โอเพ่นซอร์ส เสริมแกร่งให้หน่วยงานภาครัฐ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างไร

โอเพ่นซอร์ส เสริมแกร่งให้หน่วยงานภาครัฐ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างไร

โอเพ่นซอร์ส เสริมแกร่งให้หน่วยงานภาครัฐ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างไร

เปรม ปาวัน

บทความโดย นายเปรม ปาวัน รองประธานประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลี ของเร้ดแฮท

เห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่กี่ปีที่ผ่านมาภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้กลายเป็นศูนย์กลางการเติบโตทางเศรษฐกิจและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี รายงาน Google e-Conomy SEA ประจำปี 2566 ประเมินว่าสิ้นปี 2568 เศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาคนี้จะมีมูลค่าถึง 295 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ นอกจากนี้สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) ยังได้ตอกย้ำ ความสำคัญของการทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัลของประเทศในภูมิภาคนี้เพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าและการบูรณาการบริการดิจิทัล ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะภาคเอกชนเท่านั้น แม้แต่ภาครัฐเองก็สามารถทรานฟอร์มสู่ดิจิทัล และใช้ดิจิทัลโซลูชันส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีให้ประชาชน และสร้างสังคมดิจิทัลอย่างทั่วถึงได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามเมื่อนำไปใช้จริง เครื่องมือดิจิทัลต่าง ๆ ที่มีอยู่อาจไม่ตอบโจทย์ได้ทั้งหมด

อย่างไรก็ตามการทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัลของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้อยู่ในระดับที่ต่างกันออกไป ข้อมูลจาก e-Government Development Index ของสหประชาชาติ ระบุว่า เมื่อพิจารณาด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและความพร้อมในการให้บริการแล้ว ประเทศสิงคโปร์อยู่ในอันดับ 12 จาก 193 ประเทศ แต่มาเลเซีย ไทย และอินโดนีเซียกลับไม่ได้อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน

ประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้ได้บรรจุเรื่องนี้ไว้ในระดับนโยบายแล้ว เช่น นโยบาย Making Indoensia 4.0 และ Smart Nation Initiatives ของสิงคโปร์ รวมถึง Thailand Digital Government Development Plan ของไทยที่ล้วนโฟกัสไปที่การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านสวัสดิการสาธารณะและประโยชน์ส่วนรวม ดังนั้นการพิจารณานำเทคโนโลยีที่มีอยู่หลากหลายมาใช้จึงเป็นเรื่องสำคัญ และหนึ่งในเทคโนโลยีที่เป็นแรงกระตุ้นและสนับสนุนให้การพัฒนาบริการประชาชนด้านต่าง ๆ ทำได้อย่างทั่วถึงมากขึ้นอย่างรวดเร็วคือโอเพ่นซอร์ส ที่จะช่วยขับเคลื่อนบริการภาครัฐในภูมิภาคนี้ให้สามารถให้บริการประชาชนได้ดีขึ้น ส่งเสริมนวัตกรรมด้านต่าง ๆ และเพิ่มความปลอดภัยไซเบอร์ให้รัดกุมมากขึ้นได้ ผ่านสามแนวทางหลักคือ

พัฒนาดิจิทัลภาครัฐไปพร้อม ๆ กับเศรษฐกิจดิจิทัลที่ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ตัวชี้วัดการเติบโตของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในภาพรวมยังคงเป็นไปในทิศทางที่ดี ธนาคารพัฒนาเอเชียประมาณการณ์ว่าภูมิภาคนี้จะเติบโต 4.7% นอกจากนี้ประชากรในภูมิภาคนี้จำนวนมากยังเข้าสู่ยุค mobile-first ด้วยตัวเลขการใช้สมาร์ทโฟนที่สูงสุดในโลก ผู้บริโภคมีความคาดหวังบริการดิจิทัลที่รวดเร็ว คล่องตัว เฉพาะตัว และสะดวกเพียงกดปุ่ม ทำให้หน่วยงานภาครัฐต้องตามให้ทันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์นี้

งบประมาณที่ค่อนข้างจำกัดเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง แต่เทคโนโลยีโอเพ่นซอร์สช่วยให้หน่วยงานภาครัฐสร้างดิจิทัลโซลูชันที่คุ้มค่าการลงทุน เพราะซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สส่วนมากเปิดให้ใช้งานได้ในระดับคอมมิวนิตี้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และเมื่อจะนำซอฟต์แวร์ไปใช้ในระดับองค์กรก็สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการที่เจาะจงกับการใช้งาน โอเพ่นซอร์สเป็นเทคโนโลยีที่มีการใช้ความรู้และอัปเดทเรื่องต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว เพราะเป็นการทำงานร่วมกันจากผู้เชี่ยวชาญและผู้มีส่วนร่วมทั่วโลก ความคุ้มค่าการลงทุนในลักษณะนี้เป็นประโยชน์มากต่อหน่วยงานที่มีงบประมาณจำกัดและต้องบริหารจัดการงบประมาณนั้นอย่างรอบคอบเหมาะสม

ธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นธนาคารเพื่อสังคมของรัฐบาลในประเทศไทย เป็นตัวอย่างหนึ่งของการใช้เทคโนโลยีโอเพ่นซอร์สระดับองค์กรสนับสนุนการทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัลได้ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยโซลูชันของเร้ดแฮทมีบทบาทสำคัญในการปรับโครงสร้างพื้นฐานไอทีของธนาคารฯ ให้ทันสมัย ส่งผลให้ธนาคารฯ ให้บริการลูกค้าได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น Indonesia’s Treasury เป็นกรณีตัวอย่างที่ทำให้เห็นว่าโอเพ่นซอร์สช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการสาธารณประโยชน์และลดความซ้ำซ้อนได้อย่างไร โดยสามารถให้บริการและเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ ในเวลาน้อยลง 50% และปรับขนาดการทำงานเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ด้วยโซลูชันของเร้ดแฮท PERKESO ในประเทศมาเลเซียเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่นำแอปพลิเคชันที่ปรับให้เหมาะกับการใช้งานวางไว้ให้ทำงานบน Red Hat Enterprise Linux ซึ่งช่วยให้ผู้จ้างงานในมาเลเซียมากกว่า 400,000 ราย สามารถใช้ช่องทางดิจิทัลของ PERKESO ได้ นับเป็นการเพิ่มการมีส่วนร่วมทางออนไลน์โดยรวมได้ 90 เปอร์เซ็นต์

