ทรูมันนี่ ขยายบริการทางการเงิน จับมือ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) เตรียมเปิดจองหุ้น MAKRO จ่ายผ่านแอปฯ TrueMoney Wallet เป็นครั้งแรก เร็ว ๆ นี้

Truemoney X Makro

ทรูมันนี่ ขยายบริการทางการเงิน จับมือ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) เตรียมเปิดจองหุ้น MAKRO จ่ายผ่านแอปฯ TrueMoney Wallet เป็นครั้งแรก เร็ว ๆ นี้

    • ร่วมผนึกกำลังเพื่อโอกาสให้ทุกคนเติบโตไปด้วยกันกับ MAKRO
    • สะดวก ง่าย ปลอดภัย ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปเปิดบัญชี จองซื้อหุ้นและชำระเงินค่าจองซื้อหุ้นได้เลยผ่านแอปฯ TrueMoney Wallet

ทรูมันนี่ ผู้นำด้านบริการอิเล็กทรอนิกส์เพย์เมนท์ชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เดินหน้าขยายแพลตฟอร์มเพิ่มบริการทางการเงินต่อเนื่อง ล่าสุดร่วมมือกับ กลุ่มบริษัท KTBST โดยบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) (บล. เคทีบีเอสที) เตรียมเปิดช่องทางในการจองซื้อหุ้น พร้อมชำระเงินค่าจองซื้อหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไป (PO) ของบริษัท สยามแม็คโคร จํากัด (มหาชน) (“MAKRO”) ผ่านแอปพลิเคชั่น TrueMoney Wallet เป็นครั้งแรก เพื่อร่วมผนึกกำลังเพื่อโอกาสให้ทุกคนเติบโตไปด้วยกันกับ MAKRO พร้อมส่งเสริมคนรุ่นใหม่ก้าวสู่การเป็นนักลงทุนรายย่อยยุคดิจิทัลได้อย่างสะดวก ง่าย และปลอดภัย ด้วยเทคโนโลยีทางการเงินล้ำสมัยจากทรูมันนี่

นายธัญญพงศ์ ธรรมาวรานุคุปต์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด กล่าวว่า “การเปิดให้จองซื้อหุ้นพร้อมชำระเงินค่าจองซื้อหุ้น MAKRO ผ่านแอปฯ TrueMoney Wallet ในครั้งนี้ ทรูมันนี่ ได้ร่วมมือกับ บล. เคทีบีเอสที ซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ และถือเป็นอีกก้าวหนึ่งของเราในการก้าวไปสู่ผู้ให้บริการทางการเงินแบบดิจิทัลชั้นนำ โดยเรามุ่งหวังที่จะช่วยกระตุ้นและส่งเสริมการลงทุนแบบ Digital Micro Investment ให้แก่นักลงทุนรายย่อยในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ ด้วยประสิทธิภาพของแพลตฟอร์มทรูมันนี่ที่สามารถเชื่อมต่อกับพันธมิตรเพื่อนำเสนอบริการทางการเงินใหม่ ๆ ซึ่งตอนนี้รวมถึงการลงทุนในหุ้น เราเชื่อว่าจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนและกลุ่มคนรุ่นใหม่ในยุคนิวนอร์มัลนี้ได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ ในอนาคตเรายังมีแผนขยายความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อเปิดโอกาสในการชำระเงินเพื่อลงทุนในหุ้นตัวอื่น ๆ เพิ่มเติม”

ดร. วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท เคทีบีเอสที กล่าวว่า “นวัตกรรมและเทคโนโลยีเป็นส่วนส่งเสริมและผลักดันสำคัญให้ผู้ลงทุนมีโอกาสเข้าถึงตลาดทุนได้มากขึ้น ซึ่งการร่วมมือกับทรูมันนี่ครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทในการเพิ่มช่องทางให้ผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนเข้าถึงกลุ่มลูกค้ารายย่อยมากขึ้น และสอดคล้องกับพันธกิจหลักของกลุ่มบริษัท เคทีบีเอสที ที่ต้องการพัฒนาตลาดทุนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล และสร้างโอกาสการเข้าถึงการลงทุนในหุ้นที่มีศักยภาพไปสู่ผู้ที่สนใจและนักลงทุนรุ่นใหม่ ๆ เราเชื่อมั่นว่าด้วยความเชี่ยวชาญและนวัตกรรมทางการเงินของทรูมันนี่จะมอบประสบการณ์การลงทุนในรูปแบบดิจิทัลที่สะดวกและปลอดภัยให้แก่นักลงทุนและคนรุ่นใหม่ได้ทันทีตั้งแต่วันที่เปิดจองซื้อหุ้น MAKRO อย่างเป็นทางการ”

นางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจสยามแม็คโคร (ธุรกิจค้าส่ง) กล่าวว่า “หลังจากที่ MAKRO รับโอนกิจการทั้งหมดของกลุ่มโลตัสส์แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2564 ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ยกระดับสู่การเป็นผู้ประกอบการชั้นนำด้านธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภคในภูมิภาคเอเชีย และช่วยให้บริษัทฯ สามารถใช้จุดแข็งและความเชี่ยวชาญของ MAKRO และกลุ่มโลตัสส์ขยายธุรกิจ เพื่อสนับสนุน SMEs ผู้ผลิตสินค้ารายย่อยของไทยผ่าน “แพลตฟอร์มแห่งโอกาส” เพื่อนำเสนอสินค้าไทยที่มีคุณภาพสู่ผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียและสร้างการยอมรับสู่ระดับสากล”

การจองซื้อหุ้นสามัญ กับ บล.เคทีบีเอสที พร้อมชำระเงินค่าจองซื้อหุ้นเป็นบริการทางการเงินใหม่ล่าสุดบนแอปฯ TrueMoney Wallet ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมจองซื้อหุ้น พร้อมชำระเงินค่าจองซื้อหุ้นผ่านระบบออนไลน์ได้ด้วยตนเอง และหุ้นสามัญที่ออกโดย บริษัท สยามแม็คโคร จํากัด (มหาชน) ถือเป็นหุ้นตัวแรกที่ผู้สนใจทั่วไปและลูกค้าทรูมันนี่สามารถทำการจองซื้อหุ้น พร้อมชำระเงินค่าจองซื้อผ่านแอปพลิเคชั่น TrueMoney Wallet โดยร่วมมือกับบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ในฐานะตัวแทนจำหน่ายหุ้น (Selling Agent) ทั้งนี้ การจัดสรรหุ้น MAKRO ให้แก่ผู้จองซื้อรายย่อยจะจัดสรรด้วยวิธี Small Lot First หรือผู้จองซื้อที่จำนวนขั้นต่ำได้รับการจัดสรรก่อน และดำเนินการจัดสรรหุ้นเป็นรอบ ๆ ให้แก่ผู้จองซื้อรายย่อยแต่ละรายจนกว่าหุ้นจะหมด ซึ่งจะดำเนินการโดยระบบคอมพิวเตอร์ของ Settrade

