อีริคสันนำนวัตกรรม 5G ล่าสุด มาจัดแสดงที่งาน Imagine Live Thailand 2023

อีริคสันนำนวัตกรรม 5G ล่าสุด มาจัดแสดงที่งาน Imagine Live Thailand 2023

อีริคสันนำนวัตกรรม 5G ล่าสุด มาจัดแสดงที่งาน Imagine Live Thailand 2023

  • เผยพอร์ตโฟลิโอ 5G ล้ำสมัย พร้อมสาธิตเทคโนโลยีล่าสุดมากมายในงาน Ericsson Imagine Live Thailand 2023
  • อีริคสันเร่งขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของประเทศไทยผ่านเทคโนโลยี 5G
  • อีริคสันนำความเชี่ยวชาญระดับโลกและความเป็นผู้นำเทคโนโลยี มาสนับสนุนลูกค้าในประเทศไทยก้าวสู่ผู้นำ 5G ระดับแถวหน้า

อีริคสัน (NASDAQ: ERIC) เปิดงาน Imagine Live Thailand 2023 นำยูสเคสและนวัตกรรมเทคโนโลยี 5G ขั้นสูง ที่เปิดตัวในงาน Mobile World Congress ณ เมืองบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ มาจัดแสดงในประเทศไทย โดยมีเทคโนโลยีและโซลูชันไฮไลท์ล่าสุด ประกอบด้วย โซลูชันสื่อสารวิทยุประหยัดพลังงาน (Energy Efficient Radio Solutions), การสื่อสารผ่านโฮโลแกรม (Holographic Communications), เทคโนโลยี Digital Twin และระบบเครือข่ายอัตโนมัติ (Network Automation) รวมถึงเทคโนโลยีอื่น ๆ อีกมากมายที่นำมาจัดแสดงไว้ภายในงาน

หนึ่งในไฮไลท์ที่นำมาจัดแสดง คือ ผลิตภัณฑ์ Radio 4466 ที่สามารถรองรับย่านความถี่ 1800MHz, 2100MHz และ 2300MHz ที่มีในประเทศไทย โดยผลิตภัณฑ์นี้เป็น Triple-Band Radio 4466 รุ่นล่าสุดของอีริคสัน ที่มีความสามารถเสริมศักยภาพการให้บริการ 4G และ 5G ข้ามย่านความถี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยผลิตภัณฑ์เดียวแก่ผู้ให้บริการไทย และยังช่วยประหยัดพลังงาน ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน รวมถึงจำนวนสถานีฐาน ซึ่ง Radio 4466 ยังอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Ericsson Radio Access Network ที่สามารถจัดการความท้าทายในการติดตั้งสถานีฐานพร้อมช่วยประหยัดพลังงานเป็นอย่างมาก

ในฐานะพันธมิตรที่เชื่อถือได้ในประเทศไทย อีริคสันมุ่งนำเสนอความเชี่ยวชาญระดับโลกและความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนลูกค้าในประเทศไทยให้ก้าวไปสู่ผู้นำ 5G ชั้นแนวหน้า มร.อิกอร์ มอเรล ประธาน บริษัท อีริคสัน ประเทศไทย กล่าวว่า “การสร้างเครือข่าย 5G ประสิทธิภาพสูงและเน้นการประหยัดพลังงานเป็นหนึ่งในวิสัยทัศน์สำคัญของเราที่ต้องการสร้างเครือข่ายในอนาคตที่มีความยืดหยุ่นและยั่งยืน ด้วยพอร์ตโฟลิโอการใช้ 5G​​ที่เพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานของอีริคสัน เรากำลังจัดการกับหนึ่งในความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของเรา นั่นคือการลดการใช้พลังงานของเครือข่ายและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในขณะที่การใช้งาน 5G มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น เป้าหมายของเราคือการไปสู่อนาคตคาร์บอนต่ำพร้อมกับการเร่งประสบการณ์ 5G” อีริคสันลงทุนกับการวิจัยและพัฒนาปีละประมาณ 4.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 18% ของยอดขาย

ประเทศไทยคือผู้นำคลื่น 5G อย่างชัดเจน จากการคาดการณ์ของอีริคสันระบุ ช่วงสิ้นปี 2565 พบว่า 5G ครอบคลุมมากกว่า 85% ของประชากรทั้งหมด ขณะที่ปริมาณการใช้ข้อมูลต่อการสมัครสมาชิกในประเทศไทยคาดว่าภายในปี 2568 จะเติบโตเพิ่มเป็นเกือบ 80 กิกะไบต์ต่อเดือน เพิ่มจาก 32.7 กิกะไบต์ต่อเดือน ในปี 2565 และคาดว่าในปี 2571 จะเพิ่มขึ้น 3 เท่า โดยคาดว่า 5G จะสามารถรองรับความต้องการประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นของเครือข่ายได้

“ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีความไดนามิกสูง และมีผู้บริโภคที่เข้าใจเทคโนโลยีสารสนเทศและใช้งานมากที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ด้วยอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรม 4.0 ในประเทศตามเป้าหมาย Digital Thailand ของรัฐบาล ทำให้การเชื่อมต่อต้องมีความมั่นใจได้ ปลอดภัยและแข็งแกร่ง โดยความซับซ้อนที่เครือข่ายจำเป็นต้องจัดการทำให้เกิดความต้องการใหม่ ๆ ในการดำเนินงานของเครือข่าย การดึงศักยภาพจากเทคโนโลยี อย่างเช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแมชชีนเลิร์นนิ่ง (ML) มาปรับใช้จะช่วยผู้ให้บริการด้านการสื่อสารในประเทศไทยสามารถจัดการความซับซ้อนของเครือข่ายที่กำลังเติบโตได้ ตามที่เราเห็นการพัฒนาแอปพลิเคชันใหม่ ๆ บนเครือข่าย 5G” มร.อิกอร์ กล่าวเพิ่มเติม