เสริมความปลอดภัยไซเบอร์ให้กับหน่วยงานภาครัฐ รองรับกฎระเบียบและข้อบังคับด้านข้อมูล

การเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาค มาพร้อมการโจมตีทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้น ความปลอดภัยไซเบอร์จึงเป็นเรื่องสำคัญมากของหน่วยงานภาครัฐซึ่งเป็นผู้รวบรวมและจัดเก็บข้อมูลที่มีความอ่อนไหวสูงของประชาชน เห็นได้จากการประกาศใช้กฎหมายความเป็นส่วนตัวของข้อมูลในหลายประเทศ เช่น ไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

โอเพ่นซอร์สมอบฐานรากที่แข็งแกร่งให้กับการปกป้องข้อมูลที่อ่อนไหวง่าย และสนับสนุนเป้าหมายการเสริมสร้างความปลอดภัยไซเบอร์ให้รัดกุม โอเพ่นซอร์สช่วยให้หน่วยงานภาครัฐสามารถตรวจสอบโค้ดได้อย่างละเอียดว่ามีช่องโหว่ตรงไหนหรือไม่และทำการแพตช์ช่องโหว่นั้น ๆ ได้ทันเวลา ความยืดหยุ่นของซอฟต์แวร์ที่เป็นโอเพ่นซอร์ส ช่วยให้ผสานรวมฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยประสิทธิภาพล้ำหน้าต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เช่น การยืนยันตัวตนและการเข้ารหัสแบบหลายชั้น เพื่อปกป้องข้อมูลที่อ่อนไหวง่าย ตัวอย่างเทคโนโลยีโอเพ่นซอร์สที่ใช้ในองค์กร เช่น Red Hat Trusted Software Supply Chain ที่มีรูปแบบการพัฒนาที่โปร่งใสและทำซ้ำได้ และสามารถรองรับมาตรการด้านความปลอดภัยไซเบอร์ให้กับหน่วยงานภาครัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

โอเพ่นซอร์สสร้างความคล่องตัวและความยืดหยุ่นให้ภาครัฐและประชาชนในภูมิภาค

รูปแบบการทำงานของโอเพ่นซอร์สเป็นการส่งเสริมวัฒนธรรมการทำงานและสร้างนวัตกรรมร่วมกัน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้ภาครัฐพัฒนาได้อย่างคล่องตัว หลักการสำคัญของรูปแบบการทำงานของโอเพ่นซอร์สคือการทำงานร่วมกัน ความโปร่งใส และการพัฒนาที่ขับเคลื่อนโดยคอมมิวนิตี้ ตัวอย่างความร่วมมือของเร้ดแฮทกับคณะกรรมการ R&D ของรัฐบาลสิงคโปร์ แสดงให้เห็นประโยชน์ของการแบ่งปันความรู้และวิธีการทำงานแบบเปิด รวมถึงแนวทางการพัฒนาที่ทันสมัยต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการให้บริการประชาชนในภาพรวม

โอเพ่นซอร์สยังมีบทบาทสำคัญในการตอบสนองต่อสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงการใช้งานจริงของเทคโนโลยีอย่างชัดเจน เทคโนโลยีโอเพ่นซอร์สได้ช่วยสร้างระบบสาธารณสุขที่ยืดหยุ่น ช่วยติดตามการแพร่กระจายของไวรัส และช่วยให้สามารถทำงานและศึกษาจากระยะไกลได้ การใช้โอเพ่นซอร์สที่ใช้ในระดับองค์กรที่หน่วยงานด้านสาธารณสุข BPJS Kesehatan Indonesia และ Synapxe Singapore (เดิมชื่อ IHiS) เป็นตัวอย่างให้เห็นถึงการเพิ่มความคล่องตัวและการตอบสนองที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้สามารถให้บริการประชาชนหลายล้านคนได้ดีขึ้นในช่วงวิกฤตโควิด

กล่าวได้ว่าหน่วยงานภาครัฐในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กำลังอยู่ในช่วงสำคัญของการทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัล การที่เครื่องมือดิจิทัล แอปพลิเคชัน และซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ยังคงเปลี่ยนโฉมเศรษฐกิจของภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง การใช้โซลูชันโอเพ่นซอร์สเพื่อให้บริการประชาชนได้อย่างปลอดภัยและด้วยนวัตกรรม ในขณะที่ยังคงให้ความสำคัญต่อการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยที่จำเป็นต่าง ๆ จึงเป็นเรื่องที่หน่วยงานภาครัฐควรพิจารณาอย่างยิ่ง เพราะเทคโนโลยีโอเพ่นซอร์สสามารถสนับสนุนดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน ในขณะเดียวกันก็ช่วยขับเคลื่อนความคุ้มค่าการลงทุน สนับสนุนการทำงานร่วมกัน และเพิ่มความโปร่งใส สร้างนวัตกรรม ส่งเสริมการทำงานร่วมกัน และสร้างบริการที่คล่องตัว เพื่อให้บริการประชาชนได้ดีขึ้น

Alibaba Cloud Launches Tongyi Qianwen 2.0 and Industry-specific Models to Support Customers Reap Benefits of Generative AI

อาลีบาบา คลาวด์ เปิดตัว Tongyi Qianwen 2.0 และโมเดลเฉพาะทางสำหรับธุรกิจต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนลูกค้าให้เก็บเกี่ยวคุณประโยชน์จาก Generative AI

Alibaba Cloud Launches Tongyi Qianwen 2.0 and Industry-specific Models to Support Customers Reap Benefits of Generative AI

New AI Model Building Platform and a suite of innovative cloud products launched to cater for the surging demand among customers and developers

Alibaba Cloud, the digital technology and intelligence backbone of Alibaba Group, today announced the launch of Tongyi Qianwen 2.0, its latest large language model (LLM), along with new industry-specific models at its annual flagship tech event Apsara Conference. This release signifies another significant progress in Alibaba Cloud’s pursuit of cutting-edge AI innovation and its ongoing commitment to fuel digital transformation in businesses.

