ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ คาดตลาดอสังหาฯ ปี 65 มีแววฟื้น ลุ้นมาตรการรัฐ และการควบคุมการแพร่ระบาดช่วยหนุน

ดีดีพร็อพเพอร์ตี้_DDproperty_Checklist for renters

ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ คาดตลาดอสังหาฯ ปี 65 มีแววฟื้น ลุ้นมาตรการรัฐ และการควบคุมการแพร่ระบาดช่วยหนุน

ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) เว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย สรุปภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2564 ถือเป็นปีแห่งความท้าทายและผันผวนสูง หลังเผชิญวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่รุนแรงและส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่องทั่วทั้งอุตสาหกรรม ทั้งผู้ผลิต ผู้พัฒนาอสังหาฯ แรงงานก่อสร้าง รวมทั้งผู้บริโภคที่แม้จะมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแต่ยังคงมีอุปสรรคจากสภาพเศรษฐกิจที่เปราะบางและหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น ส่งผลต่อสภาพคล่องทางการเงินโดยตรง ต้องชะลอแผนการซื้อที่อยู่อาศัยออกไป ขณะที่เทรนด์ที่อยู่อาศัยเปลี่ยนไปตามวิถีชีวิตแบบ New Normal ผู้บริโภคเลือกซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบและมองหาที่อยู่อาศัยในแถบชานเมืองมากขึ้น คาดตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2565 จะฟื้นตัวตามสภาพเศรษฐกิจ ผู้ประกอบการจะเน้นระบายสต็อกคงค้างควบคู่กับการเปิดตัวโครงการใหม่เข้าสู่ตลาดเพื่อดึงดูดผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (Real Demand) และนักลงทุนที่มีกำลังซื้อพร้อม ผู้บริโภคยังมองมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐเป็นตัวช่วยสำคัญ และเป็นปัจจัยบวกช่วยกระตุ้นให้ตลาดอสังหาฯ กลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง

กมลภัทร แสวงกิจ

นางกมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทยของดีดีพร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า “ตัวแปรสำคัญของภาคธุรกิจในปีนี้ยังคงมาจากวิกฤติโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจหลักของประเทศอย่างทั่วหน้า รวมถึงภาคอสังหาฯ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยคาดการณ์ว่าปี 2564 จะเป็นปีที่มีแนวโน้มฟื้นตัวได้อีกครั้ง แต่สถานการณ์ที่ผันผวนยังคงเป็นอุปสรรคใหญ่ ทำให้ตลาดอสังหาฯ ปีนี้ไม่สามารถเติบโตได้ดีเท่าที่ควร ประกอบกับการแข่งขันสงครามราคาที่ดุเดือดของผู้พัฒนาอสังหาฯ อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 ทำให้เกิดการดูดซับกำลังซื้อจากผู้บริโภคไปแล้วพอสมควร เมื่อต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทางการเงินจากการแพร่ระบาดฯ ที่ยืดเยื้อ จึงทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ชะลอการซื้อออกไปก่อน แม้ว่าปีนี้ภาครัฐจะออกมาตรการที่เอื้อต่อการซื้ออสังหาริมทรัพย์มากขึ้น รวมถึงมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย (Loan-to-Value: LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทยในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แต่มาตรการดังกล่าวก็ยังไม่สามารถช่วยกระตุ้นการเติบโตในตลาดอสังหาฯ ได้มากนัก เนื่องจากผู้บริโภคยังคงไม่มั่นใจกับสถานการณ์โควิด-19 และไม่มีกำลังซื้อเพียงพอจากผลกระทบของการแพร่ระบาดฯ”

DDproperty

โควิด-19 สร้างความกังวล ฉุดคนไทยชะลอซื้อบ้าน
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินและความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายของผู้บริโภค ส่งผลให้ต้องวางแผนการเงินอย่างรัดกุมในระยะยาว ผลสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคต่อสภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ DDproperty’s Thailand Consumer Sentiment Study รอบล่าสุด พบว่า เกือบ 3 ใน 4 ของผู้บริโภคชาวไทย (71%) ยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยแต่เลือกที่จะชะลอการซื้อออกไปก่อน โดย 39% วางแผนจะซื้อบ้านภายใน 1-2 ปี

อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคเผยว่าอุปสรรคสำคัญที่มีผลต่อการซื้อที่อยู่อาศัยมาจากการขาดรายได้ในช่วงโควิด-19 ถึง 66% รองลงมาคือราคาที่อยู่อาศัย (63%) ตามมาด้วยความไม่แน่นอนทางการเมือง และธนาคารไม่อนุมัติสินเชื่อบ้านในสัดส่วนเท่ากัน (37%) สะท้อนให้เห็นว่าปัญหาทางการเงินยังคงเป็นอุปสรรคอันดับต้น ๆ ของคนหาบ้าน

