่ต้องการเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาได้

พลิกโฉมวิธีการทำงาน

การดิสรัปชั่นที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ทำให้ผู้ประกอบการเห็นโอกาสทองในการปรับโครงสร้างการดำเนินงานและห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ใหม่โดยการนำเอากระบวนการการผลิตอัจฉริยะมาใช้เร่งกระบวนการทางดิจิทัล โดยเฉพาะเน้นความสำคัญในด้านความสามารถในการปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองต่อการดิสรัปชั่นหรือเข้าถึงโอกาสใหม่ๆ ภายใต้ห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ที่มีความยืดหยุ่น

เทคโนโลยีแฝดเสมือน (Virtual Twin) จึงมีบทบาทสำคัญอย่างมากในสถานการณ์ดังกล่าว การจำลองแบบดิจิทัลที่สมบูรณ์ของเครื่องมือหรือกระบวนการผลิตที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงานตามแบบดั้งเดิม เช่น โรงงานหรือห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) โดยใช้ Virtual Twin สามารถทำให้ช่วยจำลองห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ของการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำจรดปลายน้ำ ทำให้สามารถตรวจสอบและแก้ไขข้อบกพร่องที่พบได้แบบเรียลไทม์ รวมทั้งมอบประสบการณ์และสร้างไอเดียใหม่ๆ ได้โดยใช้ระยะเวลาอันสั้น

สิ่งนี้ช่วยสร้างความยืดหยุ่นและผลผลิตใหม่ๆ ไปสู่การปฏิบัติงานจริงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเพิ่มความยืดหยุ่นทางธุรกิจ และเป็นการวางฐานรากเพื่อพัฒนาไปสู่การเป็นโรงงานแห่งอนาคต

ทำความเข้าใจ Big Data และนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งของ ปริมาณข้อมูลที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว (exponential data) คือความสามารถในการประมวลผลและสรุปข้อมูลให้เป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็ว รวมทั้งการแสดงผลลัพธ์ต้องให้ผู้ใช้นำไปใช้งานได้อย่างสะดวก ทว่าในความเป็นจริงผู้ประกอบการหลายแห่งใช้เวลากว่า 30% ไปกับกระบวนการแบบเดิมๆ เช่น การค้นหาข้อมูลและการอัปเดตข้อมูล ซึ่งทั้งหมดนี้จะสะท้อนผลลัพธ์ผ่านสินค้าที่ผลิต คุณภาพการทำงานและผลกำไร

ในขณะที่ผู้ประกอบการเพียง 6% ที่มีความมั่นใจในระบบและความสามารถของตนเองว่าสามารถเข้าใจและมองเห็นขั้นตอนการทำงานจากต้นทางถึงปลายทางได้ แต่โรงงานแห่งอนาคตจะเชื่อมต่อข้อมูลทั้งหมดอย่างราบรื่นและจะขยายการเชื่อมต่อเหล่านั้นไปยังห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ทั้งหมด ซึ่งการเห็นและเข้าใจในทุกๆ กระบวนการนี้จะช่วยให้ได้ข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้ได้จริง ช่วยในการตัดสินใจได้รวดเร็วขึ้น เนื่องจากจะช่วยจัดการกับความแปรปรวนจำนวนมากที่ธุรกิจการผลิตต้องรับมือในปัจจุบัน

นอกจากนี้ผู้ประกอบการการยังสามารถเปรียบเทียบข้อมูลของตนเองกับข้อมูลโรงงานอื่น ๆ ทั่วโลก มาใช้เพื่อปรับปรุงโรงงาน เพิ่มผลผลิตและปรับปรุงประสิทธิภาพได้อย่างต่อเนื่อง

เพิ่มขีดความสามารถให้กับพนักงาน

จากความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจโลก เป็นตัวบ่งชี้ให้ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องตระหนักถึงการพัฒนาบุคลากรและแรงงานมากยิ่งขึ้น ในความเป็นจริงแล้ว แรงงาน ถือเป็นหนึ่งปัจจัยที่โรงงานจะจัดว่าเป็นต้นทุนความเสี่ยงอย่างหนึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโรงงานที่ต้องอาศัยแรงงานขับเคลื่อนเป็นหลัก (Lean Manufacturing) ดังนั้นการแก้ไขจึงควรมุ่งเน้นใช้ประโยชน์จากความคิดสร้างสรรค์ของพนักงาน ด้วยการใช้ความรู้และความสามารถในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ และเพื่อแก้ปัญหา เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการและสร้างความยั่งยืนนั่นเอง

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากรได้มากขึ้น ทำงานได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีประสิทธิผล พวกเขาต้องการความมีอิสระในการทำงานซึ่งมาพร้อมกับแรงงานที่เข้าใจบทบาทของตนในองค์กรและเครือข่าย เทคโนโลยี Virtual Twin สามารถเพิ่มขีดความสามารถให้กับพนักงานในโรงงานโดยให้พนักงานสามารถเข้าถึงข้อมูลที่สามารถใช้ในการวัดผลการปฏิบัติงานของตนได้ รวมทั้งมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มพูนทักษะ โดยพนักงานแต่ละคนสามารถตรวจสอบความคืบหน้าในขณะที่ผู้จัดการก็สามารถตรวจสอบและปรับปรุงประสิทธิภาพของพนักงานได้

เชื่อมต่อกระบวนการต่าง ๆ ทางธุรกิจด้วยดิจิทัล

การก้าวนำหน้าคู่แข่งจำเป็นต้องอาศัยกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์แบบครบวงจรซึ่งเกี่ยวข้องกับ 3 เสาหลักของนวัตกรรม ได้แก่ การนำข้อมูลไปใช้ (data science) การนิยามบริบทในมิติต่าง ๆ (contextualisation) และการทำงานร่วมกัน (collaboration) ด้วยการจัดหาจุดเชื่อมดิจิทัลตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบผลิตภัณฑ์ไปจนถึงการจัดจำหน่าย ทำให้ผู้ประกอบการสามารถรวบรวม วิเคราะห์และแปลงข้อมูลให้เป็นข้อมูลเชิงลึกสำหรับการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง

เทคโนโลยี Virtual Twin จะขับเคลื่อนมูลค่าที่จับต้องได้ให้กับบริษัทต่างๆ สร้างแหล่งรายได้ใหม่และไขข้อสงสัยให้กับคำถามเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญ ด้วยการผสมผสานชุดความรู้ที่สมบูรณ์เข้ากับโซลูชั่นการจำลองคุณภาพสูง ผู้ประกอบการสามารถป้อนข้อมูลที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงานและจำลองวัฏจักรของนวัตกรรม รวมทั้งการสร้างมูลค่าที่ต่อเนื่องซึ่งอ้างอิงจากกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวงจรการผลิตจนถึงการจัดจำหน่าย