แนวทาง Zero-Touch Operation กำลังกลายเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยของอนาคตการดำเนินงานบนเครือข่ายที่ต้องมีความน่าเชื่อถือและมีประสิทธิภาพ ซึ่ง Zero-Touch ช่วยผู้ให้บริการสามารถจัดการเครือข่ายโดยใช้ข้อมูลเป็นตัวขับเคลื่อน คาดการณ์ล่วงหน้าและดำเนินการแบบเชิงรุกได้มากขึ้น โดยระบบเครือข่ายอัตโนมัติยังช่วยลดกิจกรรมที่ต้องดำเนินการด้วยตนเองลง และทำให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือมีความคล่องตัวในการทำธุรกิจมากขึ้น

อีริคสันนำนวัตกรรม 5G ล่าสุด มาจัดแสดงที่งาน Imagine Live Thailand 2023

ในฐานะผู้นำด้านไอซีทีระดับโลก อีริคสันกำลังใช้ศักยภาพจากบริการบรอดแบนด์มือถือขั้นสูง เทคโนโลยี Fixed Wireless Access (FWA) และเทคโนโลยี 5G มารองรับการเติบโตโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศไทย “เรากำลังใช้ศักยภาพทั้งในด้านความเชี่ยวชาญระดับโลกและความเป็นผู้นำเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนลูกค้าในประเทศไทย ก้าวไปเป็นผู้นำแถวหน้า 5G ผ่านความร่วมมือในภาคอุตสาหกรรมและพันธมิตรของเราในประเทศไทย และเรายังมุ่งมั่นเร่งสร้างนวัตกรรมและระบบนิเวศ 5G ที่แข็งแกร่งในประเทศไทย” มร.อิกอร์ กล่าวเพิ่ม

อีริคสันเป็นผู้นำเครือข่าย 5G ระดับโลก ปัจจุบัน บริษัทฯ เปิดให้บริการเครือข่าย 5G ไปแล้วจำนวน 152 เครือข่าย ใน 65 ประเทศ บริษัทฯ ยังได้รับการจัดอันดับเป็นผู้นำอันดับ 1 ในรายงาน Frost Radar™ 5G Network Infrastructure Market 2023 เป็นปีที่สามติดต่อกัน แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำ 5G Radio Access Networks (RAN), Transport networks, และ Core Networks

First Asian Games Core Systems to be Hosted on Alibaba Cloud

ครั้งแรกที่ระบบสำคัญหลักของ Asian Games ทำงานบน Alibaba Cloud

First Asian Games Core Systems to be Hosted on Alibaba Cloud

Global cloud leader plays a critical role to support digital transformation of the Hangzhou Asian Games

In a mission to accelerate the digitalization of the Asian Games, the Hangzhou Asian Games Organizing Committee (HAGOC) has launched its core systems on Alibaba Cloud, the digital technology and intelligence backbone of Alibaba Group. Alibaba Cloud’s robust, reliable and secure technologies will support the first “Asian Games on the Cloud”, to facilitate more intelligent, sustainable, sophisticated and efficient Asian Games – to be held in Hangzhou, the company’s headquarters, from September 23 to October 8.

The core systems, comprising Games Management Systems (GMS), Results Distribution Systems (RDS) and Games Support Systems (GSS), will support around-the-clock operations of 56 competition venues and other critical facilities such as the information technology management center, main media center and the Hangzhou Asian Games Villages, serving more than 100,000 registered users, including the athletes, broadcasters, journalists, staff and volunteers from 45 countries and regions across the globe.

As the Games’ official information technology integrator and cloud service provider, Alibaba Cloud is responsible for running an all-on-cloud Asian Games, leveraging its proven track record in supporting large-scale worldwide sports events. 

Selina Yuan, President of International Business, Alibaba Cloud Intelligence Group, said: “We have extensive experience supporting large-scale global sports events building upon our proven cloud technologies and trusted services. We are proud and excited to return to our headquarters this year to help deliver an innovative, efficient, sustainable and inclusive Asian Games in Hangzhou. With the even more advanced core systems support, we are committed to an effective collaboration with the Games’ stakeholders, and with further improved cloud broadcast technologies, we will bring more engaging viewing experience to the global audience and sport fans.”

“The Hangzhou Asian Games will be another milestone for Alibaba Cloud to show how robust, scalable and secure cloud computing technologies can help drive digital transformation of large-scale sports events to bring sports and entertainment to every corner of the world,” Yuan added. 

State-of-the art architecture seamlessly integrates with cloud-native core systems

Alibaba Cloud provides the fundamental architecture that supports the seamless integration of the core systems as well as intelligent applications such as cloud broadcasting and event organization and communications.

For example, at the end of each competition the Results Distribution System will receive data from the timing and scoring system at the venue, which will be further integrated into the central system for distribution in different formats through different application programming interfaces (APIs), such as the results display and news feeds. All of these are built on the Alibaba Cloud to ensure efficient, accurate and stable results distributions.

Using cloud-native technology and running it on Alibaba Cloud’s container services, the company enables more agile, scalable and efficient operations of the event. In addition, there is no longer a need for physical data centers that require large dedicated space and maintenance facilities to run. Cloud resources will be released once the event is concluded, making the games more environmentally friendly.

Alibaba Cloud’s technologies support the first “Asian Games on the Cloud”

More than 5,000 hours of excitement transmitted through live cloud broadcasting

The Hangzhou Asian Games will also be the first in the games’ history during which Rights-Holding Broadcasters (RHBs) will receive live footage through public cloud infrastructure. Alibaba Cloud expects to transmit more than 5,000 hours of live footage through as many as 68 high-definition(HD) and ultra-high-definition (UHD) feeds during the event. In addition to live broadcast, the cloud-based content platform delivers footage in HD or UHD, highlights of the Games and news flashes for RHBs to present to the audience’s mobile or other devices.