นอกเหนือจากบริการชำระเงินค่าจองซื้อหุ้นสามัญ MAKRO ที่เปิดตัวในครั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ทรูมันนี่ ได้ขยายบริการทางการเงินโดยเชื่อมต่อกับพันธมิตรซึ่งเป็นผู้ให้บริการลงทุนในกองทุนรวม บัญชีฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง ผู้ให้บริการสินเชื่อ และประกันประเภทต่าง ๆ โดยที่ผ่านมา บริการลงทุนในกองทุนรวมผ่านแอปฯ TrueMoney Wallet สามารถดึงดูดการลงทุนของนักลงทุนหน้าใหม่ได้มากถึง 70%

ผู้สนใจจองซื้อหุ้น MAKRO กับ บล.เคทีบีเอสที โดยชำระเงินค่าจองซื้อผ่าน TrueMoney Wallet สามารถเตรียมตัวให้พร้อมโดยการตรวจสอบในแอปฯ ว่า บัญชีทรูมันนี่ผ่านการ “ยืนยันตัวตนขั้นสูง” โดยการเสียบบัตรประชาชนที่ตู้ทรูมันนี่ หรือ 7-Eleven สาขาใกล้บ้านในกรุงเทพฯ และอีก 38 จังหวัด (ดูรายละเอียดการยืนยันตัวตนเพิ่มเติมที่ https://www.truemoney.com/kiosk-location-e-kyc/) รวมทั้งมีการเตรียมช่องทางชำระเงินที่พร้อมกดจ่ายเพื่อจองซื้อหุ้นได้ทันทีในวันเปิดจอง

เตรียมให้พร้อม! ก่อนวันเปิดจองซื้อหุ้น MAKRO จ่ายผ่าน TrueMoney Wallet

1) เตรียม “ยืนยันตัวตนขั้นสูง” โดยการเสียบ บัตรประชาชนที่ตู้ทรูมันนี่ หรือ 7-Eleven*

2) เตรียม “ช่องทางชำระเงิน” เพื่อกดจ่ายค่าจองซื้อหุ้นได้ทันทีไม่มีสะดุด

3 ขั้นตอน ตรวจสอบเองง่าย ๆ

    1. เลือกเมนู “ฉัน” ที่หน้า TrueMoney Wallet
    2. เลือกหัวข้อ “ระดับการยืนยันตัวตน”
    3. เช็คผลการตรวจสอบ
      3.1 หากปรากฏข้อความ “คุณผ่านการยืนยันตัวตนแล้ว ด้วยวิธีการเสียบบัตรประชาชนที่จุดให้บริการ และสแกนใบหน้า” แสดงว่า ‘ยืนยันตัวตนขั้นสูง’ สำเร็จ
      3.2 หากปรากฏข้อความ “คุณผ่านการยืนยันตัวตนแล้ว ด้วยวิธีการถ่ายรูปบัตรประชาชน และสแกนใบหน้า” แสดงว่าคุณ ‘ยืนยันตัวตนขั้นต้น’ เท่านั้น

3 ช่องทางชำระบนแอปฯ TrueMoney Wallet

    1. ชำระผ่านแอปพลิเคชั่น TrueMoney Wallet โดยตรง เพียงตรวจเช็คยอดเงินคงเหลือในบัญชีให้เพียงพอต่อการชำระค่าจองซื้อหุ้น “MAKRO” ในวันเปิดจอง
    2. ชำระผ่านการผูกบัญชีธนาคารต่าง ๆ กับแอปฯ TrueMoney Wallet เพื่อตัดชำระค่าจองซื้อได้ทันที
    3. ชำระผ่านบัญชีธนาคาร KKP Start Savings (บัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูง 2%) ในแอปฯ TrueMoney Wallet ด้วยการตัดยอดเงินฝากโดยตรง
True money x Makro

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจองซื้อหุ้น Makro กับ บล.เคทีบีเอสที โดยจ่ายผ่าน TrueMoney Wallet ได้ทาง https://www.truemoney.com/po-makro รวมถึงศึกษาหนังสือชี้ชวนสำหรับการเสนอขายหุ้น MAKRO ซึ่งจะมีการเผยแพร่ในเร็ว ๆ นี้ ได้ทาง https://www.siammakro.co.th/prospectus.php

หมายเหตุ

    • บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST SEC เป็น ตัวแทนจำหน่ายหุ้น (Selling Agent) เสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ผู้จองซื้อรายย่อย โดย TrueMoney Wallet เป็นเพียงหนึ่งในช่องทางชำระเงินเพื่อจองซื้อหุ้นสามัญของ MAKRO เท่านั้น
    • ผู้ลงทุนจะสามารถจองซื้อหลักทรัพย์ได้ทันทีเมื่อมีการเปิดให้จองซื้อ เฉพาะ “ผู้ที่มีระดับยืนยันตัวตนขั้นสูง” ด้วยบัตรประชาชนแล้วเท่านั้น
    • ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    • ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับการจัดสรรหุ้น หากคุณสมบัติของผู้ลงทุนไม่เข้าเงื่อนไขตามที่กำหนดไว้
    • เอกสารฉบับนี้ไม่ใช่หนังสือชี้ชวนสำหรับการเสนอขายหลักทรัพย์ และไม่ถือเป็น หรือประกอบเป็นส่วนหนึ่งของคำเสนอเพื่อออกหรือขายหลักทรัพย์ หรือคำเชิญชวนเพื่อให้ได้มา ซื้อ หรือ จองซื้อ หลักทรัพย์ใดในประเทศใด และไม่ควรยึดถือเอกสารหรือข้อมูลของเอกสารฉบับนี้ในการตัดสินใจที่จะจองซื้อ หรือได้มาซึ่งหลักทรัพย์ใด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เอกสารฉบับนี้ไม่ถือเป็น หรือประกอบเป็นส่วนหนึ่งของคำเสนอเพื่อออกหรือขายหลักทรัพย์ หรือคำเชิญชวนเพื่อให้ได้มา ซื้อ หรือ จองซื้อ หลักทรัพย์ใดในอาณาเขตที่ถูกจำกัด หรือในประเทศอื่นใดซึ่งคำเสนอหรือคำเชิญชวนดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
    • การเสนอขายหลักทรัพย์จะกระทำได้ก็ต่อเมื่อแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนที่ได้ยื่นต่อสำนักงาน ก.ล.ต. มีผลใช้บังคับแล้ว และได้จัดส่งหรือแจกจ่ายหนังสือชี้ชวนให้แก่ผู้ลงทุนแล้ว
    • เอกสารฉบับนี้ไม่ได้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการแจกจ่าย ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ภายในหรือเข้าไปในประเทศสหรัฐอเมริกา (รวมถึงอาณาเขตและพื้นที่ซึ่งอยู่ในการปกครองของประเทศสหรัฐอเมริกา รัฐใดในประเทศสหรัฐอเมริกา และเขตปกครองพิเศษโคลัมเบีย (District of Columbia)) ญี่ปุ่น มาเลเซีย สาธารณรัฐประชาชนจีน อินเดีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ เนเธอร์แลนด์ เมียนมาร์ เอสโตเนีย ปากีสถาน ลาว ไต้หวัน ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย และแคนาดา หรือประเทศอื่นใดที่อาจทำให้การแจกจ่ายเอกสารดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คนหาบ้านต้องรู้ เช็กพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมบ่อยในกรุงเทพฯ ก่อนคิดซื้อบ้าน