In response to the surging demand for powerful infrastructure supporting generative AI development, Alibaba Cloud also unveiled an AI model training platform and a series of innovative cloud products. New initiatives to bolster the open-source AI model community and global AI startups were also unveiled during the Conference. These resources are designed to enable customers, partners, developers, startups, and the wider community to fully harness the potential of generative AI.

“Currently, 80% of China’s technology companies and half of large model companies run on Alibaba Cloud. We aim to be the most open cloud in the era of AI. We hope that through this cloud, it will become easier and affordable for everyone to develop and use AI, so we can help, especially small and medium-sized enterprises, to turn AI into huge productivity,” said Joe Tsai, Chairman of Alibaba Group.

Tongyi Qianwen 2.0: A Leap Forward in LLMs

Tongyi Qianwen 2.0, a generic LLM with a few hundreds of billions of parameters, represents a substantial upgrade from its predecessor launched in April. The model successfully exceeds some leading LLMs in benchmarks across domains ranging from language understanding, arithmetic problem solving, to question-answering.

With an expanded model size and improved alignment technique, Tongyi Qianwen 2.0 demonstrates remarkable capabilities in understanding complex instructions, copywriting, reasoning, memorizing, and preventing hallucinations. The model is now accessible to the public via its website and mobile applications, and available for developers through APIs.

In benchmarks including MMLU(multi-task language understanding), GSM8K (arithmetic problem solving), ARC-C (question answering), BBH (multi-task language understanding) and Math (math word problem solving), Tongyi Qianwen 2.0 surpassed some leading large language models
In benchmarks including MMLU(multi-task language understanding), GSM8K (arithmetic problem solving), ARC-C (question answering), BBH (multi-task language understanding) and Math (math word problem solving), Tongyi Qianwen 2.0 surpassed some leading large language models

Industry-specific Models: AI for Enhanced Business Performance

In addition, Alibaba Cloud also released new industry-specific models to help businesses unlock the transformative potential of generative AI across sectors for enhanced business performance. These sectors include customer support, legal counselling, healthcare, finance, documentation management, audio & video management, code development, and character creation.

“Large language models hold immense potential to revolutionize industries. We’re committed to using cutting-edge technologies, including generative AI, to help our customers capture the growth momentum forward,” said Jingren Zhou, CTO of Alibaba Cloud. “To help businesses better reap the benefits of generative AI in a cost-effective way, we are launching a more powerful foundation model as well as industry-specific models to tackle domain-specific challenges. Through these initiatives, we hope that our proprietary models can deliver real values to our customers to improve operation efficiency and stay competitive.”

GenAI Service Platform: A Comprehensive AI Model Building Platform

To cater to the burgeoning demand for generative AI, Alibaba Cloud introduced GenAI Service Platform, an all-in-one AI model building platform aimed at streamlining the model development and application building process. The platform offers a comprehensive suite of tools for data management, model deployment and valuation, and prompt engineering, making it easier for enterprises of all sectors to develop their enterprise-specific AI models.

Innovative Cloud Products to Drive Generative AI Development

To support the increasing computing and data processing needs required in generative AI development, Alibaba Cloud has launched a series of innovative cloud products across machine learning, container and database.

  • To improve efficiency of LLM models training and inference, Alibaba Cloud has upgraded its Platform for Artificial Intelligence (PAI), featuring enhanced computing power, network, storage, computing, container, model training and inference capabilities. AI and metaverse technology firm Futureverse has been training its text-to-music generation model on PAI leveraging its high performance and easy-to-scale capabilities to enhance effectiveness and efficiency.
  • To expedite the process of building customized generative AI applications, Alibaba Cloud has enhanced its full range of database solutions – including cloud-native database PolarDB, cloud-native data warehouse AnalyticDB, and cloud-native multi-model database Lindorm – with its proprietary vector engine. It has also introduced LLM-powered database ecosystem tools, including the intelligent data analytics assistant Data Management Service (DMS) Data Copilot.
  • To enable a more scalable and efficient cloud infrastructure for application development, Alibaba Cloud unveiled Alibaba Cloud Container Compute Service (ACS),a pioneering serverless solution that integrates container services with its cloud computing resources. ACS enables businesses and developers to deploy the resources of Kubernetes, a container-centric management software, in a more cost-effective and user-friendly way. 

Community Programs to Foster AI Development

In a bid to support the broader AI community, Alibaba Cloud has pledged to contribute more to open-source communities, including ModelScope, the company-initiated AI community with over 100 million model downloads since its inception a year ago. The cloud pioneer plans to opensource its 72 billion-parameter version of Tongyi Qianwen later this year. 

Alibaba Cloud also announced the Alibaba Cloud Startup Catalyst Program, offering cloud computing resources, including cloud credit support of up to USD $120,000, free online learning memberships, and networking opportunities to promising global startups including AI companies. 