During the Games, the cloud broadcasting will transcend physical boundaries and bring the excitement to audiences across Asia and the rest of the world, through Alibaba Cloud’s infrastructure and services in Hangzhou to ApsaraVideo Live Centers in Shanghai and Beijing as well as regional cloud resources in Hong Kong Special Administrative Region (SAR) and Singapore.

Prior to cloud broadcasting, broadcasters had to rely on dedicated and more costly international telecommunication optical circuits and spend a considerable amount of time to set up the equipment, in order to send live footage halfway across the globe back to their home countries. Now leveraging the highly scalable, resilient and secure global infrastructure of Alibaba Cloud and its network acceleration service – Global Accelerator, live multilateral content in high quality over the public cloud with a fraction of the cost and minimum time for set-up can be delivered.

Cloud technology helps bring smart Asian Games Villages

The Hangzhou Asian Games has launched an Intelligent Operation Platform to manage the operation of the three Asian Games Villages, which is expected to host over 20,000 athletes, reporters and officials. The platform leverages Alibaba Cloud’s advanced visualization tool to analyze real-time intelligence to further streamline the management system, while providing more seamless user experience for those who live in the Villages.

For example, Alibaba Cloud’s solution utilizes real-time information to analyze traffic and crowd management. A warning will be provided on a dashboard if a public area gets too crowded for public safety. Extreme weather, power failure and fire warnings are also available for organizer’s intelligence-driven decisions.

With Alibaba Cloud’s natural language processing (NLP) technology, an intelligent service robot will also provide all-day online consulting services in both English and Chinese for people living in the Asian Games Villages through a web application service. The chatbot can provide real-time responses related to the services available in the Villages.

ครั้งแรกที่ระบบสำคัญหลักของ Asian Games ทำงานบน Alibaba Cloud

ครั้งแรกที่ระบบสำคัญหลักของ Asian Games ทำงานบน Alibaba Cloud

ครั้งแรกที่ระบบสำคัญหลักของ Asian Games ทำงานบน Alibaba Cloud

บทบาทสำคัญของผู้ให้บริการคลาวด์ชั้นนำของโลก ในการสนับสนุน Hangzhou Asian Games ทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัล

เพื่อขับเคลื่อนภารกิจเร่งการเปลี่ยนผ่านการจัดแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล คณะกรรมการจัดงานเอเชียนเกมส์เมืองหางโจว (HAGOC) วางระบบหลักสำคัญ ที่ใช้ในการจัดงานให้ทำงานบนอาลีบาบา คลาวด์ ซึ่งเป็นธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและหน่วยงานหลักด้านอินเทลลิเจนซ์ของอาลีบาบา กรุ๊ป  ทั้งนี้ อาลีบาบา คลาวด์ จะใช้เทคโนโลยีที่แข็งแกร่งและเชื่อถือได้ของบริษัทฯ สนับสนุนครั้งแรกของ “เอเชียนเกมส์บนคลาวด์” เพื่ออำนวยความสะดวกให้การจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์เป็นไปอย่างอัจฉริยะ ยั่งยืน พิถีพิถันทุกรายละเอียด และมีประสิทธิภาพมากขึ้น เอเชียนเกมส์ครั้งนี้จะจัดขึ้นที่เมืองหางโจว ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของบริษัทฯ ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน ถึง 8 ตุลาคมศกนี้

ระบบหลักสำคัญดังกล่าวประกอบด้วย Games Management Systems (GMS), Results Distribution Systems (RDS) และ Games Support Systems (GSS) ที่ให้การสนับสนุนการดำเนินงานตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงให้กับสถานที่แข่งขัน 56 แห่ง และสถานที่สำคัญอื่น เช่น ศูนย์จัดการเทคโนโลยีสารสนเทศ, ศูนย์หลักสำหรับสื่อมวลชน และหมู่บ้านเอเชียนเกมส์หางโจว (Hangzhou Asian Games Village) รองรับผู้ใช้บริการที่ลงทะเบียนมากกว่า 100,000 ราย รวมถึงนักกีฬา ผู้แพร่ภาพกระจายเสียง ผู้สื่อข่าว เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครจาก 45 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก

อาลีบาบา คลาวด์ ในฐานะผู้ให้บริการคลาวด์และบูรณาการด้านเทคโนโลยีอย่างเป็นทางการของการแข่งขันครั้งนี้ มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดการเอเชียนเกมส์ที่อยู่บนคลาวด์ทั้งหมด โดยใช้ประสบการณ์จากความชำนาญในการสนับสนุนการแข่งขันกีฬาขนาดใหญ่ทั่วโลกที่ได้รับการพิสูจน์ความสำเร็จมาแล้ว

เซลิน่า หยวน ประธานด้านธุรกิจระหว่างประเทศ อาลีบาบา คลาวด์ อินเทลลิเจนซ์ กรุ๊ป กล่าวว่า “เรามีประสบการณ์มากมายในการสนับสนุนการแข่งขันกีฬาขนาดใหญ่ระดับโลกด้วยเทคโนโลยีคลาวด์ที่ได้รับการพิสูจน์ประสิทธิภาพแล้ว และบริการต่าง ๆ ที่เชื่อถือได้ของเรา เราภูมิใจและตื่นเต้นที่จะได้ช่วยให้เอชียนเกมส์ ณ เมืองหางโจว ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของเรา เพียบพร้อมด้วยนวัตกรรม ประสิทธิภาพ และมีความยั่งยืน เรามุ่งมั่นร่วมมือกับผู้เกี่ยวข้องกับการแข่งขันทุกฝ่ายอย่างมีประสิทธิภาพด้วยการสนับสนุนระบบสำคัญต่าง ๆ ที่ล้ำหน้ามากขึ้น  และเราจะนำประสบการณ์การรับชมกีฬาที่ดึงดูดใจและเพลิดเพลินมากขึ้นมาสู่ผู้ชมและแฟนกีฬาทั่วโลก ผ่านเทคโนโลยีด้านการออกอากาศบนคลาวด์ที่ได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพด้านต่าง ๆ มากขึ้น”