DDproperty

คนหาบ้านต้องรู้ เช็กพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมบ่อยในกรุงเทพฯ ก่อนคิดซื้อบ้าน

น้ำท่วมเป็นปัญหาที่คนกรุงฯ อิดหนาระอาใจมายาวนาน แม้จะมีการพยายามวางระบบเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ แต่ปัญหานี้ก็ยังคงเป็นเรื่องกวนใจในชีวิตความเป็นอยู่ของคนในปัจจุบัน เมื่อพิจารณาลักษณะทางกายภาพร่วมกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate change) ทำให้มีการคาดการณ์ว่าในอนาคตกรุงเทพฯ จะมีโอกาสจมน้ำ เห็นได้จากรายงานความเสียหายทางเศรษฐกิจที่คาดการณ์จากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลแบบสภาวะสุดขีดใน 7 เมืองของเอเชียภายในปี พ.ศ. 2573 ของกรีนพีซ เผยว่า สภาพภูมิศาสตร์ของกรุงเทพฯ เป็นที่ลุ่มต่ำที่เสี่ยงน้ำท่วมหากระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้น ภายในปี พ.ศ. 2573 สอดคล้องกับรายงาน Turn Down the Heat: Climate Extremes, Regional Impacts, and the Case for Resilience ของธนาคารโลก ที่คาดว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะทำให้พื้นที่กรุงเทพฯ มีโอกาสจมน้ำภายในปี พ.ศ. 2573 เช่นเดียวกัน ดังนั้น ปัญหาน้ำท่วมขังที่มีแนวโน้มขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ จึงสร้างความกังวลให้ผู้บริโภคมองว่าธรรมชาติกำลังส่งสัญญาณบอกให้ทุกคนเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่ใกล้เข้ามา

ถอดรหัสทำไมกรุงเทพฯ กลายเป็นเมืองน้ำมาก

    • ความเจริญอย่างรวดเร็วเปลี่ยนพื้นที่รับน้ำ การพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและระบบคมนาคมเพื่อรองรับการเป็นเมืองหลวงส่งผลให้เกิดการกระจุกตัวของแหล่งงาน สถานศึกษา และการลงทุนของภาคธุรกิจ นอกจากนี้ การเร่งพัฒนาของเมืองทำให้พื้นที่ที่เคยเป็นพื้นที่รับหรือระบายน้ำลดน้อยลง และถูกแทนที่ด้วยสิ่งปลูกสร้าง จึงเกิดปัญหาน้ำท่วมขังได้ง่ายกว่าในอดีต
    • ท่อระบายน้ำเล็กเกินไปและมักอุดตัน ระบบท่อระบายน้ำในกรุงเทพฯ ออกแบบมาเพื่อรองรับน้ำฝนในปริมาณที่ฝนตกไม่เกิน 60 มิลลิเมตร/ชั่วโมงเท่านั้น แต่ปัจจุบันฝนที่ตกลงมามีปริมาณมากกว่า 100 มิลลิเมตร/ชั่วโมง จึงทำให้ไม่สามารถระบายน้ำได้ทัน และยังมีปัญหาท่อระบายน้ำอุดตันจากการสะสมของเศษขยะ ซึ่งกรุงเทพมหานครได้พยายามหาแนวทางในการแก้ไขปัญหา เช่น กำหนดให้มีการวางท่อระบายน้ำขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.20 เมตร เมื่อมีการสร้างหรือปรับปรุงถนนใหม่ รวมถึงการก่อสร้างท่อลอด Pipe Jacking จะใช้ท่อระบายน้ำขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.20 เมตร รวมทั้งสร้างอุโมงค์ระบายน้ำ และลอกท่อระบายน้ำอย่างสม่ำเสมอ
    • พื้นดินทรุดตัวต่อเนื่อง การสูบน้ำบาดาลขึ้นมาใช้อุปโภคบริโภคและอุตสาหกรรมมาเป็นเวลายาวนานส่งผลให้ชั้นดินค่อย ๆ ยุบตัวจนเกิดแผ่นดินทรุดตัวสะสม ทำให้ลักษณะทางกายภาพของกรุงเทพฯ เป็นแอ่งกระทะเมื่อมีฝนตกหนักจึงท่วมขังได้ง่าย จนมีการบังคับใช้กฎหมายควบคุมการใช้น้ำบาดาลในปี พ.ศ. 2540 การทรุดตัวจึงชะลอลง แต่ระดับความสูงต่ำของแต่ละเขตยังคงแตกต่างกันอยู่ เห็นได้จากผลการศึกษาสำรวจของสำนักนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ปี พ.ศ. 2544 รายงานว่าสถานการณ์โดยรวมของแผ่นดินทรุดในเขตกรุงเทพฯ ดีขึ้น มีอัตราการทรุดตัวอยู่ที่ประมาณปีละ 1 เซนติเมตร ยกเว้นเขตดอนเมืองที่มีอัตราการทรุดตัวอยู่ระหว่าง 3-5 เซนติเมตรต่อปี และเขตหนองจอกมีอัตราการทรุดตัวอยู่ระหว่าง 2-3 เซนติเมตรต่อปี
    • ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเล ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้แต่ละพื้นที่มีความเสี่ยงต่อน้ำท่วมไม่เท่ากัน จากข้อมูลของกรมแผนที่ทหาร พบว่า พื้นที่ในกรุงเทพฯ สูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลางเพียงประมาณ 1-1.5 เมตร ถือว่ามีระดับที่ไม่สูงมากนัก
DDproperty Info_Flood areas in Bangkok
    • Climate change ดันระดับน้ำทะเลหนุนสูง มักเกิดในพื้นที่ราบลุ่มที่อยู่ไม่ไกลจากปากอ่าวหรือทะเล ระดับน้ำในแม่น้ำจะได้รับอิทธิพลน้ำขึ้น-น้ำลงเนื่องมาจากระดับน้ำทะเลหนุนตลอดเวลา ในช่วงเวลาที่น้ำทะเลหนุนสูงเมื่อรวมกับมวลน้ำเหนือจากลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงฤดูฝนจึงทำให้เกิดน้ำท่วมในชุมชนริมแม่น้ำเสมอ คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคาดการณ์ว่า ก่อนปี พ.ศ. 2593 กว่า 600 ล้านคนทั่วโลกที่อาศัยในที่ราบลุ่มอาจต้องเผชิญกับน้ำท่วมชายฝั่งซึ่งเป็นผลมาจากระดับน้ำในมหาสมุทรที่เพิ่มขึ้น