อาลีบาบา คลาวด์ เปิดตัว Tongyi Qianwen 2.0 และโมเดลเฉพาะทางสำหรับธุรกิจต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนลูกค้าให้เก็บเกี่ยวคุณประโยชน์จาก Generative AI

อาลีบาบา คลาวด์ เปิดตัว Tongyi Qianwen 2.0 และโมเดลเฉพาะทางสำหรับธุรกิจต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนลูกค้าให้เก็บเกี่ยวคุณประโยชน์จาก Generative AI

อาลีบาบา คลาวด์ เปิดตัว Tongyi Qianwen 2.0 และโมเดลเฉพาะทางสำหรับธุรกิจต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนลูกค้าให้เก็บเกี่ยวคุณประโยชน์จาก Generative AI

แพลตฟอร์มใหม่สำหรับการสร้างโมเดล AI และชุดผลิตภัณฑ์นวัตกรรมคลาวด์ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าและนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่พุ่งสูงขึ้น

อาลีบาบา คลาวด์ ธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และหน่วยงานหลักด้านอินเทลลิเจนซ์ของอาลีบาบา กรุ๊ป เปิดตัว Tongyi Qianwen 2.0 (ทงอี้เชียนเวิ่น 2.0) ซึ่งเป็นโมเดลด้านภาษาขนาดใหญ่ (large language model: LLM) รุ่นล่าสุด และเปิดตัวโมเดลเฉพาะด้านสำหรับธุรกิจแต่ละประเภท ณ งาน Apsara Conference ซึ่งเป็นงานเทคโนโลยีประจำปีครั้งสำคัญของอาลีบาบา คลาวด์ การเปิดตัวครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าครั้งสำคัญของอาลีบาบา คลาวด์ ในความพยายามสร้างสรรค์นวัตกรรมด้าน AI ที่นำสมัย และสานต่อความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันให้กับธุรกิจต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

อาลีบาบา คลาวด์ ยังได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม AI model training และชุดผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรม คลาวด์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการโครงสร้างพื้นฐานเปี่ยมประสิทธิภาพที่สามารถรองรับการพัฒนา generative AI ที่พุ่งสูงขึ้นได้ พร้อมกันนี้ได้นำเสนอความคิดริเริ่มใหม่ ๆ เพื่อส่งเสริมคอมมิวนิตี้ที่เป็น open-source AI model และสตาร์ทอัพด้าน AI ระดับโลกในงานเดียวกัน โดยทรัพยากรที่กล่าวมาเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยลูกค้า พันธมิตร นักพัฒนาซอฟต์แวร์ สตาร์ทอัพ และคอมมิวนิตี้ในวงกว้าง ให้สามารถใช้ศักยภาพของ generative AI ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

นายโจ ไซ ประธานของอาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวว่า “ปัจจุบัน 80% ของบริษัทด้านเทคโนโลยีในประเทศจีนและบริษัทขนาดใหญ่ทำงานโดยใช้อาลีบาบา คลาวด์ เรามุ่งมั่นเป็นคลาวด์ที่โอเพ่นที่สุดในยุค AI เราหวังว่าคลาวด์นี้จะช่วยให้ทุกคนพัฒนาและใช้ AI ได้ง่ายขึ้นด้วยค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม และจะสามารถช่วยองค์กรต่าง ๆ โดยเฉพาะองค์กรขนาดเล็กและกลางให้เปลี่ยนพลังของ AI ให้เป็นความสามารถในการผลิตและผลิตผลมหาศาล”

Tongyi Qianwen 2.0: การพัฒนา LLMs แบบก้าวกระโดด

Tongyi Qianwen 2.0 เป็น LLM ที่มีพารามิเตอร์หลายแสนล้านรายการ นับเป็นการอัปเดทครั้งสำคัญจากเวอร์ชันก่อนหน้านี้ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนเมษายน โมเดลนี้ให้ผลลัพธ์เกินเกณฑ์มาตรฐานสำคัญ ๆ ของ LLM ไม่ว่าจะเป็นโดเมนเกี่ยวกับความเข้าใจภาษา การแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ ไปจนถึงการตอบคำถาม

Tongyi Qianwen 2.0 มีขนาดโมเดลที่ขยายมากขึ้น และพัฒนาเทคนิคให้สอดคล้องกับเป้าหมายของมนุษย์เพิ่มมากขึ้น จึงมีความสามารถโดดเด่นที่จะทำความเข้าใจคำสั่งที่ซับซ้อน การเขียนข้อความเพื่อการโฆษณาหรือการตลาด การใช้เหตุผล การจดจำ และการป้องกันภาพหลอน (hallucinations) เช่น สร้างเนื้อหาที่ฟังดูถูกต้องอย่างไม่ถูกต้อง ปัจจุบันเปิดให้ผู้ใช้งานทั่วไปเข้าถึงโมเดลนี้ได้ผ่านเว็บไซต์ และโมบายแอปพลิเคชัน และพร้อมให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์เข้าถึงได้ผ่าน APIs

Tongyi Qianwen 2.0 แซงหน้าโมเดลด้านภาษาขนาดใหญ่ชั้นนำบางโมเดล ในเกณฑ์มาตรฐานด้านความเข้าใจภาษาแบบมัลติ-ทาสก์ (MMLU), การแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ (GSM8K), การตอบคำถาม (ARC-C), ความเข้าใจภาษาแบบมัลติ-ทาสก์ (BBH) และการแก้ปัญหาคำทางคณิตศาสตร์ (Math)
Tongyi Qianwen 2.0 แซงหน้าโมเดลด้านภาษาขนาดใหญ่ชั้นนำบางโมเดล ในเกณฑ์มาตรฐานด้านความเข้าใจภาษาแบบมัลติ-ทาสก์ (MMLU), การแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ (GSM8K), การตอบคำถาม (ARC-C), ความเข้าใจภาษาแบบมัลติ-ทาสก์ (BBH) และการแก้ปัญหาคำทางคณิตศาสตร์ (Math)

โมเดลเฉพาะสำหรับธุรกิจแต่ละประเภท: AI เพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจ

อาลีบาบา คลาวด์ ยังได้เปิดตัวโมเดลใหม่ที่มีคุณสมบัติเฉพาะกับธุรกิจแต่ละประเภท เพื่อช่วยให้ธุรกิจทุกประเภทได้ใช้ศักยภาพที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ของ generative AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจ เช่น การให้การสนับสนุนลูกค้า ให้คำปรึกษาทางกฎหมาย การดูแลสุขภาพ การเงิน การบริหารจัดการเอกสาร การจัดการออดิโอและวิดีโอ การพัฒนาโค้ด และผู้ช่วยทางดิจิทัล

นายจิงเหริน โจว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี ของอาลีบาบา คลาวด์ กล่าวว่า “โมเดลด้านภาษาขนาดใหญ่มีศักยภาพต่อการปฏิวัติอุตสาหกรรมสูงมาก เรามุ่งมั่นใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยต่าง ๆ รวมถึง generative AI ช่วยลูกค้าของเราให้ก้าวไกลบนเส้นทางการเติบโตสู่เป้าหมาย ช่วยให้ธุรกิจเก็บเกี่ยวประโยชน์ของ generative AI ได้ดีขึ้น ด้วยวิธีที่คุ้มค่าการลงทุน การที่เราเปิดตัวโมเดลพื้นฐานที่ทรงพลังมากขึ้น รวมถึงโมเดลเฉพาะสำหรับธุรกิจต่าง ๆ ก็เพื่อรับมือกับความท้าทายที่เฉพาะเจาะจง และด้วยความคิดริเริ่มเหล่านี้ เราหวังว่าโมเดลต่าง ๆ ที่เราเป็นเจ้าของเหล่านี้ จะมอบคุณค่าที่แท้จริงให้ลูกค้าของเราสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน และคงความสามารถในการแข่งขันไว้ได้”

GenAI Service Platform: แพลตฟอร์มครบวงจรเพื่อสร้างโมเดล AI

เพื่อตอบสนองต่อความต้องการ generative AI ที่กำลังขยายตัว อาลีบาบา คลาวด์ เปิดตัว GenAI Service Platform ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการสร้างโมเดล AI แบบครบวงจร มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนาโมเดลและกระบวนการสร้างแอปพลิเคชัน แพลตฟอร์มนี้นำเสนอชุดเครื่องมือครบครันสำหรับการจัดการข้อมูล การใช้และประเมินโมเดล และการสื่อสารกับ AI ด้วยชุดคำสั่ง (prompt engineering) ซึ่งช่วยให้องค์กรทุกภาคส่วนพัฒนาโมเดล AI เฉพาะองค์กรของตนได้ง่ายขึ้น 

ผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมด้านคลาวด์ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนา Generative AI

อาลีบาบา คลาวด์ได้เปิดตัวชุดผลิตภัณฑ์นวัตกรรมด้านคลาวด์ทั้งที่เป็นแมชชีนเลิร์นนิง คอนเทนเนอร์ และดาต้าเบส เพื่อรองรับความต้องการด้านคอมพิวติ้งและการประมวลผลข้อมูลที่การพัฒนา generative AI จำเป็นต้องใช้ โดย

  • เพิ่มประสิทธิภาพให้กับการเทรนด์และการอนุมานโมเดล LLM ต่าง ๆ: อาลีบาบา คลาวด์ได้อัปเกรด Platform for Artificial Intelligence (PAI) ของบริษัทฯ ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพด้านคอมพิวติ้ง เน็ตเวิร์ก พื้นที่จัดเก็บ การประมวลผล คอนเทนเนอร์ ความสามารถในการเทรนด์และอนุมานโมเดล ทั้งนี้ Futureverse ซึ่งเป็นบริษัทด้าน AI และเทคโนโลยี metaverse ได้เทรนด์โมเดล text-to-music generation model บน PAI โดยใช้ประโยชน์จากประสิทธิภาพที่สูงและความสามารถในการสเกลได้ง่ายของ PAI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผล
  • เร่งกระบวนการสร้างแอปพลิเคชัน generative AI ตามความต้องการเฉพาะของผู้ใช้งาน: อาลีบาบา คลาวด์ ได้เพิ่มประสิทธิภาพให้กับโซลูชันด้านดาต้าเบสแบบเต็มรูปแบบด้วยเวกเตอร์เอ็นจิ้นที่เป็นของอาลีบาบา คลาวด์ ประกอบด้วย PolarDB ซึ่งเป็นคลาวด์-เนทีฟดาต้าเบส, AnalyticDB ที่เป็นคลาวด์-เนทีฟดาต้าแวร์เฮ้าส์ และ Lindorm ซึ่งเป็นมัลติ-โมเดลด้านดาต้าเบสที่เป็นคลาวด์-เนทีฟ นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัวเครื่องมือระบบนิเวศด้านดาต้าเบสที่ขับเคลื่อนด้วย LLM ซึ่งรวมถึงผู้ช่วยอัจฉริยะด้านการวิเคราะห์ข้อมูล Data Management Service (DMS) Data Copilot
  • พัฒนาแอปพลิเคชันด้วยโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ที่สเกลได้มากขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น: อาลีบาบา คลาวด์ เปิดตัว Alibaba Cloud Container Compute Service (ACS) ซึ่งเป็นโซลูชันที่ไม่ต้องใช้เซิร์ฟเวอร์แรกเริ่ม ที่ผสานรวมบริการคอนเทนเนอร์ต่าง ๆ เข้ากับทรัพยากรการประมวลผลคลาวด์ ทั้งนี้ ACS จะช่วยให้องค์กรธุรกิจและนักพัฒนาซอฟต์แวร์ใช้ทรัพยากรของ Kubernetes ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์การจัดการที่ใช้คอนเทนเนอร์เป็นหลัก ด้วยแนวทางที่คุ้มค่าการลงทุนและใช้งานง่ายมากขึ้น