เซลิน่า กล่าวเพิ่มเติมว่า “การแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ณ เมืองหางโจว จะเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ อาลีบาบา คลาวด์ ที่จะแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้งที่แข็งแกร่ง ปรับขนาดได้ และปลอดภัย สามารถขับเคลื่อนการทรานฟอร์มการแข่งขันกีฬาขนาดใหญ่สู่ดิจิทัล และนำกีฬาและความบันเทิงต่าง ๆ ส่งตรงไปยังทุกมุมโลกได้อย่างไร”

สถาปัตยกรรมทางเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย รวมเข้ากับระบบสำคัญต่าง ๆ ที่เป็นคลาวด์-เนทีฟอย่างไร้รอยต่อ

อาลีบาบา คลาวด์ นำเสนอสถาปัตยกรรมโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการผสานรวมระบบสำคัญต่าง ๆ ได้อย่างไม่มีข้อติดขัด รวมถึงแอปพลิเคชันอัจฉริยะต่าง ๆ เช่น การออกอากาศบนคลาวด์ การจัดงานและการสื่อสารต่าง ๆ

ตัวอย่าง เมื่อสิ้นสุดการแข่งขันกีฬาแต่ละประเภท ระบบกระจายผลลัพธ์ (Results Distribution System) จะได้รับข้อมูลจากระบบจับเวลาและการให้คะแนนที่อยู่ ณ สถานที่แข่งขันแต่ละแห่ง ซึ่งจะถูกรวมเข้ากับระบบกลางสำหรับการเผยแพร่ในรูปแบบที่แตกต่างกันผ่าน APIs (application programming interfaces) ที่แตกต่างกัน เช่น การแสดงผลการแข่งขันและการฟีดข่าวเป็นต้น และทั้งหมดที่กล่าวมานี้สร้างบนอาลีบาบา คลาวด์ เพื่อความมั่นใจได้ว่าจะมีการเผยแพร่และกระจายผลการแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม่นยำ และเสถียร

การใช้เทคโนโลยีคลาวด์-เนทีฟ และรันระบบบนบริการด้านคอนเทนเนอร์ของอาลีบาบา คลาวด์ ช่วยให้การแข่งขันครั้งนี้ดำเนินไปอย่างคล่องตัว ปรับขนาดได้ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งยังไม่ต้องรันระบบต่าง ๆ ในดาต้าเซ็นเตอร์แบบ physical ที่ต้องใช้พื้นที่ขนาดใหญ่และต้องบำรุงรักษาอีกต่อไป นอกจากนี้ทรัพยากรคลาวด์ต่าง ๆ ที่ใช้จะถูกปลดออกจากงานและเลิกใช้เมื่องานสิ้นสุดลง จึงทำให้การแข่งขันเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

เทคโนโลยีของอาลีบาบา คลาวด์ รองรับระบบสำคัญของเอเชียนเกมส์ที่รันบนคลาวด์ เป็นครั้งแรก

ส่งต่อความตื่นเต้นมากกว่า 5,000 ชั่วโมง ผ่านการถ่ายทอดสดบนคลาวด์

เอเชียนเกมส์ ณ เมืองหางโจว จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การจัดการแข่งขันที่ผู้ออกอากาศที่มีสิทธิ์ (Right-Holding Broadcasters: RHBs) จะได้รับฟุตเทจสดผ่านโครงสร้างพื้นฐานพับลิคคลาวด์ โดย อาลีบาบา คลาวด์ คาดว่าจะส่งผ่านฟุตเทจสดมากกว่า 5,000 ชั่วโมงผ่านฟีดที่มีความคมชัดสูง (HD) และความคมชัดสูงพิเศษ (UHD) มากถึง 68 รายการระหว่างงาน นอกจากการถ่ายทอดสดแล้ว คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่อยู่บนคลาวด์จะส่งฟุตเทจความคมชัดระดับ HD หรือ UHD, ไฮไลท์ของเกมต่าง ๆ และข่าวด่วน ให้กับ RHBs เพื่อนำเสนอตรงไปยังมือถือหรืออุปกรณ์อื่น ๆ ของผู้รับชม

การออกอากาศบนคลาวด์จะก้าวข้ามข้อจำกัดทางกายภาพ และนำความตื่นเต้นในระหว่างการแข่งขันสู่ผู้รับชมทั่วภูมิภาคเอเชียและส่วนอื่น ๆ ของโลก ผ่านโครงสร้างพื้นฐานไอทีและบริการต่าง ๆ ของอาลีบาบา คลาวด์ ในเมืองหางโจว ไปจนถึง ApsaraVideo Live Centers ณ เมืองเซี่ยงไฮ้และปักกิ่ง รวมถึงคลาวด์ระดับภูมิภาคในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง และสิงคโปร์

ก่อนที่จะมีการออกอากาศบนคลาวด์ ผู้แพร่ภาพกระจายเสียงต้องพึ่งพาออปติคัลเซอร์กิตเฉพาะด้านโทรคมนาคมระหว่างประเทศที่มีค่าใช้จ่ายสูง และใช้เวลามากในการติดตั้งอุปกรณ์ เพียงเพื่อจะได้สามารถส่งฟุตเทจสดจากอีกซีกหนึ่งของโลกกลับไปยังประเทศของตน ปัจจุบันเมื่อใช้โครงสร้างพื้นฐานไอทีระดับโลกที่สามารถปรับขนาดได้สูง ยืดหยุ่น และปลอดภัย ของอาลีบาบา คลาวด์ และ Global Accelerator ซึ่งเป็นบริการเร่งความเร็วเน็ตเวิร์กของบริษัทฯ ก็จะสามารถถ่ายทอดสดเนื้อหาหลากหลายประเภท ด้วยคุณภาพความคมชัดสูงบนพับลิคคลาวด์ได้โดยมีค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อยและใช้เวลาในการติดตั้งไม่นาน