อัปเดตเทรนด์ความต้องการที่อยู่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม-น้ำทะเลหนุนสูง
ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) เว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย เผยทำเลเสี่ยงน้ำท่วมและทำเลเสี่ยงน้ำทะเลหนุนสูง พร้อมอัปเดตความสนใจซื้อ-เช่าที่อยู่อาศัยจากข้อมูลผู้เข้าเยี่ยมชมในเว็บไซต์ DDproperty.com ในเดือนตุลาคม 2564 รวมทั้งแนวโน้มดัชนีราคาและดัชนีอุปทาน เพื่อสะท้อนทิศทางความต้องการที่อยู่อาศัยที่น่าสนใจในทำเลเหล่านี้

ทำเลเสี่ยงน้ำท่วม แต่แนวโน้มราคายังบวก
ทำเลเสี่ยงน้ำท่วมส่วนใหญ่ (ข้อมูลจากกรุงเทพมหานคร) เมื่อพิจารณาแนวโน้มราคาอสังหาฯ พบว่า มีการปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อนหน้า ในขณะที่ความสนใจซื้อ-เช่ายังคงสูง

    • แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ มีความสนใจซื้อในเดือนตุลาคมสูงถึง 72% จากความสนใจซื้อโดยรวมของเขต ถือว่าสูงที่สุดเมื่อเทียบกับทำเลเสี่ยงน้ำท่วมอื่น ๆ ในขณะที่ความสนใจเช่าสูงถึง 57% แนวโน้มราคาอสังหาฯ ยังคงทรงตัวจากปีก่อนหน้า ส่วนจำนวนอุปทานเพิ่มขึ้น 29% จากรอบปีก่อน (YoY) มีสัดส่วนอุปทานอยู่ที่ 67% ของอุปทานโดยรวมของเขตบางซื่อ โดยทำเลนี้ได้อานิสงส์จากการเปิดให้บริการของรถไฟสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน, ช่วงบางซื่อ-รังสิต และใกล้สถานีกลางบางซื่อ ทำให้ความสนใจซื้อ-เช่ายังคงอยู่ในอัตราที่สูง
    • แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร ความสนใจซื้อและเช่าที่อยู่อาศัยของทำเลนี้มีสัดส่วน 22% เท่ากัน เมื่อเทียบกับความสนใจซื้อและเช่าโดยรวมของเขต ด้านแนวโน้มราคาอสังหาฯ ยังเติบโต โดยเพิ่มขึ้น 7% YoY ด้านอุปทานเพิ่มขึ้นถึง 75% YoY จำนวนอุปทานคิดเป็นสัดส่วน 16% ของอุปทานทั้งหมดในเขตจตุจักร
    • แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ ความสนใจซื้อและเช่าที่อยู่อาศัยในทำเลนี้ยังคงมีสัดส่วนสอดคล้องกัน โดยความสนใจซื้อสูงถึง 61% เมื่อเทียบกับความสนใจซื้อโดยรวมของเขต ส่วนความสนใจเช่าสูงถึง 59% เมื่อเทียบกับความสนใจเช่าโดยรวมของเขตเช่นกัน ด้านแนวโน้มราคาเพิ่มขึ้น 1% YoY ในขณะที่แนวโน้มอุปทานเพิ่มขึ้น 14% YoY มีสัดส่วนอุปทานอยู่ที่ 67% ของอุปทานโดยรวมของเขตหลักสี่
    • แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน มีความสนใจซื้อคิดเป็นสัดส่วน 51% เมื่อเทียบกับความสนใจซื้อโดยรวมของเขต ด้านความสนใจเช่ามีสัดส่วนอยู่ที่ 60% เมื่อเทียบกับความสนใจเช่าโดยรวมของเขต ในส่วนแนวโน้มราคาอสังหาฯ เพิ่มขึ้น 5% YoY ด้านแนวโน้มอุปทานเพิ่มขึ้น 16% YoY มีสัดส่วนอุปทานอยู่ที่ 60% ของอุปทานโดยรวมของเขตบางขุนเทียน
    • แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค มีความสนใจซื้อคิดเป็นสัดส่วน 24% เมื่อเทียบกับความสนใจซื้อโดยรวมของเขต ด้านความสนใจเช่ามีสัดส่วน 20% จากความสนใจเช่าโดยรวมของเขต โดยแนวโน้มราคาเพิ่มขึ้น 5% YoY ด้านแนวโน้มอุปทานเพิ่มขึ้น 43% YoY มีสัดส่วนอุปทานอยู่ที่ 29% ของอุปทานโดยรวมของเขตบางแค

ทำเลเสี่ยงน้ำทะเลหนุน แนวโน้มราคาพุ่ง
ด้านแนวโน้มราคาที่อยู่อาศัยในทำเลเสี่ยงน้ำทะเลหนุนยังคงมีทิศทางเติบโต เช่นเดียวกับแนวโน้มอุปทาน