โปรแกรมด้านคอมมิวนิตี้ต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการพัฒนา AI

อาลีบาบา คลาวด์มุ่งสนับสนุนคอมมิวนิตี้ด้าน AI ให้กว้างขึ้น ด้วยการให้คำมั่นว่าจะมีส่วนร่วมสนับสนุนคอมมิวนิตี้ด้านโอเพ่นซอร์สให้มากขึ้น เช่น ModelScope ซึ่งเป็นคอมมิวนิตี้ด้าน AI ที่ริเริ่มโดยบริษัทเอง ที่มีการดาวน์โหลดโมเดลมากกว่า 100 ล้านรายการนับจากที่ก่อตั้งเมื่อปีที่แล้ว และบริษัทฯ วางแผนจะโอเพ่นซอร์ส Tongyi Qianwen เวอร์ชันที่มี 72 พันล้านพารามิเตอร์ปลายปีนี้

อาลีบาบา คลาวด์ ยังได้เปิดตัว Alibaba Cloud Startup Catalyst Program เพื่อมอบทรัพยากรคลาวด์คอมพิวติ้ง และสนับสนุนคลาวด์เครดิตสูงถึง 120,000 เหรียญสหรัฐฯ มอบการเป็นสมาชิกการเรียนรู้ออนไลน์โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และมอบโอกาสในการสร้างเครือข่ายกับสตาร์ทอัพที่มีอนาคตดีและบริษัทด้าน AI ต่าง ๆ ทั่วโลก

Rethinking Cloud Strategies So Applications and Data Can Run Anywhere

ทบทวนกลยุทธ์ด้านคลาวด์ เพื่อให้แอปพลิเคชันและข้อมูลสามารถรันที่ใดก็ได้

Rethinking Cloud Strategies So Applications and Data Can Run Anywhere

Cracking The Code of Misplaced Eggs

Fetra Syahbana

Article by Fetra Syahbana, country manager for Growth and Emerging Market’s (GEMS), Nutanix

In the ever-evolving landscape of cloud computing, organizations in the Asia-Pacific and Japan (APJ) region are experiencing a paradigm shift. As they rushed toward the cloud, many are now realizing that they may have placed their eggs in the wrong baskets. This realization has sparked a renewed focus on optimizing data and application placement to maximize business impact while reducing cost and complexity.

Reallocating Eggs

The initial enthusiasm for cloud adoption has led organizations to re-evaluate their strategies. In their rush to the cloud, some organizations may have inadvertently disregarded the importance of finding the right environment for their data and workloads. By matching resources and spending directly with business demands, organizations can reduce over-provisioning and waste while optimizing cloud costs.

To achieve this, organizations must have the ability to scale compute and storage resources. This ensures that the infrastructure can dynamically respond to changing workload requirements, thereby reducing  costs associated with underutilized resources. By adopting a cloud operating model that allows for on-demand scaling of resources, organizations can align their infrastructure with business needs, maximizing both efficiency and cost-effectiveness. This shift in perspective positions the cloud as an alternative option rather than a one-size-fits-all destination.

Dynamic Operations

Embracing a hybrid multicloud strategy is paramount for organizations seeking to minimize the impact of misjudged actions and adapt to changing business demands. The ability to allocate resources across the edge, public clouds and on-premises in private clouds provides the necessary agility and flexibility to optimize workloads. Organizations can mix and match workloads in the environment that makes the most sense.

A significant advantage of adopting a hybrid multicloud model is the ability to maintain a consistent operating model across various environments. This eliminates the need to juggle multiple tools, processes, and skill sets, reducing complexity and eliminating time-consuming refactoring when applications need to be moved. By streamlining operations, organizations can contain costs, enhance productivity, and ensure a unified experience across their diverse infrastructure. A holistic IT strategy that seamlessly integrates on-premise, edge, and hybrid multicloud will empower organizations to remain agile and responsive to evolving business needs.

AI Potential

AI-powered applications have emerged as long-term drivers for enterprises. Organizations today are building more AI applications and the ability to run these workloads wherever they desire is crucial. Aligning resources and spending directly with business demands allows organizations to reduce over-provisioning and waste, resulting in lower cloud costs. A hybrid multicloud model offers the necessary flexibility to run AI workloads in the most suitable environments, ensuring optimal performance and cost-efficiency.

Furthermore, hybrid multicloud provides organizations with greater visibility and control over their data, addressing concerns around data governance and compliance. By leveraging the power of AI in diverse environments, organizations can capitalize on the value it brings, irrespective of their infrastructure setup. As compute costs for running AI on-premise or in the public cloud rise, organizations are increasingly recognizing the value of synthesizing AI data closer to the source, even on the network’s edge. 

Examples of organizations that have sought a flexible hybrid multicloud strategy to help them remain agile and adaptable to changing business needs include:

  • In Yogyakarta, Indonesia, Diskominfosan partnered with Nutanix to integrate all 229 government applications into Jogja Smart Service (JSS). This integration significantly improves the delivery of citizen services and transparency and aims to cater to over 217,000 JSS users.
  • To distribute pandemic-related financial aid to remote Filipino families who lack access to traditional banking services, Universal Storefront Services Corporation (USSC) leveraged Nutanix to establish cash caravans, ensuring KYC compliance, identity verification, and expedited payment processing. This empowered USSC with enhanced agility, flexibility, and innovation capabilities.
  • Future Generali India considered cloud options but found pure cloud to be economically unfeasible due to regulatory requirements for customer data to remain on-premise. They chose the Nutanix Cloud Platform as the optimal solution, providing agility, security, and connectivity to a public cloud while complying with Indian law. Adopting the Nutanix Cloud Platform resulted in a 91% improvement in application response time, enabling insurance distributors to serve customers more efficiently.