นอกจากนี้ ผู้บริโภคส่วนใหญ่ (80%) มองว่ารัฐบาลยังไม่ค่อยมีส่วนช่วยที่จะทำให้คนในประเทศสามารถเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยได้ โดยมาตรการเยียวยาภาคอสังหาฯ ที่ต้องการมากที่สุดจากภาครัฐ คือ การลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านทั้งบ้านใหม่และบ้านที่กำลังผ่อนอยู่ (57%) เพื่อแบ่งเบาภาระผู้ที่ต้องการมีบ้านเป็นของตัวเองท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง

ถอดบทเรียน ‘โอกาส – ความท้าทาย’ ของอสังหาฯ ปี 64

DDproperty

ภาพรวมการเติบโตของภาคอสังหาฯ ที่ยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร ส่งผลให้ผู้พัฒนาอสังหาฯ ส่วนใหญ่ชะลอการเปิดโครงการใหม่ออกไปก่อน โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม และหันมาเน้นระบายสต็อกคงค้างผ่านสงครามราคาเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคในช่วงนี้แทน จึงทำให้ดัชนีราคาที่อยู่อาศัยในปี 2564 โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ในภาพรวมยังคงปรับตัวลดลงถึง 11% จากรอบปีก่อน นอกจากนี้ จำนวนอุปทานยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากอุปทานคงค้างในตลาดบวกกับอัตราการดูดซับที่ลดลง อย่างไรก็ดี แนวโน้มอุปทานที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่จะเป็นโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบที่มีความต้องการในตลาดสูง โดยบ้านเดี่ยวมีจำนวนอุปทานเพิ่มขึ้น 33% จากปีก่อนหน้า ทาวน์เฮ้าส์เพิ่มขึ้น 30% ส่วนคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น 11%

นอกจากเทรนด์ที่อยู่อาศัยแนวราบจะได้รับความนิยมจากไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปแล้ว เทรนด์การพัฒนาที่อยู่อาศัยยังกระจายออกไปในทำเลนอกเขตศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ (City Fringe) และแถบชานเมือง (Outskirts) มากขึ้น เนื่องจากเป็นทำเลที่สามารถพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบในราคาที่เอื้อมได้ ประกอบกับปัจจัยบวกจากการขยายโครงข่ายรถไฟฟ้าที่เชื่อมต่อการเดินทางสู่ใจกลางเมืองได้สะดวกขึ้น ข้อมูลจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดแล้วในไตรมาสที่ 3 ปี 2564 ถือเป็นสัญญาณบวกที่ทุกภาคส่วนเฝ้ารอ คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2565 จะฟื้นตัว โดยมีแรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจและตลาดท่องเที่ยวในประเทศที่ทยอยฟื้นตัวตามการผ่อนคลายมาตรการควบคุมของภาครัฐ และการระดมฉีดวัคซีนที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดแรงงานและกำลังซื้อของผู้บริโภคมีแนวโน้มปรับดีขึ้นตามไปด้วย

จับตาทิศทางอสังหาฯ ปี 65 รอเวลาฟื้นตามเศรษฐกิจ
“คาดว่าปี 2565 จะเป็นปีแห่งการฟื้นตัวของตลาดอสังหาฯ ไทย โดยเริ่มเห็นสัญญาณบวกในช่วงท้ายปี 2564 แต่คาดว่าระดับราคาอสังหาฯ จะยังไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากนัก ควบคู่ไปกับการออกแคมเปญหรือโปรโมชั่น เพื่อดึงดูดกำลังซื้อจากผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (Real Demand) และนักลงทุนที่มีความพร้อมและหวังผลตอบแทนในระยะยาว ในขณะที่อุปทานยังไม่มีสัญญาณล้นตลาด (Oversupply) หรือเกิดภาวะฟองสบู่ ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตา คือ ความคืบหน้าในการควบคุมการแพร่ระบาดฯ รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและภาคอสังหาฯ จากภาครัฐ ซึ่งจะส่งผลต่อทิศทางการเติบโตโดยตรง อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังคงเปราะบางและมีความไม่แน่นอน ผู้ประกอบการและผู้บริโภคจึงควรติดตามสถานการณ์การระบาดฯ หลังเปิดประเทศ และมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างใกล้ชิดก่อนตัดสินใจ” นางกมลภัทร กล่าวเสริม

อ่านและศึกษาข้อมูลภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2565 ได้จากรายงาน DDproperty Thailand Property Market Outlook 2565

“ทรูมันนี่” จับมือ สถานีบริการน้ำมัน PT ร่วมสร้างสังคมไร้เงินสด เปิดรับชำระค่าน้ำมันผ่านแอปฯ TrueMoney Wallet

Truemoney

“ทรูมันนี่” จับมือ สถานีบริการน้ำมัน PT ร่วมสร้างสังคมไร้เงินสดเปิดรับชำระค่าน้ำมันผ่านแอปฯ TrueMoney Wallet