    • แขวงจักรวรรดิ์ เขตสัมพันธวงศ์ พบว่าความสนใจซื้อมีสัดส่วนอยู่ที่ 54% เมื่อเทียบกับความสนใจซื้อโดยรวมของเขต ในขณะที่ความสนใจเช่ามีสัดส่วนเพียง 14% เท่านั้นเมื่อเทียบกับความสนใจเช่าโดยรวมของเขต ด้านแนวโน้มราคาและแนวโน้มอุปทานเพิ่มขึ้นเท่ากันที่ 29% YoY โดยมีสัดส่วนอุปทานอยู่ที่ 38% ของอุปทานโดยรวมของเขตสัมพันธวงศ์
    • แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด ความสนใจซื้อและเช่ามีสัดส่วนในระดับไล่เลี่ยกัน โดยความสนใจซื้ออยู่ที่ 32% เมื่อเทียบกับความสนใจซื้อโดยรวมของเขต ส่วนความสนใจเช่าอยู่ที่ 31% เมื่อเทียบกับความสนใจเช่าโดยรวมของเขต ด้านแนวโน้มราคาเพิ่มขึ้น 5% YoY ส่วนแนวโน้มอุปทานเพิ่มขึ้น 38% YoY มีสัดส่วนอุปทานอยู่ที่ 26% ของอุปทานโดยรวมของเขตบางพลัด
    • แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรี มีความสนใจซื้อเป็นสัดส่วนอยู่ที่ 35% เมื่อเทียบกับความสนใจซื้อโดยรวมของเขต ส่วนความสนใจเช่าอยู่ที่ 23% เมื่อเทียบกับความสนใจเช่าโดยรวมของเขต ในขณะที่แนวโน้มราคาทรงตัวจากรอบปีก่อนหน้า ส่วนแนวโน้มอุปทานเพิ่มขึ้น 25% YoY มีสัดส่วนอุปทานอยู่ที่ 34% ของอุปทานโดยรวมของเขตธนบุรี

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากผังเมืองกรุงเทพฯ พบว่า ทำเลเสี่ยงน้ำท่วมและเสี่ยงน้ำทะเลหนุนส่วนใหญ่ถูกกำหนดให้เป็นที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยซึ่งมีความหนาแน่นของการอยู่อาศัยปานกลางและสูง รวมทั้งมีที่ดินประเภทพาณิชยกรรมด้วย ดังนั้น คาดว่าในอนาคตผู้พัฒนาอสังหาฯ จะเดินหน้าพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับความต้องการผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากทำเลเหล่านี้ยังมีศักยภาพในการเติบโตอยู่ไม่น้อย

จากข้อมูลผู้เข้าเยี่ยมชมในเว็บไซต์ DDproperty.com พบว่า คอนโดมิเนียมติดอันดับหนึ่งประเภทที่อยู่อาศัยที่มีความสนใจซื้อในทำเลเสี่ยงน้ำท่วมและเสี่ยงน้ำทะเลหนุนในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา (ระหว่างเดือนสิงหาคม-ตุลาคม 2564) ตามมาด้วยที่ดิน และบ้านเดี่ยว จากการที่ที่ดินติด 1 ใน 3 ประเภทของอสังหาฯ ที่ได้รับความสนใจซื้อมากที่สุด สะท้อนให้เห็นว่า แม้ทำเลเหล่านี้จะเสี่ยงต่อการเผชิญปัญหาน้ำท่วมขัง แต่ยังคงมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในมุมผู้ประกอบการและผู้บริโภคแล้วมองเห็นศักยภาพในการนำที่ดินไปพัฒนาโครงการต่าง ๆ ในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคสามารถเสริมความมั่นใจก่อนเลือกซื้อบ้าน โดยตรวจสอบข้อมูลพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมในกรุงเทพฯ ได้จากเว็บไซต์กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย หรือสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)

อาลีบาบา คลาวด์ เผยนวัตกรรมที่ใช้ในมหกรรมช้อปปิ้งระดับโลก 11.11 เน้นการทำธุรกรรมซื้อขายอย่างยั่งยืน และ เข้าถึงคนทุกกลุ่ม

Alibaba Cloud

อาลีบาบา คลาวด์ เผยนวัตกรรมที่ใช้ในมหกรรมช้อปปิ้งระดับโลก 11.11 เน้นการทำธุรกรรมซื้อขายอย่างยั่งยืน และ เข้าถึงคนทุกกลุ่ม

    • เป็นครั้งแรกที่ธุรกรรมในมหกรรมช้อปปิ้งระดับโลกใช้งานบนระบบคลาวด์ 100%
    • ลดการใช้ทรัพยากรด้านการประมวลผลลงครึ่งหนึ่งในการทำธุรกรรมทุก ๆ 10,000 รายการเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
    • ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 26,000 ตัน ด้วยการใช้พลังงานหมุนเวียน
Alibaba Cloud2

อาลีบาบา คลาวด์ ธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและหน่วยงานหลักด้านอินเทลลิเจนซ์ของอาลีบาบา กรุ๊ป ได้ยกระดับระบบและการดำเนินงานทั้งหมดของอาลีบาบา กรุ๊ป ขึ้นไปทำงานบนระบบคลาวด์อย่างเต็มรูปแบบ ก่อนมหกรรมช้อปปิ้งครั้งใหญ่ที่สุดในโลกจะเริ่มขึ้น ได้มีการนำเทคโนโลยีคลาวด์-เนทีฟ (Cloud Native) ต่าง ๆ มาใช้ในช่วง 11.11 ซึ่งเป็นมหกรรมช้อปปิ้งระดับโลก ซึ่งช่วยลดการใช้ทรัพยากรด้านการประมวลผลลงได้ 50% ต่อธุรกรรมทุก ๆ 10,000 รายการเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา นอกจากนี้การประมวลผลมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยที่ประสิทธิภาพในการใช้เทคโนโลยีเพิ่มขึ้น 20% และการใช้ทรัพยากรที่เป็นหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 30%

หลี่ เจิ้ง หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยี อาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวว่า “เรามีพันธะสัญญาในการนำเสนอ ‘สมรรถนะด้านการประมวลผลที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม’ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ที่ต้องการใช้ระบบดิจิทัลที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่ำ และเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืนทั่วถึงและครบทุกด้าน มหกรรมช้อปปิ้งระดับโลก 11.11 ของอาลีบาบา กรุ๊ป นับเป็นโอกาสสำคัญในการขับเคลื่อนการให้บริการต่าง ๆ ของเราอย่างต่อเนื่องด้วยเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และนวัตกรรมที่ทำงานอย่างอัจฉริยะ เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่สามารถให้บริการลูกค้าในทุกอุตสาหกรรมและทุกภาคส่วนได้มากขึ้นด้วยเทคโนโลยีเหนือชั้นที่ได้รับการทดสอบแล้วเหล่านี้

ใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมคลาวด์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจับจ่ายใช้สอยที่ยั่งยืน