The APJ region is currently undergoing a transformative period in cloud computing, with organizations reevaluating their cloud strategies. By placing their eggs in the right baskets, embracing hybrid multicloud and enabling the ultimate cloud flexibility for AI workloads, businesses can maximize their impact, reduce costs and effectively adapt to evolving demands. Nutanix remains at the forefront of this transformation, empowering organizations to navigate the cloud landscape and unlock new business opportunities.

ทบทวนกลยุทธ์ด้านคลาวด์ เพื่อให้แอปพลิเคชันและข้อมูลสามารถรันที่ใดก็ได้

ทบทวนกลยุทธ์ด้านคลาวด์ เพื่อให้แอปพลิเคชันและข้อมูลสามารถรันที่ใดก็ได้

ทบทวนกลยุทธ์ด้านคลาวด์ เพื่อให้แอปพลิเคชันและข้อมูลสามารถรันที่ใดก็ได้

ถอดรหัสการวางเวิร์กโหลดไว้บนสภาพแวดล้อมไอทีที่ไม่เหมาะสม

Fetra Syahbana

บทความโดยนายเฟตรา ชาห์บานา ผู้จัดการประจำกลุ่มประเทศเกิดใหม่ที่เติบโต (GEMs), นูทานิคซ์

รูปแบบของการประมวลผลแบบคลาวด์คอมพิวติ้งที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ส่งผลให้องค์กรในเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น (APJ) กำลังประสบกับการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ของการนำคลาวด์คอมพิวติ้งมาใช้ ปัจจุบันองค์กรจำนวนมากตระหนักแล้วว่าการนำคลาวด์มาใช้อย่างเร่งรีบในช่วงเวลาที่ผ่านมา เป็นการใช้เทคโนโลยีแบบผิดฝาผิดตัวกับงานแต่ละประเภท องค์กรเหล่านี้จึงหันมาโฟกัสกับการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับข้อมูลและการวางแอปพลิเคชันไว้ให้ถูกที่ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ทางธุรกิจได้มากที่สุดควบคู่กับการลดค่าใช้จ่ายและลดความซับซ้อน

วางไข่ไว้ในตะกร้าที่เหมาะสม

เบื้องต้นการนำคลาวด์มาใช้ทำให้องค์กรต้องประเมินกลยุทธ์ใหม่ องค์กรบางแห่งที่นำคลาวด์มาใช้อย่างเร่งรีบ อาจละเลยความสำคัญของการใช้สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับข้อมูลและเวิร์กโหลดต่าง ๆ การจับคู่แหล่งทรัพยากรและการใช้จ่ายเข้ากับความต้องการทางธุรกิจ จะช่วยให้องค์กรลดการจัดเตรียมล่วงหน้าที่เกินจำเป็น และลดการใช้งานที่เปล่าประโยชน์ไปพร้อม ๆ กับลดต้นทุนด้านคลาวด์และเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจจากการใช้คลาวด์ได้

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว องค์กรต้องมีความสามารถในการปรับขนาดทรัพยากรที่ใช้ในการประมวลผลและการจัดเก็บ เพื่อให้มั่นใจว่าโครงสร้างพื้นฐานสามารถตอบสนองได้อย่างไดนามิกต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของเวิร์กโหลด ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับทรัพยากรที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ การใช้โมเดลการดำเนินงานบนคลาวด์ที่ช่วยให้สามารถปรับขนาดทรัพยากรได้ตามความต้องการ องค์กรต่าง ๆ สามารถปรับโครงสร้างพื้นฐานของบริษัทให้สอดคล้องกับความต้องการทางธุรกิจได้ และจะทำให้ได้รับประสิทธิภาพสูงสุดและคุ้มค่าใช้จ่ายมากที่สุด ซึ่งเป็นการเปลี่ยนมุมมองบทบาทของคลาวด์ให้เป็นทางเลือก มากกว่าจะเป็นเพียงเป้าหมายสำหรับทุกสิ่ง

การดำเนินงานแบบไดนามิก

การนำกลยุทธ์ไฮบริดมัลติคลาวด์มาใช้เป็นเรื่องสำคัญสำหรับองค์กรที่มองหาแนวทางลดผลกระทบจากการตัดสินใจผิดผลาด และการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลง ความสามารถในการจัดสรรทรัพยากรเพื่อใช้งานได้ทั้งที่เอดจ์ พับลิคคลาวด์ต่าง ๆ และระบบที่อยู่ในองค์กร ช่วยให้เกิดความคล่องตัวและความยืดหยุ่นในการปรับเวิร์กโหลดให้เหมาะสม และองค์กรต่าง ๆ สามารถผสมผสานและจับคู่เวิร์กโหลดต่าง ๆ บนสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุดได้

จุดเด่นสำคัญของการใช้โมเดลไฮบริดมัลติคลาวด์ คือความสามารถในการคงรูปแบบการทำงานที่สอดคล้องกันไว้ได้ไม่ว่าจะใช้สภาพแวดล้อมไอทีที่แตกต่างกันอย่างไร ซึ่งช่วยขจัดความจำเป็นที่ต้องใช้เครื่องมือหลายอย่างสลับกันไป เพื่อจัดการกับสภาพแวดล้อมหนึ่ง ๆ ทั้งยังลดกระบวนการและการใช้ทักษะเฉพาะทางต่าง ๆ ลดความซับซ้อนและไม่ต้องเสียเวลาในการปรับโครงสร้างของแอปพลิเคชันใหม่เมื่อต้องการนำแอปพลิเคชันนั้นไปใช้กับอีกสภาพแวดล้อมหนึ่งที่ต่างออกไป การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน จะช่วยให้องค์กรลดค่าใช้จ่าย เพิ่มความสามารถในการผลิต และจะได้รับประสบการณ์การทำงานที่เป็นหนึ่งเดียวเหมือนกันไม่ว่าจะทำงานบนโครงสร้างพื้นฐานใดก็ตาม กลยุทธ์ด้านไอทีแบบองค์รวมที่ผสานการทำงานของระบบที่อยู่ในองค์กร เอดจ์ และไฮบริดมัลติคลาวด์เข้าด้วยกัน จะส่งให้องค์กรต่าง ๆ มีความคล่องตัวและตอบสนองต่อความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ศักยภาพของ AI