มอบ Cash Back 3% (สูงสุด 30 บาท) รับการเดินทางช่วงหยุดยาวปลายปี

ทรูมันนี่ ผู้นำด้านบริการอิเล็กทรอนิกส์เพย์เมนท์ชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ร่วมมือกับ แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส บริษัทที่ดูแลด้านการตลาดให้กับ PTG และบริษัทในเครือเปิดบริการรับชำระเงินค่าน้ำมันผ่านแอปฯ TrueMoney Wallet เป็นครั้งแรก ครอบคลุมสถานีบริการน้ำมันของ PT ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 74 แห่งที่ร่วมรายการ มอบประสบการณ์การใช้จ่ายแบบ “แทนเงินสด ลดสัมผัส” เพื่อมอบความสะดวกและปลอดภัยแก่ผู้ใช้บริการ พร้อมจัดโปรโมชั่นพิเศษ Cash Back รับเงินคืนเงิน 3% (สูงสุด 30 บาท)  เมื่อชำระค่าน้ำมันผ่านแอปฯ TrueMoney Wallet เอาใจผู้ที่ต้องการเดินทางเพื่อไปพักผ่อนช่วงปลายปีตลอดเดือนธันวาคมนี้

นายกรวุฒิ ปวิตรปก ผู้อำนวยการฝ่ายทางพาณิชย์ บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด กล่าวว่า “ทรูมันนี่ มุ่งมั่นขยายพันธมิตรใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อทำให้ทรูมันนี่เป็นแพลตฟอร์มการใช้จ่ายที่ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นด้านความบันเทิง ช็อปปิ้งตามร้านค้า หรือร้านอาหารต่าง ๆ ทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ รวมถึงในด้านการเดินทาง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของเราในปีนี้ที่ต้องการขยายและทำแคมเปญร่วมกันกับพันธมิตรเพื่อส่งเสริมการใช้ Cashless Payment ในวงกว้างยิ่งขึ้น ทรูมันนี่มั่นใจว่าความร่วมมือกับสถานีบริการน้ำมัน PT ในครั้งนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกและสร้างความคุ้มค่าให้แก่ผู้ใช้ทรูมันนี่กว่า 20 ล้านราย รวมถึงลูกค้าของ PT ได้ใช้จ่ายปลอดภัยห่างไกลจากความเสี่ยงในการสัมผัส เมื่อต้องออกไปนอกบ้านและเดินทางสัญจรไปตามสถานที่ต่าง ๆ นอกจากนี้ PT และ ทรูมันนี่ ยังได้จัดโปรฯ พิเศษ มอบเงินคืนเข้าบัญชีทรูมันนี่ วอลเล็ทสูงสุด 3% (สูงสุด 30 บาท) เมื่อชำระค่าน้ำมันผ่านแอปฯ TrueMoney Wallet เพื่อให้ทุกการใช้จ่ายของลูกค้าคุ้มค่าที่สุด”  

นายพร้อมศักดิ์ จรัญญากรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส จำกัด (บริษัทในเครือพีทีจี) กล่าวว่า “เรามุ่งมั่นที่จะนำเสนอบริการรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์สุดพิเศษให้กับลูกค้าสมาชิก PT Max Card กว่า 16 ล้านสมาชิกทั่วประเทศมาโดยตลอด ซึ่งความร่วมมือกับทรูมันนี่ครั้งนี้นับเป็นการตอกย้ำถึงความตั้งใจจริงของทั้งสองแบรนด์ในการขยายช่องทางเพย์เมนต์ใหม่ๆ ที่จะเข้ามาอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าผู้ใช้บริการให้ได้รับความสะดวกสบายและปลอดภัยยิ่งขึ้นต่อการลดการสัมผัส และไม่ต้องกังวลเรื่องการพกพาเงินสดไม่ว่าจะเป็นการเติมน้ำมัน หรือใช้บริการร้านกาแฟพันธุ์ไทย อีกทั้งยังเป็นการขยายฐานลูกค้ารายใหม่เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นในอนาคตอีกด้วย”

พิเศษ​! สำหรับลูกค้าที่ชำระค่าน้ำมันผ่านแอปฯ TrueMoney Wallet เมื่อชำระค่าน้ำมันไม่มีขั้นต่ำ ณ สถานีบริการน้ำมัน PT ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 74 แห่งที่ร่วมรายการ รับเงินคืนทันที 3% (สูงสุด 30 บาท) ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม ศกนี้ คลิกอ่านรายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ https://www.truemoney.com/a/pt-promotion-111/ 

PTG

*หมายเหตุ

      • สิทธิพิเศษมีจำนวนจำกัด
      • เฉพาะสาขาบริการน้ำมันที่ร่วมรายการ
      • ไม่สามารถใช้ร่วมกับรายการส่งเสริมการขายอื่น
      • เงื่อนไขเป็นไปตามบริษัทฯ กำหนด

iQiyi ใช้ Alipay+ ขยายตลาด พัฒนาการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ทั่วเอเชีย

