DNB และ อีริคสัน เพิ่มศักยภาพเครือข่าย 5G ของมาเลเซียด้วยเทคโนโลยี 5G Advanced

DNB และ อีริคสัน เพิ่มศักยภาพเครือข่าย 5G ของมาเลเซียด้วยเทคโนโลยี 5G Advanced

DNB และ อีริคสัน เพิ่มศักยภาพเครือข่าย 5G ของมาเลเซียด้วยเทคโนโลยี 5G Advanced

  • เครือข่าย 5G ของ DNB เป็นหนึ่งในเครือข่ายแรกที่เปิดตัวเทคโนโลยี 5G Advanced ตอกย้ำความเป็นผู้นำ 5G ระดับโลกของมาเลเซีย
  • 5G Advanced ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพ เพิ่มการประหยัดพลังงานและความเสถียรให้กับเครือข่าย 5G ของมาเลเซีย
  • สำหรับภาคธุรกิจ นั่นหมายถึงความสามารถของการนำ IoT มาใช้งานที่เพิ่มขึ้น ประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีขึ้น และศักยภาพในการสร้างนวัตกรรมที่คุ้มค่า

บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติของประเทศมาเลเซีย หรือ Digital Nasional Berhad: (DNB) และ อีริคสัน ได้เปิดตัวเทคโนโลยี 5G Advanced บนเครือข่ายของ DNB ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่ายแรกที่เปิดตัวเทคโนโลยีนี้ โดยเทคโนโลยีใหม่นี้ใช้ประสิทธิภาพจาก AI เพื่อยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้ด้วยความหน่วงต่ำพิเศษและรองรับปริมาณงานสูง เพื่อมอบประสบการณ์ที่เสมือนจริง

งานเปิดตัวนี้จัดขึ้นที่ My5G Portal Experience Centre ของ DNB ที่ตั้งอยู่ที่ย่าน Tun Razak Exchange หรือ TRX ศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ที่สำคัญของมาเลเซีย โดยมี นาย YB Gobind Singh Deo รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเป็นประธาน พร้อมด้วยผู้นำจากหน่วยงานรัฐบาลและผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือต่าง ๆ ในงานเปิดตัวเป็นการแสดงสดจากวงดนตรีที่สมาชิกวงอยู่กันสองสถานที่ โดยอาศัยประสิทธิภาพจากความหน่วงที่ต่ำพิเศษ แบนด์วิดธ์ที่สูง และความเสถียรของ 5G Advanced ทำให้วงสามารถเล่นพร้อมกันได้แบบเรียลไทม์ การสาธิตนี้ยังแสดงให้เห็นศักยภาพในการใช้งานด้านอื่น ๆ อาทิ การผ่าตัดทางไกล (Remote Surgery) และการศึกษาผ่านเทคโนโลยีเสมือนจริง (Immersive Education)

5G Advanced เป็นการต่อยอดพัฒนาขึ้นมาจากเครือข่าย 5G ทำให้เครือข่ายสามารถมอบประสบการณ์ให้กับผู้ใช้ได้อย่างสม่ำเสมอและเหนือชั้นในทุกเวลาและสถานที่ และมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมบนเครือข่ายเพื่อให้บรรลุผลลัพธ์ตามต้องการ โดยเครือข่าย DNB ยังได้รับประสิทธิภาพการดำเนินงานตามแนวทาง AI Intent-Based ของอีริคสัน เพื่อสร้างเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งความก้าวหน้าเหล่านี้สามารถช่วยยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้และเปิดโอกาสให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมสำหรับผู้บริโภค รวมถึงแอปพลิเคชันทางธุรกิจที่ไม่สามารถทำได้ด้วยเครือข่าย 5G แบบมาตรฐาน

โซลูชัน 5G Advanced ของอีริคสัน เช่น RedCap สามารถรองรับการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น โดยยืดอายุแบตเตอรี่และลดความซับซ้อนในอุปกรณ์ต่าง ๆ อาทิ อุปกรณ์สวมใส่และเซ็นเซอร์อุตสาหกรรม สำหรับภาคธุรกิจ นี่หมายถึงการใช้งาน IoT ที่ดีขึ้น ในประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีกว่า และมีวิธีที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้นในการสร้างนวัตกรรม โดย 5G Advanced ยังนำเสนอโซลูชันตามเจตนารมณ์ หรือ Intent-Based Solutions อาทิ ระบบประหยัดพลังงานอัตโนมัติ (Automated Energy Saver) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสมัครใช้บริการ Energy Efficiency and Management ของอีริคสัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานอย่างสูงสุด