แอปพลิเคชันที่ทำงานด้วย AI ได้กลายเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนในระยะยาวให้กับองค์กร ทั้งนี้องค์กรต่าง ๆ ในปัจจุบันสร้างแอปพลิเคชัน AI มากขึ้น และสามารถรันเวิร์กโหลดของตนที่ใดก็ได้ที่พวกเขาตัดสินใจแล้วว่าเป็นสภาพแวดล้อมไอทีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเวิร์กโหลดนั้น ๆ การจัดการทรัพยากรและการใช้จ่ายให้เหมาะสมกับความต้องการทางธุรกิจ ช่วยให้องค์กรลดการเตรียมการที่ไม่จำเป็นและไม่ต้องใช้ลง ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายด้านคลาวด์ลดลง โมเดลไฮบริด มัลติคลาวด์ มอบความยืดหยุ่นที่ต้องใช้เพื่อรันเวิร์กโหลด AI ต่าง ๆ บนสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุด จึงมั่นใจได้ว่าองค์กรจะได้รับประสิทธิภาพสูงสุดและคุ้มค่าใช้จ่าย

นอกจากนี้ ไฮบริดมัลติคลาวด์ยังช่วยให้องค์กรมองเห็นและควบคุมข้อมูลของตนได้ เป็นการขจัดความกังวลเกี่ยวกับการกำกับดูแลข้อมูลและการปฏิบัติตามกฎระเบียบ การใช้ศักยภาพของ AI กับสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ ใช้คุณประโยชน์ที่ AI มีให้ โดยไม่ต้องคำนึงถึงการตั้งค่าโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้อยู่ การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการประมวลผลเพื่อรัน AI ในระบบที่อยู่ในองค์กร หรือบนพับลิคคลาวด์ ทำให้องค์กรต่าง ๆ ตระหนักถึงคุณประโยชน์ของการสังเคราะห์ข้อมูล AI ที่อยู่ใกล้กับแหล่งที่มาของข้อมูลมากขึ้น แม้กระทั่งที่เอดจ์ซึ่งอยู่ปลายสุดของเน็ตเวิร์ก

ตัวอย่างองค์กรต่าง ๆ ที่มองหาการใช้กลยุทธ์ไฮบริดมัลติคลาวด์ที่ยืดหยุ่นมาใช้ช่วยคงความคล่องตัวและปรับให้ทันกับความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

  • Diskominfosan ในเมืองยอกยาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ได้ร่วมมือกับ Nutanix เพื่อผสานรวมแอปพลิเคชันของภาครัฐทั้งหมด 229 รายการเข้ากับ Jogja Smart Service (JSS) การบูรณาการนี้ได้ช่วยปรับปรุงการให้บริการประชาชนและความโปร่งใสอย่างมาก และตั้งเป้ารองรับผู้ใช้ JSS มากกว่า 217,000 ราย 
  • Universal Storefront Services Corporation (USSC) ใช้โซลูชันของนูทานิคซ์ในการสร้างคาราวานเงินสด, สร้างความมั่นใจในการปฏิบัติตาม KYC, การยืนยันตัวตน และประมวลผลการชำระเงินที่รวดเร็วขึ้น เพื่อกระจายความช่วยเหลือทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับโรคระบาดไปยังครอบครัวชาวฟิลิปปินส์ในพื้นที่ห่างไกลที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการธนาคารที่เป็นออฟไลน์ได้ ความร่วมมือกับนูทานิคซ์นี้ช่วยเสริมให้ USSC มีความคล่องตัว ยืดหยุ่น และมีความสามารถในด้านนวัตกรรมมากขึ้น
  • Future Generali India พิจารณาเลือกใช้คลาวด์ แต่ได้พบว่าการใช้คลาวด์เพียงอย่างเดียวเป็นไปไม่ได้ในเชิงเศรษฐกิจ เนื่องจากข้อมูลลูกค้ายังวางอยู่ในระบบภายในองค์กรเพราะติดขัดเรื่องกฎระเบียบ บริษัทฯ จึงเลือก Nutanix Cloud Platform ให้เป็นโซลูชันที่เหมาะสมที่สุดที่ช่วยให้เกิดความคล่องตัว ปลอดภัย และสามารถเชื่อมต่อกับพับลิคคลาวด์โดยที่ยังคงความสามารถในการปฏิบัติตามกฎหมายของอินเดียไว้ได้ และการใช้ Nutanix Cloud Platform นี้ส่งผลให้ระยะเวลาในการตอบสนองของแอปพลิเคชันดีขึ้น 91% ช่วยให้ผู้ขายประกันภัยให้บริการลูกค้าได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นในปัจจุบัน อยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงด้านคลาวด์คอมพิวติ้ง จากการที่องค์กรต่าง ๆ กำลังประเมินกลยุทธ์ด้านคลาวด์ของตนใหม่ การวางเวิร์กโหลดไว้บนสภาพแวดล้อมไอทีที่เหมาะสม การใช้ไฮบริดมัลติคลาวด์ และใช้ความยืดหยุ่นสูงสุดของคลาวด์เพื่อรันเวิร์กโหลด AI จะช่วยให้ธุรกิจได้ผลลัพธ์สูงสุด ลดค่าใช้จ่ายได้มากที่สุด และปรับตัวเข้ากับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ นูทานิคซ์เป็นผู้นำในการทรานส์ฟอร์มลักษณะดังกล่าวนี้อย่างต่อเนื่อง ด้วยการเสริมศักยภาพให้องค์กรต่าง ๆ นำรูปแบบของคลาวด์ที่เหมาะสมมาใช้ และเปิดประตูสู่โอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