Alipayplus

iQiyi ใช้ Alipay+ ขยายตลาด พัฒนาการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ทั่วเอเชีย

iQiyi ปรับใช้โซลูชั่นการตลาดและการชำระเงิน Alipay+ อย่างครบวงจรในเอเชีย ครอบคลุมไทย เกาหลี อินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์

“อ้ายฉีอี้” (iQiyi) แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งชั้นนำของเอเชีย จับมือแอนท์กรุ๊ป (Ant Group) ประกาศโครงการความร่วมมือที่รองรับการใช้งานของโซลูชั่นระดับโลกด้านการตลาดและการชำระเงินระหว่างประเทศ Alipay+ อย่างครบวงจร ซึ่งจะช่วยให้ iQiyi สามารถขยายตลาดได้อย่างกว้างขวาง ด้วยการนำเสนอทางเลือกในการชำระเงิน และพัฒนาการมีส่วนร่วมของผู้ใช้มากขึ้น

การประกาศความร่วมมือดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างการประชุม Asia TV Forum & Market ของปีนี้ โดย แอนนา พัค เบอร์ดิน หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจของ iQiyi International กล่าวว่า “ด้วยความเป็นบริษัทที่จัดตั้งและเติบโตในเอเชีย เป้าหมายของเราคือการนำเสนอเรื่องราวและคอนเทนต์เอเชียสู่สายตาชาวโลก เรามุ่งมั่นร่วมมือกับพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์ในทิศทางเดียวกันเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าวร่วมกัน บริษัทมีความยินดีในความร่วมมือกับ Alipay+ ครั้งนี้ ซึ่งจะช่วยขยายการเข้าถึงแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งของเราผ่านทางเครือข่ายและช่องทางต่างๆ ของ Alipay+ ในเอเชีย ความร่วมมือนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการนำเสนอคอนเทนต์เอเชียที่น่าสนใจ มีความเป็นสากลทั้งพล็อตและรายละเอียดต่าง ๆ ให้แก่ผู้ชมทั่วโลก”

ความร่วมมือดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ iQiyi นำโซลูชั่นการชำระเงิน Alipay+ มาใช้ภายในแอพเมื่อปี 2563 เพื่อเพิ่มความสะดวกในการซื้อบริการสตรีมมิ่งของ iQiyi และขยายการเข้าถึงผู้ใช้งานอี-วอลเล็ท (E-wallet) ในเอเชีย โดยระบบจะเชื่อมต่อกับบริการอี-วอลเล็ทต่าง ๆ เช่น บริการทรูมันนี่ (TrueMoney) ในไทย, Kakao Pay ในเกาหลี, Dana ในอินโดนีเซีย, Touch’n’Go ในมาเลเซีย และ GCash ในฟิลิปปินส์

ภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว ทั้งสองแบรนด์จะทำงานร่วมกันเพื่อยกระดับการทำการตลาดของ iQiyi ผ่านทางแคมเปญการตลาดและช่องทางออนไลน์ ซึ่งจะช่วยให้ iQiyi สามารถให้บริการแก่ผู้ใช้งานทั่วเอเชียได้มากขึ้น พร้อมพัฒนาทางเลือกในการชำระเงินเพื่อรองรับคนรุ่นใหม่ในภูมิภาคนี้ซึ่งคุ้นเคยกับการใช้โทรศัพท์มือถือเป็นหลัก (mobile-native audience) และรักษาการเติบโตทางธุรกิจในระยะยาว

แอนท์กรุ๊ปได้เปิดตัวโซลูชั่นการตลาดและการชำระเงิน Alipay+ เมื่อปี 2563 โดยโซลูชั่นดังกล่าวสร้างมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอี ที่สามารถยอมรับวิธีการชำระเงินได้หลากหลายวิธีมากขึ้น และจัดแคมเปญด้านการตลาดดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพและประหยัดค่าใช้จ่าย โซลูชั่น Alipay+ เชื่อมต่อกับเครือข่ายพาร์ทเนอร์ ผู้ให้บริการอี-วอลเล็ท และธนาคารต่าง ๆ ดังนั้นผู้ค้าและผู้ประกอบการจึงสามารถเข้าถึงและเชื่อมต่อกับผู้ใช้บริการชำระเงินผ่านมือถือทั่วโลกได้อย่างง่ายดาย

เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ทั้งแบรนด์ชั้นนำระดับโลกและระดับท้องถิ่นจากกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่ธุรกิจบันเทิงดิจิทัลไปจนถึงบริการไลฟ์สไตล์ ร่วมมือกับ Alipay+ และผู้ให้บริการอี-วอลเล็ทชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการจัดแคมเปญ 11.11 Mega Deals โดยมีการแจกจ่ายคูปองส่วนลดกว่า 10 ล้านชุด เพื่อสนับสนุนมหกรรมช้อปปิ้งครั้งใหญ่ประจำปี และกระตุ้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังการแพร่ระบาด