ในสุนทรพจน์ของนาย YB Gobind แสดงถึงความหวังในการยกระดับเครือข่าย 5G ของมาเลเซีย โดยเน้นส่งเสริมการใช้งาน 5G ให้มากขึ้นในหมู่ผู้ใช้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคธุรกิจ “การเร่งการใช้งาน 5G ในธุรกิจต่าง ๆ มีความสำคัญต่อการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันของมาเลเซีย ไม่เพียงแต่ทำให้มาเลเซียเป็นผู้นำด้าน 5G ในช่วงที่ประเทศเป็นประธานอาเซียนในปีนี้เท่านั้น แต่ยังส่งเสริมการลงทุนดิจิทัลและมอบประโยชน์ให้กับประเทศเราในระดับภูมิภาค”

Datuk Azman Ismail ซีอีโอของ DNB กล่าวว่า “เครือข่าย 5G ของเราได้รับการยอมรับในระดับโลกในด้านประสิทธิภาพและความเสถียร DNB มุ่งหวังที่จะช่วยเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของธุรกิจในภาคส่วนต่าง ๆ ด้วยเทคโนโลยี 5G Advanced อาทิ ภาคการผลิต สาธารณสุข โลจิสติกส์ น้ำมันและก๊าซ เกษตรกรรม และการท่องเที่ยว ด้วยเครื่องมือขั้นสูงในการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่พร้อมส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่เหนือชั้นกว่า”

David Hagerbro ประธานบริษัท อีริคสัน ประจำมาเลเซีย ศรีลังกา และบังกลาเทศ กล่าวว่า “เทคโนโลยี 5G Advanced เปิดใช้งานแล้วบนเครือข่ายของ DNB โดยอีริคสันยังคงมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพของ 5G Advanced ร่วมกับ DNB อย่างมียุทธศาสตร์เพื่อทำให้เครือข่ายมีความอัจฉริยะ มีประสิทธิภาพสูง และปลอดภัยยิ่งขึ้น สำหรับ DNB เป็นผู้นำระดับโลกด้าน 5G อยู่แล้ว และการเปิดตัว 5G Advanced จะช่วยตอกย้ำความเป็นผู้นำให้กับบริษัทฯ”

DNB ยังคงสนับสนุนการใช้งาน 5G ในกลุ่มสาธารณะ องค์กร และธุรกิจผ่านความร่วมมือและเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้ของโครงการการศึกษา ‘My5G Portal’ ภายใน DNB’s immersive 5G experience center เพื่อแสดงยูสเคสการใช้งานมากกว่า 50 ยูสเคสใน 12 อุตสาหกรรม นำเสนอประสบการณ์ที่จับต้องได้ให้แก่ผู้เยี่ยมชมเกี่ยวกับศักยภาพของเทคโนโลยี 5G สำหรับปฏิวัติวิธีที่ผู้คนทำงาน ดำเนินชีวิต และเล่นด้วยกัน

สิ้นเดือนธันวาคมปี 2567 มาเลเซียมีผู้สมัครใช้บริการ 5G ประมาณ 18.2 ล้านราย คิดเป็นสัดส่วนการใช้งานที่ 53.4% ตามที่มาเลเซียมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีในภูมิภาค ดังนั้นการนำเทคโนโลยี 5G Advanced มาใช้จะมีบทบาทสำคัญเพื่อบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจพร้อมส่งเสริมสังคมที่เชื่อมต่อถึงกันมากยิ่งขึ้น

Alibaba Chairman Joe Tsai on AI Development

โจ ไช่ ประธานของอาลีบาบา กับ มุมมองด้านการพัฒนา AI

Alibaba Chairman Joe Tsai on AI Development

Joe Tsai, Chairman of Alibaba Group, shared Alibaba’s view on the future of AI during a fireside chat at the recent World Government Summit. He further elaborated in an op-ed published concurrently (attached) on the importance of open-source models in democratizing AI and forecasting a pivot towards commercialized applications in AI development. Below are some of the highlights:

  • Developers will think about real-world applications that drive economic impact. This will accelerate the proliferation of task-specific and specialist AI models and agents.
  • Capital will go to companies that innovate with lower cost of training and deploying AI. 
  • Open-source models will lead to the democratization of AI. The result is that smaller companies can access open-source frontier models and develop useful applications on top of them.
  • AI applications based on smaller parameter models will proliferate, making AI accessible to a lot more people.
  • Making AI less costly and more accessible means more companies and developers can participate in the upside of AI development, and more consumers will benefit from the proliferation of useful and cool applications.