อาลีบาบา คลาวด์ ใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (green technology) เช่น ไฮเปอร์-สเกล ดาต้าเซ็นเตอร์ (Hyperscale Data center) ของอาลีบาบา คลาวด์ มีการใช้ระบบระบายความร้อนด้วยสารเหลวและพลังงานลม เพื่อให้ 11.11 เป็นมหกรรมช้อปปิ้งที่มาพร้อมกับความยั่งยืนมากขึ้น และในปีนี้ การใช้พลังงานหมุนเวียนในดาต้าเซ็นเตอร์ของอาลีบาบาที่เมืองจางเป่ย ได้ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้มากกว่า 26,000 ตัน ซึ่งเทียบเท่ากับปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่ต้นไม้จำนวนหนึ่งล้านต้นดูดซับต่อปี

การนำ Hanguang 800 ซึ่งเป็นชิป AI inference ตัวแรกที่อาลีบาบา คลาวด์ ทำขึ้นเองและเปิดตัวเมื่อปี 2562 มาใช้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหาผลิตภัณฑ์และการแนะนำสินค้าต่าง ๆ ระหว่างมหกรรม 11.11 เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ประสิทธิภาพของอัลกอริธึมในฟังก์ชันการค้นหาบนตลาดซื้อขายสินค้าออนไลน์หรือ e-Marketplace Taobao เพิ่มขึ้นถึง 200% และลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้ 58%

นอกจากนี้ ได้มีการนำ M6 ซึ่งเป็นโมเดล AI ขนาดใหญ่ของอาลีบาบาคลาวด์ มาใช้งานเป็นครั้งแรกในช่วงมหกรรมช้อปปิ้งปีนี้ ซึ่งสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการที่ต้องใช้ AI ได้อย่างมาก เช่น การออกแบบเครื่องแต่งกายโดยอาศัย AI และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับสายการผลิต โดย M6 ช่วยลดระยะเวลาที่ใช้ในการออกแบบเสื้อผ้าใหม่ ๆ จากเดิมที่ต้องใช้เวลาหลายเดือน เหลือเพียงไม่ถึง 2 สัปดาห์ จึงเป็นที่คาดการณ์ได้ว่างานออกแบบที่ใช้ M6 ควบคู่กับการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จะช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่เกิดจากการผลิตเสื้อยืดได้กว่า 30% เลยทีเดียว

เปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงการช้อปปิ้ง

อาลีบาบาคลาวด์มุ่งมั่นที่จะช่วยให้ร้านค้าสามารถนำเสนอประสบการณ์ช้อปปิ้งออนไลน์ที่ดึงดูดใจและเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่มมากขึ้น โดยอาศัยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย

มีการนำเทคโนโลยีการจดจำเสียงพูด (speech recognition) ที่พัฒนาโดย Alibaba DAMO Academy มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของโหมดการใช้งานสำหรับผู้สูงวัย หรือ ‘senior mode’ ในแอปพลิเคชัน Taobao เทคโนโลยีนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้สูงวัยในจีนที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถปรับตัวใช้รูปแบบการดำเนินชีวิตแบบดิจิทัลได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ได้มีการติดตั้ง Taoxiaobao ซึ่งเป็นผู้ช่วยอัจริยะที่สั่งงานด้วยเสียงที่ใช้อัลกอลิธึมของ DAMO ในการจดจำเสียงพูดไว้ใน ‘senior mode’ ของ Taobao เพื่อรองรับการค้นหาด้วยเสียงพูด ทั้งนี้ Taoxiaobao สามารถจดจำคำสั่งเสียงที่เป็นภาษาจีนสำเนียงท้องถิ่นได้หลากหลาย มีความแม่นยำสูง แม้กระทั่งในกรณีที่มีเสียงรบกวนรอบข้างที่ซับซ้อน ทั้งยังช่วยให้ผู้ใช้งานไม่ต้องพิมพ์ป้อนข้อความด้วยตนเอง เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ติดขัดด้านการพิมพ์ข้อความบนอุปกรณ์มือถือเป็นอย่างมาก

ในช่วงมหกรรมช้อปปิ้งปีนี้ ยังมีการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ “การค้นหายาด้วยภาพ” ในแอปพลิเคชัน Taobao ซึ่งนับว่ามีประโยชน์สำหรับผู้สูงอายุ กล่าวคือ ผู้ใช้จะสามารถค้นหายาที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ด้วยการถ่ายหรือสแกนภาพบรรจุภัณฑ์หรือขวดยาโดยใช้ Pailitao ซึ่งเป็นเอนจิ้น การค้นหาภาพของแอป Taobao การค้นหาสินค้าโดยใช้ภาพถ่ายช่วยให้ผู้สูงวัยไม่ต้องพิมพ์ชื่อยาที่ยาวหรือซับซ้อน ผลลัพธ์การค้นหาจะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับยาและสรรพคุณ การค้นหาสินค้าในระบบที่ใหญ่และซับซ้อนนี้ โดยอาศัยเทคโนโลยี AI แบบ Multi-modal ซึ่งบูรณาการเทคโนโลยี Optical Character Recognition (OCR) สำหรับการจดจำข้อความในรูปภาพ และช่วยเพิ่มความแม่นยำในการประมวลผลภาพถ่ายยา Taobao ได้ผนวกรวมเทคโนโลยี OCR เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2561 โดยทำหน้าที่ประมวลผลรูปภาพหลายล้านรูป เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ช้อปปิ้งให้กับผู้ใช้ที่มีความบกพร่องทางการมองเห็น

ประยุกต์ใช้งานนวัตกรรมอย่างเป็นรูปธรรม

มีการนำหุ่นยนต์ขนส่งสินค้า “Xiaomanlv” ของอาลีบาบาไปใช้งานในกว่า 200 เขตพื้นที่ทั่วประเทศจีน เพื่อรองรับการจัดส่งสินค้าในช่วงมหกรรมช้อปปิ้งของปีนี้ โดยยานพาหนะหุ่นยนต์ขนส่ง Xiaomanlv จำนวน 350 คันได้นำส่งสินค้ากว่า 1 ล้านชิ้นถึงมือผู้รับในช่วง 10 วันแรกของมหกรรม ช้อปปิ้งนี้ แซงหน้าปริมาณการจัดส่งสินค้าทั้งหมดในช่วง 12 เดือนนับตั้งแต่ที่มีการเปิดตัวหุ่นยนต์ขนส่งเมื่อเดือนกันยายน 2563

เครื่องมือต่าง ๆ ที่พัฒนาโดย DAMO ทำหน้าที่แปลภาษาของข้อมูลสินค้าหลายสิบล้านรายการเพื่อรองรับการซื้อขายระหว่างประเทศในช่วงมหกรรมช้อปปิ้งครั้งนี้ และในขณะเดียวกัน DingTalkซึ่งเป็นแพลตฟอร์การทำงานร่วมกันผ่านระบบดิจิทัลของอาลีบาบา ได้ทำการประมวลผลข้อความมากถึง 606,900 ข้อความต่อวินาทีในช่วงที่มีการใช้งานสูงสุดระหว่างที่จัดมหกรรมช้อปปิ้งในปีนี้โดยเป็นการรองรับการติดต่อสื่อสารอย่างฉับไวและราบรื่นให้กับผู้ใช้บนแอปต่าง ๆ มากกว่า 30 แอปในระบบนิเวศ (ecosystem) ของอาลีบาบา