สการ์เล็ต ชิง หัวหน้าฝ่ายการตลาดและปฏิบัติการด้านความร่วมมือกับผู้ค้าทั่วโลก กลุ่มธุรกิจระหว่างประเทศของแอนท์กรุ๊ป กล่าวว่า “การทำตลาดผ่านหลากหลายช่องทางในภูมิภาคต่าง ๆ นับเป็นปัญหาสำคัญสำหรับผู้ประกอบการทั้งในส่วนของธุรกิจออนไลน์และออฟไลน์ โซลูชั่น Alipay+ จึงนำเสนอทางเลือกที่มีทั้งความหลากหลาย ความคล่องตัวสูง และยังประหยัดค่าใช้จ่ายสำหรับการทำตลาดให้กับแบรนด์ต่างๆ ทั้งยังสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว”

ทาง iQiyi และ Alipay+ ยังมีแผนขยายตลาดด้วยการดึงดูดผู้ใช้งานอี-วอลเล็ทในเอเชียด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น แคมเปญดิจิทัล สิทธิพิเศษ และคูปองส่วนลด

“ด้วยความเชี่ยวชาญของ iQiyi ในเรื่องดิจิทัลคอนเทนต์ และความมุ่งมั่นในการบรรลุเป้าหมายร่วมกันในภูมิภาคนี้ เราหวังว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรมในยุคโมบายล์ ซึ่งจะช่วยยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้งานไปขั้นหนึ่ง” สการ์เล็ต ชิง กล่าว

หลังจากที่จัดตั้งสำนักงานใหญ่ระหว่างประเทศที่สิงคโปร์เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว iQiyi ได้เปิดสำนักงานสาขาในประเทศและภูมิภาคต่างๆ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ตะวันออกกลาง และอเมริกาเหนือ โดยมีทีมงานฝ่ายพัฒนาคอนเทนต์ประจำที่เกาหลีใต้ และล่าสุดได้ประกาศแผนการผลิตซีรี่ย์ 4 เรื่องจากเกาหลีใต้ และซีรีย์เรื่องแรกจากฟิลิปปินส์

รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยปริมาณการใช้ดาต้ามือถือพุ่งเกือบ 300 เท่า ในรอบ 10 ปี

Ericsson

รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยปริมาณการใช้ดาต้ามือถือพุ่งเกือบ 300 เท่า ในรอบ 10 ปี

    • ภายในสิ้นปี 2570 จะมีผู้ใช้ 5G พุ่งเป็น 4.4 พันล้านบัญชีหรือเท่ากับครึ่งหนึ่งของจำนวนบัญชีผู้ใช้มือถือในปัจจุบัน
    • ในปี 2570 ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียจะมีอัตราการใช้อินเตอร์เน็ตต่อสมาร์ทโฟนหนึ่งเครื่องเติบโตรวดเร็วที่สุดในโลก
    • สิ้นปีนี้ คาดว่ายอดผู้ใช้บริการ 5G ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียจะเพิ่มแตะ 15 ล้านบัญชี

รายงานเชิงลึกระดับโลกของอีริคสัน (NASDAQ: ERIC) เปิดเผยว่าตั้งแต่อีริคสันจัดทำและเผยแพร่รายงาน Ericsson Mobility Report เป็นครั้งแรกในปี 2554 จนถึงปัจจุบันมีปริมาณการใช้อินเตอร์เน็ตบนมือถือเพิ่มขึ้นเกือบ 300 เท่า โดยในรายงานฉบับครบรอบสิบปีนี้ยังได้รวบรวมข้อมูลและสถิติต่าง ๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับเครือข่ายมือถือทั้งในอดีตและปัจจุบัน ให้เราได้ย้อนกลับไปดูเทรนด์ต่าง ๆ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงในรอบทศวรรษที่ผ่านมา รวมถึงการคาดการณ์ไปจนถึงปี 2570

จากการคาดการณ์ที่ระบุว่ายอดผู้ใช้บริการ 5G จะสูงแตะ 660 ล้านบัญชีภายในสิ้นปีนี้เป็นการตอกย้ำสมมติฐานที่ว่า 5G เป็นเจนเนอเรชั่นเครือข่ายไร้สายที่มีการนำมาใช้งานรวดเร็วที่สุด โดยตัวเลขที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นผลมาจากความต้องการใช้งานที่เพิ่มขึ้นในประเทศจีนและอเมริกาเหนือ ซึ่งเป็นผลมาจากราคาอุปกรณ์ 5G ที่ลดลง อีริคสันยังพบว่าในไตรมาส 3 ที่ผ่านมานี้ทั่วโลกมียอดผู้ใช้ 5G มีจำนวนเพิ่มขึ้นสุทธิที่ 98 ล้านบัญชี เทียบกับผู้สมัครใช้ 4G รายใหม่ที่ 48 ล้านบัญชี และคาดว่าเครือข่าย 5G จะครอบคลุมผู้ใช้งานกว่า 2 พันล้านคนภายในสิ้นปี 2564