นำเทคโนโลยีคลาวด์สู่ Asian Games Villages อัจฉริยะ

นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว Intelligent Operation Platform ในเอเชียนเกมส์ที่หางโจวครั้งนี้ด้วย เพื่อใช้บริหารจัดการการดำเนินงานของหมู่บ้านเอเชียนเกมส์ 3 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะรองรับนักกีฬา ผู้สื่อข่าวและเจ้าหน้าที่มากกว่า 20,000 คน แพลตฟอร์มนี้ใช้ประโยชน์จากเครื่องมือเวอร์ชวลไลเซชันที่ล้ำสมัยของอาลีบาบา คลาวด์ เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลอัจริยะแบบเรียลไทม์ และนำผลวิเคราะห์ไปปรับปรุงระบบบริหารจัดการต่อไป ในขณะเดียวกันก็มอบประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นมากขึ้นให้กับผู้พักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านทั้งสามแห่งนี้

ตัวอย่าง โซลูชันของอาลีบาบา คลาวด์ ใช้ข้อมูลเรียลไทม์ เพื่อวิเคราะห์การบริหารจัดการการจราจรและความหนาแน่นของกลุ่มคน และหากพื้นที่สาธารณะมีผู้คนหนาแน่นเกินไป ระบบจะแจ้งเตือนบนแดชบอร์ดเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสาธารณะ นอกจากนี้ยังมีการแจ้งเตือนสภาพอากาศที่รุนแรง ไฟดับ และไฟไหม้ เพื่อให้ผู้จัดงานสามารถตัดสินใจได้อย่างเหมาะสม

 อาลีบาบา คลาวด์ ใช้เทคโนโลยีการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) ของบริษัทฯ ผ่านหุ่นยนต์บริการอัจฉริยะ ที่สามารถให้บริการคำปรึกษาออนไลน์แก่ผู้พักอาศัยในหมู่บ้านเอเชียนเกมส์ตลอดทั้งวันด้วยภาษาอังกฤษและภาษาจีน ผ่านบริการเว็บแอปพลิเคชัน แชทบอทนี้สามารถให้การตอบกลับ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับบริการต่าง ๆ ที่มีในหมู่บ้านได้แบบเรียลไทม์

Think of Living และ DDproperty ผนึกกำลังจัดงาน “Living Expo 2023” มหกรรมบ้าน-คอนโดฯ สุดคุ้มใกล้รถไฟฟ้าส่งท้ายปี 23-26 พฤศจิกายน ศกนี้!

Think of Living และ DDproperty ผนึกกำลังจัดงาน “Living Expo 2023” มหกรรมบ้าน-คอนโดฯ สุดคุ้มใกล้รถไฟฟ้าส่งท้ายปี 23-26 พฤศจิกายน ศกนี้!

Think of Living และ DDproperty ผนึกกำลังจัดงาน “Living Expo 2023” มหกรรมบ้าน-คอนโดฯ สุดคุ้มใกล้รถไฟฟ้าส่งท้ายปี 23-26 พฤศจิกายน ศกนี้!

พลิกวิธีหาบ้านไปกับหนังสือ “แผนที่ PICK ชีวิต” พร้อมไฮไลต์เด็ด “Best Deal Guarantee” รับประกันราคาดีที่สุดพร้อมดีลส่วนลดช้อปของแต่งบ้านสุด Exclusive จาก NocNoc ลดสูงสุด 80% และประเมินสินเชื่อ รู้ผลทันทีในงาน

“Think of Living” เว็บไซต์รีวิวโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ผนึกกำลัง “ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty)” เว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย สองบริษัทในเครือพร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป จำกัด (NYSE: PGRU) บริษัทเทคโนโลยีด้านอสังหาริมทรัพย์ (PropTech) ชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศจัดงาน “Living Expo 2023” มหกรรมบ้านและคอนโดมิเนียมใกล้รถไฟฟ้าครั้งยิ่งใหญ่ ระหว่างวันที่ 23-26 พฤศจิกายน 2566 ณ ลานแฟชั่นฮอลล์ ชั้น 1 สยามพารากอน ยกขบวนที่อยู่อาศัยจากบรรดาผู้ประกอบการชั้นนำในทำเลศักยภาพแนวรถไฟฟ้า มาพร้อมกับโปรโมชั่นสุด Exclusive ตอกย้ำความคุ้มค่าด้วยการรับประกันราคาห้องที่ดีที่สุดจากผู้ประกอบการกับแคมเปญ Best Deal Guarantee พร้อมโปรโมชั่นช็อปปิ้งของแต่งบ้านราคาพิเศษจาก NocNoc ตอบโจทย์คนหาบ้านได้ครบ จบในงานเดียว 

งาน “Living Expo 2023” ครั้งนี้จัดในคอนเซ็ปต์ “NEXT is NOW” เมื่อที่อยู่อาศัยคือ Next Chapter ครั้งใหญ่ในชีวิตของหลายคน การเริ่มต้นวางแผนเลือกซื้อที่อยู่อาศัยในอนาคตด้วยความมั่นใจไปกับข้อมูลที่ครบครันและคัดสรรมาเป็นอย่างดีจาก Think of Living และ DDproperty พร้อมเป็นผู้ช่วยให้ทุกเส้นทางอสังหาฯ ของทุกคนเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น อำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคและนักลงทุนสามารถเข้าถึงโปรโมชั่นสุดพิเศษกับหลากหลายโครงการคุณภาพจากผู้ประกอบการ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังสามารถเสนอขายโครงการไปยังผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง เพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขายส่งท้ายปี 