ทรูมันนี่เปิดแคมเปญ “ชีวิตสนุกแน่ แค่ลดหย่อนภาษี” รับโค้งสุดท้ายของปี

TrueMoney_Tax campaign

ทรูมันนี่เปิดแคมเปญ “ชีวิตสนุกแน่ แค่ลดหย่อนภาษี” รับโค้งสุดท้ายของปี

ทรูมันนี่เปิดแคมเปญ “ชีวิตสนุกแน่ แค่ลดหย่อนภาษี” รับโค้งสุดท้ายของปี

ทรูมันนี่ ผู้นำด้านบริการอิเล็กทรอนิกส์เพย์เมนท์ชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จับมือพันธมิตร เปิดแคมเปญ “ชีวิตสนุกแน่ แค่ลดหย่อนภาษี” (Tax Refund to Me Fun) ชวนลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีรับโค้งสุดท้ายปี 64 แบบ Cashless ผ่านแอปพลิเคชั่น TrueMoney Wallet อาทิ บริการลงทุนกองทุนรวมทั้ง SSF หรือ RMF และแผนประกันรูปแบบต่าง ๆ พร้อมฟีเจอร์ช่วยคำนวณวางแผนลดหย่อนภาษี รวมถึงแนะนำการเลือกซื้อประกันฯ/กองทุนรวมที่เหมาะสมและคุ้มค่ากับเงินในกระเป๋า ตบท้ายด้วยการมอบโปรคุ้มเพื่อให้มีเงินเหลือไปใช้ชีวิตสนุกสุด FUN ต้อนรับมาตรการคลายล็อกเปิดประเทศ

เพียงเข้าไปที่แอปฯ TrueMoney Wallet และไปที่แถบเมนู “บริการทางการเงิน” และเลือกไอคอน “ลดหย่อนภาษี” ก็สามารถเข้าถึงระบบคำนวณและวางแผนลดหย่อนภาษีได้ง่ายๆ พร้อมเลือกบริการที่จะช่วยคุณลดหย่อนภาษีแบบครบจบในที่เดียว 2 กลุ่มบริการที่จะมอบชีวิตสนุกสุด FUN ให้คุณ 5 สไตล์ ดังนี้

1) กองทุนรวม SSF หรือ RMF
ทรูมันนี่ จับมือ บลน. แอสเซนด์ เวลธ์ เปิดโอกาสให้คุณลงทุนในกองทุนรวม SFF หรือ RMF สำหรับลงทุนและลดหย่อนภาษีง่าย ๆ แถมไม่ต้องควักเงินในกระเป๋าออกมาใช้ก่อน เพราะสามารถจ่ายด้วยบัตร Mastercard ของทุกธนาคาร ผ่าน TrueMoney Wallet เมื่อซื้อหน่วยลงทุน SSF หรือ RMF ของ บลจ. ยูโอบี, บลจ. พรินซิเพิล และ บลจ. เอ็มเอฟซี และชำระตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป

1.1 FUN แบบได้เงินก้อน กับกองทุนเพื่อการออม (Super Saving Fund หรือ SSF) ที่ไม่ต้องซื้อทุกปี แต่ถืออย่างน้อย 10 ปี ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 200,000 บาท

1.2 FUN หลังเกษียณ กับกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund หรือ RMF) ที่มีให้ซื้อต่อเนื่อง ถือยาว ๆ ถึงอายุ 55 ปี นำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 500,000 บาท

พิเศษ! ชำระเพื่อซื้อกองทุน SFF หรือ RMF ตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไปกับ บลน. แอสเซนด์ เวลธ์ ผ่านแอปฯ TrueMoney Wallet ตั้งแต่วันนี้ – 30 ธ.ค. ศกนี้ รับหน่วยลงทุนหรือเงินคืนมูลค่า 0.2%* ของเงินลงทุน

2) ประกันฯ ที่ให้ทั้งความคุ้มครองและผลตอบแทนในอนาคต
ทรูมันนี่ วอลเล็ท จับมือพันธมิตรนำเสนอแผนประกันที่ให้ทั้งความคุ้มครองชีวิตสุด FUN และช่วยลดหย่อนภาษี พร้อมจัดเต็มโปรโมชั่นต่าง ๆ ดังนี้

2.1 FUN แบบชัวร์ไม่กลัวมะเร็ง : ประกันมะเร็งแบบ เจอ จ่าย จบ จาก MSIG เบี้ยเริ่มต้นเพียง 625 บาท/ปี จะช่วยให้การใช้ชีวิตนิวนอร์มัลได้อย่างเต็มที่ ค่าเบี้ยคงที่ตลอดชีพ ให้คุณใช้ชีวิตได้เต็มที่ พิเศษ! รับ E-Voucher จาก Starbuck สูงสุด 300 บาท เมื่อชำระเบี้ยเพื่อซื้อแผนประกันมูลค่ามากกว่า 10,000 บาท ขึ้นไป

2.2 FUN แบบไม่เป็นภาระในปีถัดไป : ประกันสะสมทรัพย์จากเมืองไทยประกันภัย จ่ายครั้งเดียวในปีแรก คุ้มครองนาน 11 ปี ลดหย่อนภาษีสูงสุด 100,000 บาท สำหรับใครที่ไม่ต้องการความยุ่งยากและไม่ต้องการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายรายปี ในปีถัด ๆ ไปจะได้จัดสรรเงินไปใช้ชีวิตสุด FUN ได้ พิเศษ! ชำระเพื่อซื้อแผนประกันสะสมทรัพย์จากเมืองไทยประกันภัยผ่าน TrueMoney Wallet วันนี้ รับเงินคืนสูงสุดถึง 1,000 บาท*

2.3 FUN ได้เต็มที่เมื่อมีประกันสุขภาพ : ประกันสุขภาพ Top-up สำหรับพนักงานบริษัทเติมเต็มสุขภาพดีไม่กลัวโรคภัยจาก Generali คุ้มครองครบ OPD & IPD ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด อีก 25,000 บาท เพิ่มความคุ้มครองในการรักษาพยาบาลและเหตุฉุกเฉินตามจริง เบี้ยประหยัดถึง 13.4%* เมื่อมีประกันกลุ่ม ท่ามกลางภาวะโรคระบาดมีไว้อุ่นใจกว่า พิเศษ! ชำระเพื่อซื้อประกันสุขภาพ Top-Up จากเจนเนอราลี่ (Generali) ผ่านแอปฯ TrueMoney Wallet รับเงินคืนสูงสุดถึง 900 บาท*

คลิกอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.truemoney.com/taxsaving/

หมายเหตุ*

    • เงื่อนไขการรับสิทธิประโยชน์เป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
    • เงื่อนไขการใช้บัตรเครดิตจะเป็นไปตามที่บริษัทฯ และบริษัทบัตรเครดิตกำหนด

IDC จัดให้ Infor เป็นผู้นำในรายงาน IDC MarketScape ด้านการให้บริการ SaaS และโซลูชัน ERP ที่ใช้งานบนคลาวด์ สำหรับอุตสาหกรรมการผลิตในเอเชียแปซิฟิก 2021

infor

IDC จัดให้ Infor เป็นผู้นำในรายงาน IDC MarketScape ด้านการให้บริการ SaaS และโซลูชัน ERP ที่ใช้งานบนคลาวด์ สำหรับอุตสาหกรรมการผลิตในเอเชียแปซิฟิก 2021

Infor ได้รับการยอมรับด้าน SaaS และโซลูชันคลาวด์ ERP เฉพาะทางสำหรับอุตสาหกรรมแต่ละประเภท

อินฟอร์ (Infor) บริษัทผู้ให้บริการด้านคลาวด์ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมแต่ละประเภท ประกาศว่าบริษัทได้รับการจัดให้เป็นผู้นำในรายงาน IDC MarketScape: Asia/Pacific Manufacturing Cloud Enterprise Resource Planning 2021 Vendor Assessment report (doc #AP46741021, July 2021) รายงาน IDC MarketScape เป็นการประเมินผู้ขายเทคโนโลยีด้วยกรอบการประเมินที่ครอบคลุมและเข้มงวด ซึ่งจะพิจารณาถึงเกณฑ์การประเมินที่สำคัญ เช่น ความสามารถในการใช้งานข้ามแอปพลิเคชันและการรวมการทำงานเข้าไว้ด้วยกัน การอยู่ในตลาดตามภูมิภาคต่าง ๆ ราคาและรูปแบบของการปรับใช้งาน รวมถึงการให้บริการลูกค้า เกณฑ์ในการพิจารณาเจ้าของเทคโนโลยีแต่ละรายยังรวมถึงครอบคลุมอุตสาหกรรมใดบ้าง เริ่มตั้งแต่ขอบเขตของการให้บริการ ฟังก์ชันการใช้งาน ความสามารถด้านนวัตกรรม และความพึงพอใจของลูกค้า

คุณสเตฟานี คริชนัน Associate Vice President IDC Asia/Pacific กล่าวว่า “รายงาน IDC MarketScape for Asia/Pacific Manufacturing Cloud ERP ตอบคำถามเกี่ยวกับขีดความสามารถของผู้จำหน่ายเทคโนโลยีในภูมิภาค เพื่อสนับสนุนบริษัทผู้ผลิตให้เติบโตไปตามเส้นทางอุตสาหกรรม 4.0 จากข้อมูลของเรา การลงทุนด้าน ERP ถือเป็นเทคโนโลยีตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับผู้ผลิตในเอเชียแปซิฟิก เพื่อช่วยให้ผู้ผลิตบรรลุเป้าหมายสำคัญด้านประสิทธิภาพและนวัตกรรม ตลอดจนมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสนับสนุนผลลัพธ์ที่ยั่งยืน ดังนั้น ผู้ผลิตในเอเชียแปซิฟิกจึงต้องการการบูรณาการ ระบบอัตโนมัติ และการเชื่อมต่อระบบให้เป็นหนึ่งเดียวเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว ส่งผลให้ระบบ ERP บนคลาวด์ที่รวมปัญญาประดิษฐ์ (AI), อินเทอร์เน็ตออฟธิงค์ (IoT) และการวิเคราะห์ได้รับความสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแรงกดดันที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ที่ทำให้ผู้ผลิตมองหาเทคโนโลยีที่สามารถสนับสนุนให้ธุรกิจบรรลุเป้าหมายที่สำคัญเหล่านี้ได้ในกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของตน

คุณเชมา อรัมบูรู รองประธานบริหารและผู้จัดการทั่วไป ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น บริษัทอินฟอร์ กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลากว่าหนึ่งปีมานี้ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และความคาดหวังของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป เป็นตัวเร่งให้บริษัทต้องเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ การทำให้ลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วม และขั้นตอนการปฏิบัติงานต่าง ๆ โซลูชัน ERP สำหรับใช้งานบนคลาวด์แบบ Multi-Tenant (MT) ที่รองรับผู้ใช้งานหลายรายในหลากหลายรูปแบบของอินฟอร์ (CloudSuites) ช่วยให้ธุรกิจเติบโตท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ก้าวไปสู่โครงการต่าง ๆ ของอุตสาหกรรม 4.0 โดยช่วยรวมศูนย์การตัดสินใจ ปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงเพิ่มความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน การที่อินฟอร์ได้รับการยอมรับในฐานะผู้นำยิ่งตอกย้ำถึงตำแหน่งของเราในตลาดนี้ เราเข้าใจถึงความแตกต่างของอุตสาหกรรมที่ลูกค้าดำเนินการอยู่ และเราภูมิใจที่จะนำเสนอโซลูชันเฉพาะทางสำหรับอุตสาหกรรมที่สร้างขึ้นตามวัตถุประสงค์และพร้อมใช้งานทันที ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาจัดการกับความท้าทายที่ไม่เหมือนใคร และปลดล็อกช่องทางในการสร้างรายได้ใหม่ ๆ ที่มีมูลค่าสูงขึ้นให้กับธุรกิจของตน”

โซลูชัน Infor CloudSuite เป็นโซลูชันเฉพาะทางสำหรับอุตสาหกรรมแต่ละประเภท และเป็นบริการคลาวด์บนโครงสร้างพื้นฐานที่ปลอดภัย และปรับขนาดได้ของ Amazon Web Services (AWS) โซลูชัน Infor CloudSuite ใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มเทคโนโลยีชั้นนำของอินฟอร์เช่น Infor OS เพื่อขับเคลื่อนประสบการณ์ผู้ใช้ยุคใหม่พร้อมการผสานรวมและเวิร์กโฟลว์ ที่สามารถช่วยเพิ่มผลผลิตและการทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชัน Infor ERP สำหรับอุตสาหกรรม: https://www.infor.com/solutions/erp/industry-erp