Tsai’s advocacy for open innovation reflects Alibaba’s ongoing initiatives, including the release of cutting-edge, open-source large language models from its Qwen family testament to the company’s long-term commitment to fostering inclusive, accessible, and affordable AI advancements:

  • Alibaba was one of the earliest major global tech companies to make its self-developed large-scale AI model in open source, with the launch of ModelScope, its open-source community, in the end of 2022. It released its first open-source model (Qwen-7B) in August 2023, with subsequent iterations encompassing language, multi-modal, mathematical, and code models.
  • Last month, Alibaba released its next-generation multi-modal model5-VL and the latest large language model Qwen2.5-1M in open-source format, both delivering top results across globally recognized benchmarks.
  • As of February 2025, over 90,000 Qwen-based derivative models have been developed in the global open-source community Hugging Face. This reflects Qwen’s popularity as one of the world’s most widely adopted open-source models.

โจ ไช่ ประธานของอาลีบาบา กับ มุมมองด้านการพัฒนา AI

โจ ไช่ ประธานของอาลีบาบา กับ มุมมองด้านการพัฒนา AI

โจ ไช่ ประธานของอาลีบาบา กับ มุมมองด้านการพัฒนา AI

นายโจ ไช่ ประธานของอาลีบาบา กรุ๊ป แลกเปลี่ยนมุมมองของอาลีบาบาเกี่ยวกับอนาคตของ AI ในระหว่างการประชุมสุดยอด World Government Summit เมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยโจได้อธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมจากบทบรรณาธิการที่ตีพิมพ์ในโอกาสเดียวกัน เกี่ยวกับความสำคัญของโมเดลโอเพ่นซอร์สต่าง ๆ ที่สามารถมอบ AI ที่ทุกคนใช้ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้เฉพาะทางหรือความรู้ทางเทคนิคใด ๆ และการคาดการณ์ทิศทางที่จะทำให้การพัฒนา AI ก้าวสู่การนำไปใช้งานเชิงพาณิชย์ โดยมีมุมมองสำคัญดังนี้                                          

  • นักพัฒนาซอฟต์แวรจะคิดถึงแอปพลิเคชันที่นำไปใช้งานได้จริง และส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้โมเดลและเอเจนต์ AI เฉพาะทาง และ เจาะจงเฉพาะงาน ขยายตัวเร็วขึ้น
  • เงินทุนจะไปยังบริษัทต่าง ๆ ที่สร้างนวัตกรรมด้วยการเทรนและการนำ AI ไปใช้ได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่า
  • โมเดลโอเพ่นซอร์สต่าง ๆ จะทำให้เกิด AI ที่ใครก็ใช้ได้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทที่มีขนาดเล็กสามารถเข้าถึงโมเดลโอเพ่นซอร์ส และต่อยอดพัฒนาแอปพลิเคชันที่นำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • แอปพลิเคชัน AI ที่ใช้โมเดลที่มีพารามิเตอร์เล็กกว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นสามารถเข้าถึง AI ได้
  • การทำให้ค่าใช้จ่ายด้าน AI ลดลง และการเข้าถึงได้มากขึ้นนั้น หมายถึง จะมีบริษัทและนักพัฒนาซอฟต์แวร์เข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนา AI เพิ่มมากขึ้น และจะมีผู้บริโภคที่ได้รับประโยชน์จากสุดยอดแอปพลิเคชันที่มีคุณประโยชน์เหล่านี้เพิ่มจำนวนมากขึ้นเช่นกัน

การที่นายโจ ไช่ ให้การสนับสนุนนวัตกรรมแบบเปิด สะท้อนให้เห็นการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องของอาลีบาบา ซึ่งรวมถึง การเปิดตัว Qwen ซึ่งเป็นตระกูลโมเดลภาษาขนาดใหญ่แบบโอเพ่นซอร์สที่ล้ำสมัย  ของบริษัทฯ ที่นับเป็นหนึ่งในข้อพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นระยะยาวของบริษัทฯ ในการส่งเสริมความก้าวหน้าด้านAI ที่ครอบคลุม เข้าถึงได้ ในราคาที่เหมาะสม