วิทยา อภิรักษ์วิริยะ ผู้จัดการทั่วไป Think of Living และ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้

นายวิทยา อภิรักษ์วิริยะ ผู้จัดการทั่วไป Think of Living และ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (ฝั่งธุรกิจดีเวลลอปเปอร์) กล่าวว่า “จากประสบการณ์ในการเป็นกูรูผู้ให้คำแนะนำในแวดวงอสังหาริมทรัพย์มาอย่างยาวนาน ทำให้เรามีข้อมูลเชิงลึก มีความรู้และเข้าใจเทรนด์ความต้องการที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในแต่ละยุคสมัย ซึ่งข้อมูลจากแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดที่อยูอาศัย DDproperty Thailand Consumer Sentiment Study รอบล่าสุด พบว่า ปัจจัยภายนอกโครงการที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่อาศัยนั้น ครึ่งหนึ่งของผู้บริโภค (50%) ให้ความสำคัญกับการเดินทางที่สะดวกด้วยระบบขนส่งสาธารณะ และ 47% เลือกจากทำเลที่ตั้ง สะท้อนให้เห็นว่าโครงการที่อยู่อาศัยในทำเลแนวรถไฟฟ้าเป็นทำเลที่น่าจับตามองและตอบโจทย์คนหาบ้านยุคนี้ รวมทั้งมีศักยภาพในการลงทุนในอนาคตอีกด้วย ซึ่งนี่เป็นหนึ่งตัวอย่างเทรนด์ที่อยู่อาศัยที่ทั้ง Think of Living และ DDproperty นำมาพิจารณาเพื่อพัฒนาเว็บไซต์ของเราให้รองรับฟีเจอร์การค้นหาบ้านที่ใช่ในทำเล รูปแบบ และราคาต่าง ๆ ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีด้วยยอดการใช้งานในปีนี้ที่เพิ่มขึ้นกว่า 40% 

ขณะเดียวกัน บทความให้ความรู้เกี่ยวกับการวางแผนซื้อที่อยู่อาศัย รวมทั้งการขอสินเชื่อบนเว็บไซต์ยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ด้วยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมคนหาบ้านที่เรามีเหล่านี้ จึงเป็นที่มาของการจัดงาน Living Expo 2023 รวบรวมที่อยู่อาศัยทั้งแนวสูงและแนวราบใกล้รถไฟฟ้ามาจัดในรูปแบบงานออฟไลน์ ทุกองค์ประกอบภายในงานครั้งนี้ผ่านการวิเคราะห์และออกแบบให้ครอบคลุมทุกขั้นตอนการซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค เริ่มตั้งแต่การวางแผนเลือกซื้อที่ช่วยประหยัดเวลาในการมองหาบ้านในทำเลที่ใช่ด้วยหนังสือ “แผนที่ PICK ชีวิต” และโพย “อยู่แถวไหนดี?” ประหยัดเงินด้วยโปรโมชั่นสุดคุ้มกับแคมเปญ Best Deal Guarantee รับประกันราคาดีที่สุด รวมไปถึงโซนที่ปรึกษาทางการเงินกับบริการตรวจสอบเครดิตบูโรและยื่นขอสินเชื่อจากธนาคารที่ทราบผลได้ทันที* นอกจากนี้ ยังมาพร้อมโปรโมชั่นและส่วนลดของแต่งบ้านจาก NocNoc ปิดท้ายให้เส้นทางการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคเป็นไปอย่างราบรื่น ครบครันทุกขั้นตอน จบภายในงานเดียว”

“นอกจากนี้ ข้อมูลจากแบบสอบถามฯ DDproperty Thailand Consumer Sentiment Study พบว่า ผู้บริโภคมากกว่าครึ่ง (53%) วางแผนซื้อที่อยู่อาศัยภายใน 1 ปีข้างหน้า จากเดิม 52% ในรอบก่อนหน้า ถือเป็นสัญญาณบวกที่แสดงให้เห็นความต้องการที่อยู่อาศัยที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้น ซึ่งปัจจุบันยังถือเป็นโอกาสที่ดีของผู้ที่มีความพร้อมทางการเงิน เนื่องจากยังมีปัจจัยสนับสนุนการซื้อที่อยู่อาศัยด้วยมาตรการลดค่าโอนกรรมสิทธิ์-ค่าจดจำนองจากภาครัฐ ซึ่งจะสิ้นสุดลงในปลายปี 2566 นี้ คาดว่างาน Living Expo 2023 จะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์และกระตุ้นการซื้อขายให้กลับมาคึกคักในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ตั้งเป้ามีผู้สนใจเข้าร่วมงานเพิ่มขึ้น 40% จากครั้งก่อนหน้า” นายวิทยา กล่าวสรุป

งาน “Living Expo 2023” มาพร้อมกับผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ที่พร้อมนำเสนอโครงการบ้านและคอนโดฯ ในหลากหลายทำเลศักยภาพแนวรถไฟฟ้า BTS และ MRT ตอบโจทย์การเดินทางและการใช้ชีวิตในเมืองหลวง เปิดโอกาสให้ผู้ซื้อได้เปรียบเทียบความคุ้มค่าของแต่ละโครงการ พร้อมรับข้อเสนอพิเศษในงานทันที การันตี 5 ความพิเศษที่ครอบคลุมทุกความต้องการของคนหาบ้าน ดังนี้