สอดคล้องกับการคาดการณ์ล่าสุดที่ระบุว่าภายในปี 2570 เครือข่าย 5G จะกลายเป็นเครือข่ายหลักของโลกเพื่อใช้เข้าถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ ซึ่ง ณ เวลานี้ผู้ใช้ 5G มีสัดส่วนประมาณ 50% ของจำนวนผู้ใช้มือถือทั้งหมดทั่วโลก โดยครอบคลุมประชากรโลกถึง 75% และคิดเป็น 62% ของปริมาณการใช้อินเตอร์เน็ตบนสมาร์ทโฟนทั่วโลก

Nunzio Mirtillo

มร. อิกอร์ มอเรล ประธานบริษัทอีริคสัน ประเทศไทยกล่าวว่า “การสื่อสารบนมือถือก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเหลือเชื่อต่อสังคมและธุรกิจตลอดเวลา 10 ปีที่ผ่านมา เมื่อเรามองไปข้างหน้าในปี 2570 เครือข่ายมือถือจะยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นทั้งในแง่ของการมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน รวมถึงการใช้ชีวิตและการทำงาน ในรายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุดของเรา ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเร่งความเร็วขึ้นอีกระดับ และเทคโนโลยีมีบทบาทอย่างยิ่งยวด”

คาดว่าภายในสิ้นปีนี้ยอดผู้ใช้มือถือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียจะเพิ่มเป็น 1.1 พันล้านราย โดยมียอดผู้สมัครใช้บริการ 5G สูงแตะ 15 ล้านราย และจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงสองสามปีนี้ โดยคาดว่าในปี 2570 จะมียอดผู้ใช้ 5G ถึง 560 ล้านราย นอกจากนี้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียจะมีปริมาณการใช้อินเตอร์เน็ตต่อสมาร์ทโฟนหนึ่งเครื่องเพิ่มขึ้นในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในโลก แตะ 46 กิกกะไบท์ (GB) ต่อเดือน ในปี 2570 หรือเติบโตเฉลี่ย 34% ต่อปี สอดคล้องกับปริมาณการใช้อินเตอร์เน็ตบนมือถือทั้งหมดที่เติบโตต่อปีที่ 39% ส่งผลให้มียอดการใช้เน็ตต่อเดือนสูงถึง 46 เอกซะไบท์ (EB) เป็นผลมาจากจำนวนผู้สมัครใช้บริการ 4G และ 5G ที่เพิ่มขึ้นในตลาดที่เปิดให้บริการ 5G

มร. อิกอร์ กล่าวเสริมว่า “ประเทศไทย คือ หนึ่งในประเทศที่มีประชากรใช้อินเทอร์เน็ตสูงที่สุดในโลก เมื่อกล่าวถึงภาคอุตสาหกรรมและองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ ประเทศไทยคือหนึ่งในศูนย์กลางสำคัญของภาคอุตสาหกรรมในระดับภูมิภาค โดยมีธุรกิจที่มีศักยภาพจำนวนมากที่นำเทคโนโลยี 5G มาปรับปรุงการดำเนินงานให้มีความทันสมัย ผมมองว่าประเทศไทยจำเป็นต้องสร้างเครือข่าย 5G ที่สามารถตั้งโปรแกรม มีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ”

Ericsson

ตั้งแต่ปี 2554 การนำเครือข่าย 4G LTE มาใช้งานได้ถือเป็นปัจจัยกระตุ้นสำคัญที่เพิ่มยอดผู้ใช้สมาร์ทโฟนทั่วโลกพุ่งเป็น 5.5 พันล้านคน และเกิดอุปกรณ์ที่รองรับการเชื่อมต่อ 4G ขึ้นในตลาดมากกว่า 20,000 รุ่น ในรายงานยังชี้ให้เห็นว่าวงจรเทคโนโลยีของอุปกรณ์ 5G นั้นเปลี่ยนแปลงไปได้รวดเร็วกว่า ในปัจจุบันมีโทรศัพท์มือถือ 5G คิดเป็นสัดส่วน 23% ของมือถือทั้งหมดทั่วโลก เทียบกับโทรศัพท์มือถือ 4G ที่มีเพียง 8% ณ จุดเดียวกัน

สิ่งนี้กระตุ้นให้การใช้ปริมาณอินเตอร์เน็ตบนมือถือเติบโตอย่างก้าวกระโดด หากพิจารณาการเติบโตแบบปีต่อปี จะพบว่าปริมาณการใช้เน็ตมือถือ ณ ไตรมาส 3 ปี 64 เติบโตที่ 42% หรือประมาณ 78 เอกซะไบต์ (EB) ซึ่งนับรวมปริมาณอินเตอร์เน็ตจากบริการบรอดแบรนด์อินเตอร์เน็ตไร้สาย (Fixed Wireless Network) นอกจากนี้ ยังพบว่ายอดการใช้เน็ตมือถือในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา มีปริมาณเทียบเท่าปริมาณเน็ตที่เคยมีมาทั้งหมดจนถึงปี 2559 ซึ่งจากการคาดการณ์ล่าสุดยังเผยว่าในปี 2570 จะมีการใช้เน็ตมือถือเพิ่มขึ้นสูงถึง 370 เอกซะไบต์ (EB)