  • อาลีบาบา เป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของโลกรายแรก ๆ ที่สร้างโมเดล AI ขนาดใหญ่ที่เป็นโอเพ่นซอร์สด้วยตัวเองจากการเปิดตัว ModelScope ซึ่งเป็นคอมมิวนิตี้ด้านโอเพ่นซอร์สของ บริษัทฯ เมื่อปลายปี พ.ศ. 2565 บริษัทฯ ได้เปิดตัวโมเดลโอเพ่นซอร์สรุ่นแรก (Qwen-7B) เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2566 โดยมีการพัฒนาต่อยอดอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมทั้งโมเดลภาษา, มัลติโมดัล, โมเดลด้านคณิตศาสตร์ และโค้ด
  • เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2568 อาลีบาบา ได้เปิดตัว 5-VL ซึ่งเป็นโมเดลมัลติโมดัลเจเนอเรชันถัดไป และ Qwen2.5-1M โมเดลด้านภาษาขนาดใหญ่ที่อยู่ในรูปแบบโอเพ่นซอร์ส โดยประสิทธิภาพของทั้งสองโมเดลนี้มีผลลัพธ์อยู่ในอันดับต้น ๆ จากเกณฑ์มาตรฐานต่าง ๆ ที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก
  • ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 มีการพัฒนาโมเดลอนุพันธ์ที่ใช้ Qwen มากกว่า 90,000 โมเดล บน Hugging Face ซึ่งเป็นคอมมิวนิตี้โอเพ่นซอร์สระดับโลก สะท้อนให้เห็นว่า Qwen ได้รับความนิยมและเป็นหนึ่งในโมเดลโอเพ่นซอร์สที่มีการใช้งานอย่างกว้างขวางมากที่สุดในโลก

เคล็ด (ไม่) ลับวางแผนเลือกซื้อบ้านใหม่เป็นเรือนหออย่างไรให้รักมั่นคง

เคล็ด (ไม่) ลับวางแผนเลือกซื้อบ้านใหม่เป็นเรือนหออย่างไรให้รักมั่นคง

เคล็ด (ไม่) ลับวางแผนเลือกซื้อบ้านใหม่เป็นเรือนหออย่างไรให้รักมั่นคง

เมื่อความรักสุกงอมแล้วการวางแผนซื้อเรือนหอร่วมกันถือเป็นก้าวสำคัญของชีวิตคู่ เนื่องจากการมีบ้านเป็นของตัวเองนอกจากจะสร้างความมั่นคงแล้วยังเป็นสัญลักษณ์การเริ่มต้นสร้างครอบครัวอีกด้วย สอดคล้องกับข้อมูลจากแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดที่อยู่อาศัย DDproperty Thailand Consumer Sentiment Study รอบล่าสุดของดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย พบว่าผู้บริโภคเกือบ 1 ใน 3 (31%) ตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับพ่อแม่และบุตรหลานเมื่อขยายครอบครัว รวมถึงการวางแผนระยะยาวสำหรับผู้ที่มีแผนแต่งงานสร้างครอบครัว

ส่อง 4 ปัจจัยสำคัญที่คู่รักควรพิจารณาเมื่อซื้อเรือนหอ

การซื้อบ้านใหม่เป็นเรือนหอถือเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญที่คู่รักต้องพิจารณาร่วมกันหลายด้าน เนื่องจากเป็นการสร้างภาระผูกพันทางการเงินระยะยาวร่วมกัน ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) ชวนคู่รักมาสำรวจปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อบ้านใหม่เป็นเรือนหอ เพื่อให้สามารถเลือกที่อยู่อาศัยได้ตอบโจทย์ความต้องการของทั้งสองฝ่ายมากที่สุด ดังนี้

  1. ตั้งงบประมาณให้เหมาะสมกับรายได้ สิ่งแรกที่คู่รักต้องทำคือการตั้งงบประมาณเรือนหอในฝันให้ชัดเจน โดยพิจารณาจากรายได้และค่าใช้จ่ายของทั้งสองคนรวมกัน เพื่อนำมาคำนวณความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ต่อเดือนหากต้องยื่นกู้สินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยจากธนาคาร ขณะเดียวกันควรสร้างประวัติทางการเงินให้ดี หลีกเลี่ยงการมีประวัติค้างชำระซึ่งจะส่งผลต่อการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อได้ นอกจากนี้ยังต้องมีเงินเก็บเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ ค่าตกแต่งบ้าน เป็นต้น ทั้งนี้ การกำหนดงบประมาณซื้อที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมกับความสามารถทางการเงินจะช่วยให้คู่รักเลือกบ้านได้ตรงตามกำลังทรัพย์ และไม่สร้างภาระทางการเงินในอนาคต
  1. เลือกทำเลให้ตอบโจทย์ ครอบคลุมไลฟ์สไตล์ คู่รักทั้งสองฝ่ายควรเลือกทำเลเรือนหอให้สามารถเดินทางสะดวกทั้งในการไปทำงานหรือใช้ชีวิตตามไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบ เช่น ใกล้สวนสาธารณะ ใกล้แหล่งช็อปปิ้ง หากวางแผนมีบุตรในอนาคตก็ควรเลือกที่อยู่อาศัยที่ไม่ไกลจากสถานศึกษา หรือหากมีสัตว์เลี้ยงก็ควรพิจารณาโครงการบ้าน/คอนโดมิเนียมที่เลี้ยงสัตว์ได้ (Pet-Friendly) มีสิทธิประโยชน์หรือมีส่วนกลางที่อำนวยความสะดวกสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ

ล่าสุดดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) ได้ออกฟิลเตอร์ใหม่เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของคนหาบ้าน ให้สามารถเลือกค้นหาบ้าน/คอนโดฯ หลังใหม่ที่ใช่ได้ง่ายขึ้น ประกอบด้วยฟิลเตอร์ค้นหาโครงการที่มีส่วนกลางเอาใจคนรักสัตว์, โครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม, โครงการใกล้โรงเรียน และโครงการหรู นอกจากนี้ คู่รักควรเลือกทำเลที่มีระบบสาธารณูปโภคครบครัน อยู่ใกล้โรงพยาบาลหรือคลินิกเพื่อความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตและดูแลสุขภาพในอนาคต 

  1. พิจารณารูปแบบที่อยู่อาศัยให้เหมาะสม คู่รักควรตัดสินใจร่วมกันว่าจะเลือกซื้อที่อยู่อาศัยรูปแบบไหนเป็นเรือนหอ โดยพิจารณาจากจำนวนสมาชิกในครอบครัว เช่น หากวางแผนมีลูกในอนาคตบ้านเดี่ยวอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า ส่วนคู่รักที่ต้องการความคล่องตัวและไม่ต้องการพื้นที่มากนักควรเลือกคอนโดฯ แทน ทั้งนี้ หากคู่รักต้องทำงานที่บ้านหรือต้องการพื้นที่ทำธุรกิจเล็กน้อยอาจจะเลือกบ้านเดี่ยวหรือทาวน์เฮ้าส์ที่ตอบโจทย์มากกว่า อย่างไรก็ดี ปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือการไปดูโครงการจริงเพื่อพิจารณาสภาพแวดล้อมโดยรอบก่อนตัดสินใจซื้อ เช่น ความปลอดภัยในพื้นที่ ความเงียบสงบ และสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อให้การอยู่อาศัยเป็นไปอย่างราบรื่น
  1. วางแผนสร้างครอบครัวในอนาคตอย่างรอบคอบ การซื้อเรือนหอเป็นทรัพย์สินที่มีราคาสูง คู่รักจึงควรวางแผนอนาคตร่วมกันให้รอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อ ทั้งด้านการวางแผนครอบครัวว่าจะมีบุตรในอนาคต, จะอาศัยอยู่กันสองคน หรือจะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงแทนลูก (Pet Humanization) ซึ่งจะส่งผลต่อการเลือกขนาดและรูปแบบที่อยู่อาศัย รวมทั้งพิจารณาถึงความมั่นคงในอาชีพของทั้งสองฝ่าย โดยต้องไม่ลืมประเมินความเสี่ยงว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงทางอาชีพเกิดขึ้น จะยังคงมีเงินเก็บเพียงพอในการผ่อนชำระต่อได้มากน้อยเพียงใด ดังนั้น คู่รักจึงควรปรึกษาและพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อเรือนหอที่ใช่ในเวลาที่พร้อม

กฎหมายควรรู้ การซื้อเรือนหอถือเป็นสินสมรสหรือไม่?

ตามกฎหมายแล้วคู่สมรสจะมีสิทธิในการบริหารจัดการสินสมรสร่วมกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1474 บัญญัติไว้ว่า สินสมรส ได้แก่ ทรัพย์สินที่คู่สมรสได้มาระหว่างสมรส เช่น เงินเดือน โบนัส หรือทรัพย์สินที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาระหว่างสมรสโดยพินัยกรรมหรือการให้เป็นหนังสือโดยระบุว่าเป็นสินสมรส รวมทั้งทรัพย์สินที่เป็นดอกผลของสินส่วนตัว สำหรับสิทธิในการครอบครองอสังหาฯ หรือเรือนหอนั้น