  1. รับฟรี! หนังสือ “แผนที่ PICK ชีวิต” และโพย “อยู่แถวไหนดี?” พบกับกูรูออฟไลน์สำหรับคนหาบ้านที่มาในรูปแบบหนังสือ Limited edition ที่จะช่วยให้การหาบ้านและคอนโดฯ ใกล้รถไฟฟ้าเป็นเรื่องง่ายกว่าที่เคย ปีนี้มาในคอนเซ็ปต์ “แผนที่ PICK ชีวิต” รวบรวมข้อมูลโครงการที่อยู่อาศัยมือหนึ่งที่ตั้งอยู่ในแนวรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการแล้ว และมีแผนเปิดให้บริการภายในปี 2567 ทั้ง 8 สาย กว่า 191 สถานี นอกจากนี้ ยังมาพร้อมโพย “อยู่แถวไหนดี?” โพยหาบ้านที่จะช่วยให้คุณประหยัดเวลา ได้บ้านที่ใช่ในทำเลที่ชอบ และตอบโจทย์ตามงบที่ตั้งไว้ หนังสือมีจำนวนจำกัด! ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อรับหนังสือฟรี ณ หน้างาน ได้ทาง www.thinkofliving.com/events ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายนนี้ เป็นต้นไป
  2. ดีลเด็ดการันตีราคาดีที่สุดกับ “Best Deal Guarantee” แคมเปญสุด Exclusive ที่ Think of Living และ DDproperty ร่วมกับผู้พัฒนาอสังหาฯ ชั้นนำของไทย คัดสรรที่อยู่อาศัยราคาสุดพิเศษในโครงการมารับประกันราคาที่ดีที่สุดเฉพาะในงานนี้ที่เดียวเท่านั้น! และยินดีปรับราคาให้ หากผู้บริโภคเจอราคาที่ดีกว่าในช่องทาง Online Official หรือ Sale Gallery ของโครงการที่ร่วมแคมเปญนี้ ระหว่างวันที่ 1-26 พฤศจิกายน 2566 มั่นใจและการันตีได้เลยว่าราคาห้องของโครงการที่ร่วมแคมเปญ Best Deal Guarantee นี้เป็นราคาที่ดีที่สุดแน่นอน
  3. เช็กเครดิตบูโร ให้คำปรึกษาด้านสินเชื่อ พร้อมขอสินเชื่อโครงการภายในงาน อำนวยความสะดวกให้ผู้ซื้อที่ถูกใจที่อยู่อาศัยสุดคุ้มภายในงาน กับฟีเจอร์ตรวจเช็กความพร้อมด้านการเงินด้วยตนเองล่วงหน้าผ่าน www.thinkofliving.com/events และลงทะเบียนขอสินเชื่อโครงการที่มาในงานล่วงหน้า พร้อมกับบริการตรวจสอบเครดิตบูโรที่งานโดยไม่มีค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ ยังรวบรวมโปรโมชั่นสินเชื่อมากมายจากหลากหลายธนาคาร พร้อมทั้งมีบริการให้คำปรึกษาด้านสินเชื่อโดยธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ที่มานั่งให้คำปรึกษาภายในงานครั้งนี้อีกด้วย
  4. ได้บ้านที่ใช่ พร้อมเลือกช้อปของแต่งบ้านจนกว่าจะชอบที่ “NocNoc” ศูนย์รวมสินค้าและบริการเรื่องบ้านออนไลน์ ที่ขนดีลเด็ดสุดพิเศษมาให้ช้อปของแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าแบบจัดเต็ม ตั้งแต่บัตรกำนัล NocNoc Voucher ยิ่งซื้อเยอะยิ่งคุ้ม, โค้ดส่วนลดมากมาย** คุ้มที่สุดเฉพาะในงานนี้เท่านั้น ช้อปได้ทั้งบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น NocNoc พร้อมบริการจัดส่งทั่วไทย 

    พิเศษยิ่งขึ้น!! เมื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน NocNoc ภายในงาน!! รับฟรี!!! NocNoc Shopping Bag และลูกค้าท่านแรกที่ซื้อหรือจองในงานในแต่ละวัน รับ Voucher Package ตกแต่งห้องมูลค่า 5,000 บาท (วัน รวม รางวัล)
  5. เพียงลงทะเบียนร่วมงาน รับหนังสือ “แผนที่ PICK ชีวิต” และโพย “อยู่แถวไหนดี?“ ทันที และลุ้นรับของรางวัลมากมายเมื่อจองและซื้อในงาน นอกจากจะพบกับดีลสุดคุ้มแล้ว เพียงผู้ร่วมงานสนใจจองและซื้อที่อยู่อาศัยภายในงานนี้ ก็รับสิทธิ์ลุ้นเป็นผู้โชคดีรับของรางวัลอีกมากมายได้ง่าย ๆ รวมมูลค่ากว่า 50,000 บาท โดยจับสลากผู้โชคดีและประกาศผลในวันที่ 26 พฤศจิกายน นี้ เวลา 19:00 น. ของรางวัลมีดังนี้
    • Voucher Package ตกแต่งห้อง ช้อปของแต่งบ้านจาก NocNoc จำนวน 1 รางวัล มูลค่า 10,000 บาท
    • หูฟังไร้สาย Apple AirPods (3rd gen) with Lightning Charging Case จำนวน 1 รางวัล มูลค่า 6,790 บาท
    • Apple iPad 10 (2022) Wi-Fi 64GB 10.9 inch Silver จำนวน 1 รางวัล มูลค่า 17,900 บาท
    • Apple Watch SE GPS 40mm Midnight Aluminium Case with Midnight Sport Band (New) จำนวน 2 รางวัล มูลค่า 9,900 บาท/รางวัล

ความคุ้มค่าที่คนหาบ้านไม่ควรพลาด! งาน “Living Expo 2023” มหกรรมบ้านและคอนโดฯ ใกล้รถไฟฟ้า ภายใต้คอนเซปต์ “NEXT is NOW” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-26 พฤศจิกายน 2566 ณ ลานแฟชั่นฮอลล์ ชั้น สยามพารากอน เวลา 10:00 – 20:00 น. ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.thinkofliving.com/events  