นอกจากนี้ ในรายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับครบรอบ 10 ปี ยังมีบทความประกอบอีก 4 หัวข้อ ดังนี้

    • การสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับอนาคตดิจิทัล โดยร่วมกับ Far EasTone
    • การสร้างเครือข่ายเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนไปสู่ดิจิทัล โดยร่วมกับ stc
    • Time-to-content: กำหนดเกณฑ์มาตรฐานสำหรับประสิทธิภาพเครือข่าย
    • การสร้างเครือข่ายต่าง ๆ ที่ยั่งยืน

Explore the Ericsson Mobility Report November 2021 edition and the Ericsson Mobility Report Journey.

RELATED LINKS:

“ธนาคารเกียรตินาคินภัทร” ผนึกกำลัง “ทรูมันนี่” เปิดตัวสินเชื่อเงินด่วน “KKP CASH NOW” บนแอปฯ TrueMoney Wallet

KKP x TMN

“ธนาคารเกียรตินาคินภัทร” ผนึกกำลัง “ทรูมันนี่” เปิดตัวสินเชื่อเงินด่วน “KKP CASH NOW” บนแอปฯ TrueMoney Wallet

ช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินด้วยวงเงินสินเชื่อสูงสุด 400,000 บาท และดอกเบี้ยเริ่มต้น 8.99%*ต่อปี

ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ต่อยอดความร่วมมือกับ ทรูมันนี่ ผู้นำด้านบริการอิเล็กทรอนิกส์เพย์เมนท์ชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มอบบริการสินเชื่อส่วนบุคคลอเนกประสงค์ “KKP CASH NOW” บนแอปพลิเคชั่น TrueMoney Wallet เพื่ออำนวยความสะดวกในการสมัครและยื่นเอกสารขอสินเชื่อผ่านระบบออนไลน์ให้กับผู้ที่มองหาแหล่งเงินทุนหรือเพิ่มสภาพคล่อง ทั้งนี้ ผู้สมัครสามารถรับวงเงินสินเชื่อเข้าบัญชีทรูมันนี่สูงสุดถึง 400,000 บาท ทันทีที่ได้รับอนุมัติ อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 8.99%* ต่อปี ระยะเวลาผ่อนชำระนานสูงสุดถึง 60 เดือน มุ่งตอบสนองความต้องการสินเชื่อภาคครัวเรือนในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ที่ ธปท. คาดว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับดีขึ้นหลังภาครัฐผ่อนคลายมาตรการ

นายฟิลิป เชียง ชอง แทน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การพัฒนานวัตกรรมทางการเงินเพื่ออำนวยความสะดวกสูงสุด และขยายโอกาสทางการเงินให้กับลูกค้าในวงกว้าง คือเป้าหมายร่วมกันของธนาคารเกียรตินาคินภัทร และทรูมันนี่ พันธมิตรคนสำคัญของเรา ธนาคารมั่นใจว่าบริการสินเชื่อ KKP CASH NOW บนแอปฯ TrueMoney Wallet จะช่วยเปิดโอกาสทางการเงินให้กว้างขวางและรวดเร็วยิ่งขึ้นสำหรับลูกค้า ผ่านการสมัคร ยื่นเอกสาร และทราบผลอนุมัติที่สะดวก ไม่เสียเวลาเดินทาง และลดความเสี่ยงจากการสัมผัสเงินสด ยิ่งในช่วงเวลานี้ที่เศรษฐกิจกำลังกลับมาเดินหน้า และหลายคนมองเห็นโอกาสสร้างรายได้เพิ่มหรือปรับธุรกิจรับความเปลี่ยนแปลง ธนาคารมั่นใจว่าสินเชื่อ KKP CASH NOW จะช่วยเพิ่มสภาพคล่อง ปลดล็อคข้อจำกัด หรือหมุนเวียนเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี โดยธนาคารจะเดินหน้าผนึกกำลังกับพาร์ตเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญและจุดแข็งเฉพาะตัวอย่าง เช่น บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด (TrueMoney) เพื่อนำเสนอนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ลูกค้าในมิติต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง”