  • หากคู่รักจดทะเบียนสมรสกันก่อนซื้อบ้าน/คอนโดฯ เพื่อเป็นเรือนหอจะถือเป็นสินสมรส ซึ่งทั้งสองคนมีกรรมสิทธิ์ร่วมกัน หากขายบ้านที่มีกรรมสิทธิ์ร่วมกันนี้ รายได้จากการขายจะต้องแบ่งครึ่งหรือแบ่งตามสัดส่วนกรรมสิทธิ์ ส่วนกรณีที่มีการหย่าร้างในภายหลัง สินสมรสจะต้องนำมาแบ่งกันระหว่างสามีภรรยา 
  • ในกรณีที่ผู้บริโภคซื้อบ้าน/คอนโดฯ ตั้งแต่ตอนยังโสดจะถือว่าที่อยู่อาศัยนั้นเป็นสินส่วนตัว หากผู้บริโภคมีการจดทะเบียนสมรสในภายหลังและต้องการเพิ่มชื่อคู่สมรสเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกัน จะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น หรือหากต้องการเพิ่มชื่อคู่สมรสในกรณีที่เปลี่ยนจากการกู้เดี่ยวมาเป็นการกู้ร่วมเพื่อช่วยกันผ่อนชำระบ้านนั้น ธนาคารจะนำรายได้และภาระหนี้ของคู่สมรสที่กู้ร่วมมาพิจารณาอีกครั้ง  

ด้านกรรมสิทธิ์ในการครอบครองที่อยู่อาศัย เมื่อผู้กู้ผ่อนชำระสินเชื่อบ้านครบแล้วกรรมสิทธิ์จะเป็นของผู้กู้โดยตรง ในกรณีการกู้ร่วมของคู่รัก ผู้กู้ร่วมจะต้องตกลงกันว่าจะให้ใครถือกรรมสิทธิ์ หรือจะถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน หรือจะระบุไปในสัญญาว่าจะมอบกรรมสิทธิ์ให้ผู้ใด อย่างไรก็ดี หากผู้กู้เสียชีวิตโดยไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ คู่สมรสที่ยังมีชีวิตจะถือเป็นทายาทโดยธรรมมีสิทธิรับมรดกของคู่สมรสที่เสียชีวิตได้ตามกฎหมาย ซึ่งรวมทั้งอสังหาริมทรัพย์ 

เปิดสูตรผ่อนบ้านฉบับคู่รัก วางแผนอย่างไรให้ผ่อนหมดไวไปด้วยกัน

การซื้อเรือนหอถือเป็นก้าวแรกในการเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่ เมื่อคู่รักคิดจะสร้างครอบครัวร่วมกันแล้วจึงไม่ควรละเลยการวางแผนทางการเงินเพื่อผ่อนบ้านในอนาคต ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) ขอแนะนำเคล็ด (ไม่) ลับช่วยให้คู่รักวางแผนผ่อนบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดภาระดอกเบี้ยให้หมดไว สานฝันให้คู่รักมีเรือนหอในฝันได้อย่างมั่นใจ 

  • ตกลงหน้าที่ผ่อนบ้านให้ชัดเจน คู่รักทั้งสองฝ่ายควรปรึกษาและตกลงกันให้ชัดเจนเกี่ยวกับหน้าที่ความรับผิดชอบในการผ่อนชำระสินเชื่อบ้าน เช่น ใครจะเป็นผู้ยื่นกู้ซื้อบ้านหรือจะกู้ร่วมกัน ใครจะรับหน้าที่ผ่อนบ้านเป็นหลัก แบ่งสัดส่วนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนกลางหรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เกี่ยวกับบ้านอย่างไร หรือจะตั้งเงินกองกลางเพื่อดูแลรักษาบ้านเท่าไร ซึ่งควรพิจารณาโดยอ้างอิงจากรายได้และค่าใช้จ่ายส่วนตัวของแต่ละฝ่ายว่าใครมีความสามารถในการผ่อนชำระได้มากกว่า เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกันและแยกรายจ่ายเพื่อผ่อนบ้านอย่างเป็นระบบ ลดความขัดแย้งเรื่องนี้ในภายหลัง
  • เลือกอัตราดอกเบี้ยอย่างชาญฉลาด ผู้บริโภคควรศึกษาและทำความเข้าใจว่าอัตราดอกเบี้ยแบบไหนที่คุ้มค่าที่สุด โดยนำอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อแต่ละตัวมาเฉลี่ยเป็นอัตราดอกเบี้ยตลอดอายุของสินเชื่อและปรับให้เป็นอัตราดอกเบี้ยต่อปี ซึ่งจะทำให้สามารถเปรียบเทียบสินเชื่อของแต่ละธนาคารได้ง่ายขึ้น สิ่งสำคัญคือผู้กู้ควรเลือกจากอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยใน 3 ปีแรกเป็นหลักว่าธนาคารใดให้ดอกเบี้ยต่ำที่สุด และเมื่อผ่อนชำระครบ 3 ปีแล้ว ให้พิจารณายื่นเรื่องขอลดดอกเบี้ยกับธนาคารเดิม (Retention) หรือรีไฟแนนซ์ (Refinance) กับธนาคารใหม่ ซึ่งจะช่วยให้ได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง ประหยัดค่าดอกเบี้ยในระยะยาวได้มากขึ้น 