Siemens Showcases Smart Power Distribution and IoT Solutions at ASEAN Sustainable Energy Week 2023

ซีเมนส์ จัดแสดงเทคโนโลยี ระบบไฟฟ้าและโซลูชัน IoT ด้านพลังงาน ที่งาน ASEAN Sustainable Energy Week 2023

Siemens Showcases Smart Power Distribution and IoT Solutions at ASEAN Sustainable Energy Week 2023

Explore Siemens’ innovations at booth H9, Hall 2, Queen Sirikit National Convention Center from August 30 – September 1, 2023

Siemens is committed to support digital transformation of the Thai industrial sector toward low-carbon practices and sustainability, showcasing IoT solutions and latest power distribution technologies from Siemens Xcelerator portfolio at ASEAN Sustainable Energy Week 2023

Under the theme “Accelerate Transformation Towards Decarbonization and Sustainable Industry”, Siemens aims to boost the potential and facilitate efficient management of electricity within Thailand’s industrial ecosystem while also addressing CO2 reduction in operational processes involving electrical assets.

According to the International Energy Agency (IEA), the industrial sector accounted for the highest share of energy consumption in 2022, amounting to 37%. The industry is confronted with challenges in its pursuit of achieving Net Zero, prompting a major transformation of operations, particularly in electric power.

In addition, the power distribution system has become more complex with the integration of additional renewable energy sources, industrial operators must accelerate the adoption of innovation and automation technologies to optimize processes, enhance energy efficiency, reduce costs, and contribute to minimizing CO2 emission, all in alignment with sustainability goals.

Suwannee Singluedej, President & CEO of Siemens Thailand said “Siemens is committed to introducing innovative solutions and technologies that facilitate the digitalization of industries while efficiently managing energy costs. This can be achieved through three core pillars: Decrease CAPEX & OPEX, Enhance Efficiency, and Replace with Technology which means using technologies to optimize operations. These efforts will help advance the industries toward low-carbon practices and sustainability.”

Today, the success of industrial operators’ lies largely in the optimization of operations. This leads to the significance of Internet of Things (IoT) technology and Digital Transformation as essential components in elevating competitive capabilities. According to the Association of the Industrial Energy and Power Industry, the industrial sector is grappling with significant challenges in effectively managing electricity. This includes 60% of industrial companies experience one power outage at least once a year, while 80% contend with unplanned power shutdowns that result in extensive losses. Furthermore, 53% of power producers frequently require preventive maintenance for electrical assets due to a lack of real-time asset-transparency. Additionally, 50% rely on equipment from diverse suppliers, resulting in inefficient data connectivity that hampers the effective control and management of electricity. Collectively, these challenges present persistent hurdles in contemporary essential electrical power management, thus necessitating innovative, technology-driven solutions.

Siemens’ Smart Power Distribution and IoT Solutions offer an enhanced capacity and a comprehensive approach to tackling these challenges. Highlighted solutions and technologies at ASEW 2023 include:

  • Power IoT Solutions: for power plants, power stations, substations in factories, and other infrastructures in industrial estates
    • Microgrids for Sustainability: Microgrid application effectively monitors and manages power distribution from various renewable energy sources including traditional power stations, hydroelectric power, photovoltaic arrays, and more. It enables the highly cost-effective and efficient utilization of these diverse renewable energy sources while ensuring the stability of the power system.
    • IoT Applications and Cybersecurity: IoT applications designed to facilitate the control and real-time monitoring of electrical asset status, they provide data and generate digital document, accessible via on-premises servers or the cloud. This helps reduce unplanned power outages and unnecessary preventive maintenance of electrical equipment. As a result, it boosts production continuity and efficiency. Moreover, data security is assured through an energy automation portfolio that is certified for Cybersecurity as per the world’s first IEC 62443-4-1 standard.
    • Smart Power Monitoring and Management: Applications that assists in monitoring and managing electric power for the main distribution board, enabling the tracking of electrical equipment and low-voltage systems status within the facility. This capability facilitates the optimization of electricity utilization in the production process. It also aids in energy-saving planning, rapid detection of electrical faults, and subsequent loss reduction.
    • Scale Up E-Mobility and Manage Loads: The application that monitors the operational status of electric vehicle charging stations, providing real-time updates on the charging point’s condition and remote-control capabilities. This functionality aids in the reduction of management and maintenance expenses while optimizing the charging point’s efficiency to its maximum potential.
  • Innovative and Eco-Friendly Switchgear (Medium-Voltage blue GIS) utilizes Clean Air without fluorine gas (100% F-gas free) to help reduce global warming. It is maintenance-free, making the power distribution system more sustainable.
  • The Innovative and Intelligent Motor Management System (SIMOCODE pro), installed within the main distribution board (SIVACON S8 Low-Voltage Switchboard) enables real-time monitoring of operational status of low-voltage motors. It facilitates real-time monitoring of the operational status of low-voltage motors, thereby reducing motor maintenance costs and enhancing uninterrupted production operations.
  • E-House is a prefabricated substation supporting industrial sectors seeking rapid and sustainable project expansions. The E-House can be deployed swiftly, therefore substantially shortens project timelines. It is versatile, allowing for easy relocation, modifications, or reuse in new projects.

Furthermore, Siemens also exhibits SICHARGE D, marking its debut in Thailand. This high-performance DC charger for electric vehicles has earned the prestigious iF Design Award 2023 in the Automotive category.

“As industries transition towards a carbon-neutral society, it is important to be well-prepared and technologically equipped for the energy transformation. In the midst of the expected complexities of future electric networks, there are additional challenges in seamlessly integrating renewable energy into current setups. These difficulties involve the complex tasks of the power grid system that needs to serve both Consumer and Prosumer. Therefore, the future power system technology must be ready to handle energy shifts, ensuring top-notch effectiveness, stability, and resilience across various applications, all while prioritizing sustainability,” Suwannee concluded.