นายธัญญพงศ์ ธรรมาวรานุคุปต์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด กล่าวว่า “การขยายความร่วมมือกับธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ในครั้งนี้ เป็นไปตามกลยุทธ์ของเราในการมุ่งเป็น Financial Platform of Opportunities ที่มอบโอกาสทางการเงินให้กับผู้คนจำนวนมากและยังเป็นการสนับสนุนการสร้างสังคมไร้เงินสดให้เติบโตผ่านบริการทางการเงินที่เรามี โดยบริการสินเชื่อ KKP CASH NOW บนแอปฯ TrueMoney Wallet เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมทางการเงินที่เราได้จับมือกับธนาคารเกียรตินาคินภัทร มอบให้ลูกค้า นอกเหนือจากบริการเงินฝากดอกเบี้ยสูง KKP Start Saving ซึ่งต่างเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินง่าย ๆ รวดเร็ว และสะดวกสบายผ่านแอปฯ TrueMoney Wallet นอกจากนี้ ในด้านภาพรวมของตลาดสินเชื่อรายย่อยในช่วงที่ผ่านมา เรามีลูกค้าที่ยื่นขออนุมัติสินเชื่อประเภทต่าง ๆ ผ่านแอปฯ TrueMoney Wallet เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว และมียอดวงเงินที่ปล่อยสินเชื่อไปแล้วเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่าในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีนี้ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สะท้อนให้เห็นว่านวัตกรรมอีวอลเล็ทถือเป็นช่องทางการเงินที่สำคัญและมีประสิทธิภาพ ตอบรับความต้องการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลาย รวมถึงผลิตภัณฑ์ประเภทสินเชื่อแบบออนไลน์ด้วย”

KKP CASH NOW คือ บริการสินเชื่อส่วนบุคคลอเนกประสงค์ที่อยู่ภายใต้การกำกับของธนาคารเกียรตินาคินภัทร จํากัด (มหาชน) เสนอให้แก่บุคคลทั่วไปในรูปแบบวงเงินผ่อนชำระเป็นงวด ๆ (Term Loan) โดยไม่ต้องใช้ทรัพย์สินหรือบุคคลค้ำประกัน มีจุดเด่น คือ ขั้นตอนการสมัครที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว ผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet รวมถึงสามารถใช้วงเงินที่ได้รับอนุมัติผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet ได้เช่นกัน ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกและครอบคลุมการใช้จ่ายที่หลากหลาย

คุณสมบัติผู้สมัคร

เอกสารประกอบการสมัคร
(อัพโหลดผ่านแอปฯ)

    • ลูกค้าที่มีบัญชีทรูมันนี่ วอลเล็ท
    • สัญชาติไทย
    • อายุ
      – พนักงานประจำ: อายุ 20-60 ปี
      – เจ้าของกิจการ และอาชีพอิสระ: อายุ 20-65 ปี
    • รายได้ต่อเดือนขั้นต่ำ 10,000 บาท
    • อายุงานขั้นต่ำ 4 เดือน สำหรับพนักงานประจำ
    • ผู้ที่มีรายได้ประจำ เช่น พนักงานบริษัท ข้าราชการ
      – สลิปเงินเดือนที่แสดงรายได้เดือนล่าสุด
    • เจ้าของกิจการ และอาชีพอิสระ
      – รายการเดินบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือนล่าสุด

      สำหรับเจ้าของกิจการ หากอัพโหลดทะเบียนการค้าหรือหนังสือรับรองบริษัท จะได้รับการพิจารณาวงเงินเพิ่มเติม


4 ขั้นตอนสมัครใช้บริการง่ายกว่าเดิม ดังนี้

      1. คลิกแบนเนอร์ หรือ ไอคอนสินเชื่อ KKP CASH NOW บนแอปฯ ทรูมันนี่
      2. กรอกข้อมูลใบสมัครสินเชื่อ KKP CASH NOW
      3. ยืนยันตัวตนที่เคาน์เตอร์ 7-Eleven ทั่วประเทศ หรือ ที่ตู้ทรูมันนี่*
      4. อัพโหลดเอกสารแสดงรายได้
KKP x TMN

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถคลิกอ่านรายละเอียดและเงื่อนไขต่าง ๆ ในการขอสินเชื่อ KKP CASH NOW ที่ https://www.truemoney.com/cashnow-kkp/ หรือสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับสินเชื่อได้ทาง KKP Contact Center หมายเลขโทรศัพท์ 02 165 5555 ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07:00 – 20:00 น. หรือที่ธนาคารฯ ทุกสาขาทั่วประเทศ 

*หมายเหตุ

1. สินเชื่อส่วนบุคคล KKP CASH NOW เป็นผลิตภัณฑ์ของธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) และอยู่ภายใต้โครงการ Regulatory Sandbox ที่กำกับและดูแลโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
2. การพิจารณาอนุมัติสินเชื่อส่วนบุคคล KKP CASH NOW เป็นไปตามเงื่อนไขที่ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) เป็นผู้กำหนด
3. ทรูมันนี่ วอลเล็ท เป็นเพียงช่องทางเพื่อสมัครใช้ ส่งข้อมูลประกอบการสมัครใช้สินเชื่อเท่านั้น ไม่มีส่วนใด ๆ ในการพิจารณาและอนุมัติสินเชื่อ
4. เงื่อนไขอื่น ๆ เป็นไปตามที่ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ข้อมูลเพิ่มเติมคลิก https://bank.kkpfg.com/th/personal-banking/loan/personal-loan/kkp-cash-now