เคล็ดลับในการเลือกสินเชื่อนั้นผู้กู้ควรเลือกอัตราดอกเบี้ยลอยตัวในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้มีแนวโน้มที่จะปรับลดลง ซึ่งจะทำให้ยอดดอกเบี้ยที่ผู้กู้ต้องชำระลดลงตามไปด้วย แต่หากอยู่ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้น ผู้กู้ควรเลือกสินเชื่อที่อัตราดอกเบี้ยคงที่ทั้ง 3 ปี เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของอัตราดอกเบี้ยลอยตัวที่อาจปรับสูงขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจในช่วงนั้น โดยสามารถติดตามสถานการณ์ที่ส่งผลต่อการปรับอัตราดอกเบี้ยได้จากข่าวเศรษฐกิจและการคาดการณ์จากนักวิเคราะห์

  • “ผ่อนแบบลดต้นลดดอก” ช่วยลดภาระดอกเบี้ย “การผ่อนบ้านแบบลดต้นลดดอก” (Effective Rate) เป็นวิธีการคำนวนของธนาคารที่ชี้แจงให้เห็นถึงความตรงต่อเวลาในการส่งเงินต้น อันเป็นผลทำให้ดอกเบี้ยในงวดต่อไปลดลง โดยคำว่า “ลดต้น” หมายถึงเงินต้นซึ่งจะนำมาคิดดอกเบี้ยในแต่ละงวด โดยเงินต้นจะลดลงไปเรื่อย ๆ จากการนำจำนวนเงินในงวดที่ชำระไปก่อนหน้าส่วนที่เหลือจากหักชำระดอกเบี้ยมาหักลบออกไป ส่วน “ลดดอก” หมายถึงดอกเบี้ยในงวดถัดมาที่จะลดลงเรื่อย ๆ แปรผันตามเงินต้นที่ลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เงินต้นเหลือน้อยลงเรื่อย ๆ เนื่องจากถูกหักออกไปจากการชำระในงวดก่อนหน้า แม้ว่าจำนวนเงินที่ชำระในแต่ละงวดจะกำหนดไว้คงที่ แต่การคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกนี้จะทำให้จำนวนเงินที่ผ่อนชำระในงวดหลัง ๆ จะถูกกันส่วนหนึ่งไปชำระดอกเบี้ยน้อยลง และเหลือส่วนที่ไปตัดยอดหนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ จึงถือเป็นวิธีที่ช่วยประหยัดดอกเบี้ยในระยะยาว
  • วางแผนโปะบ้านให้ผ่อนหมดไวแบบติดสปีดการโปะบ้าน” เป็นการผ่อนชำระหนี้ให้มากกว่าที่กำหนดไว้หรือมากกว่าจำนวนเงินชำระต่องวดที่ระบุไว้ในสินเชื่อ เพื่อให้มีจำนวนเงินไปหักชำระเงินต้นมากขึ้นหรือไปหักยอดหนี้โดยตรง ถือเป็นวิธีที่ช่วยให้ผ่อนบ้านหมดเร็วและลดดอกเบี้ยอย่างเห็นผลได้ชัดเจน โดยสามารถทำได้ทั้งการกระจายเงินเพื่อชำระเงินเกินด้วยจำนวนเงินน้อย ๆ แต่เลือกชำระเกินทุกงวด หรือจะชำระเกินด้วยจำนวนเงินมาก ๆ เพียงก้อนเดียวและโปะบ้านเพิ่มปีละครั้งก็ได้เช่นกัน

ซึ่งการโปะบ้านด้วยการชำระเกินทุกงวดด้วยจำนวนเงินน้อย ๆ เหมาะกับผู้มีรายได้คงที่และรายจ่ายค่อนข้างคงที่ ซึ่งจะดีกว่าการรอนำเงินก้อนใหญ่เพียงก้อนเดียวอย่างเงินโบนัสมาโปะยอดหนี้ ส่วนการผ่อนบ้านแบบโปะเงินจำนวนมากนั้นเหมาะสมกับอาชีพที่รายได้ไม่คงที่และไม่สม่ำเสมอ เช่น พนักงานขาย หรืออาชีพอิสระ ที่จะได้รับค่าจ้างหรือค่าคอมมิชชันเป็นครั้งไป จึงอาจไม่สามารถผ่อนบ้านแบบชำระเกินได้ทุกงวด อย่างไรก็ดี การโปะบ้านทุกครั้งที่มีโอกาสไม่ว่าจะวิธีไหนก็ช่วยให้ผู้กู้สามารถผ่อนชำระหนี้บ้านได้ไวกว่าปกติอย่างแน่นอน

การวางแผนซื้อเรือนหอแม้ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ยากเกินจะทำความเข้าใจ เพียงคู่รักใช้ความรักและความเข้าใจในการวางแผนก็จะสามารถเลือกซื้อเรือนหอในฝันได้อย่างราบรื่น ทั้งนี้ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ได้พัฒนาฟิลเตอร์ช่วยค้นหาที่อยู่อาศัยให้ตรงโจทย์คนหาบ้านทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาด้วยสถานีรถไฟฟ้า BTS/MRT หรือหาโครงการใกล้โรงเรียนสำหรับผู้ที่เน้นความสะดวกในการเดินทาง หรือจะเลือกฟิลเตอร์ค้นหาตามไลฟ์สไตล์ไม่ว่าจะเป็นโครงการที่มาพร้อมส่วนกลางเอาใจคนรักสัตว์, โครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และโครงการหรู นอกจากนี้ ยังได้รวบรวมข้อมูลประกาศซื้อ/ขาย/ให้เช่าโครงการบ้าน/คอนโดฯ ใหม่ในหลากหลายทำเลทั่วประเทศ เพื่อช่วยให้ทุกคนเตรียมความพร้อมก่อนตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยในฝันได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น

Alibaba Cloud Establishes Second Data Center in Thailand with Richer Product Portfolio for Generative AI and Industry-specific Solutions

อาลีบาบา คลาวด์ เปิด ดาต้าเซ็นเตอร์ แห่งที่สองในประเทศไทย มาพร้อมกลุ่มผลิตภัณฑ์หลากหลายเพื่อรองรับ Generative AI และโซลูชันเฉพาะทางสำหรับแต่ละอุตสาหกรรม

Alibaba Cloud Establishes Second Data Center in Thailand with Richer Product Portfolio for Generative AI and Industry-specific Solutions

Enhanced operational efficiency achieved for local customers in the technology, media, fintech, and retail sectors

– Alibaba Cloud, the digital technology and intelligence backbone of Alibaba Group, today announced the launch of its second data center in Thailand. The addition aims to increase local capacity in response to the rising demand for cloud computing services, particularly in supporting generative AI applications, while supporting the government’s initiatives for fostering digital innovation and sustainable technology development.

“Our latest data center strengthens our commitment to providing reliable, secure, and high-performance cloud services tailored to the needs of local businesses,” said Sean Yuan, Vice President of International Business, General Manager of Thailand, Indonesia, Japan, the Philippines, and South Pacific Region, Alibaba Cloud Intelligence, “With enhanced local infrastructure, we aim to empower enterprises to leverage the full potential of cloud technology, especially in generative AI applications.”

Following the inauguration of this new data center, Alibaba Cloud now operates 86 availability zones across 28 regions globally, solidifying its position as a leading cloud service provider in Southeast Asia. Alibaba Cloud launched its first data center in Thailand in 2022.

Alibaba Cloud has over 140 security and compliance accreditations worldwide, ensuring top-tier protection and resilience for its cloud offerings. With two data centers, it will facilitate Alibaba Cloud’s provision of scalable, elastic, and highly available cloud computing products with enhanced disaster recovery capabilities tailored to the nation’s dynamic digital landscape while adhering to stringent security and regulatory standards. 

Innovative Solutions for Local Businesses

Alibaba Cloud is enhancing its diverse portfolio of services aimed at empowering businesses in Thailand. This portfolio includes elastic computing, storage, database, security, network products, data analytics and AI services and solutions can address vertical industry challenges. 

Leveraging AnalyticDB’s cloud-native vector engine, Thai businesses especially from fintech and retail sectors can create enterprise-grade retrieval-augmented generation (RAG) solutions that improve customer interactions via customized large language model (LLM) applications. This allows companies to build a dedicated knowledge base, efficiently managing structured and unstructured data as vectors. Consequently, businesses can rapidly develop tailored chatbots and intelligent engagement tools featuring intelligent Q&A and personalized product recommendations, elevating the customer experience.

In addition, the newly introduced Alibaba Cloud Container Compute Service (ACS) simplifies and optimizes workload deployment using Kubernetes as its interface, offering a serverless container environment. ACS enables businesses to scale their operations efficiently by minimizing the complexities associated with infrastructure management, allowing them to focus on innovation while effectively managing costs.

Alibaba Cloud offers a range of industry-specific solutions tailored to the needs of digital-native clients in sectors such as fintech, retail, and public services. These solutions include the Workspace Elastic Desktop Service (EDS), eKYC solutions, SuperApp development capabilities, and AI-driven sustainability solutions.

Supporting Diverse Clients in Thailand

Alibaba Cloud has been instrumental in supporting Thai businesses across a diverse array of sectors, including technology, media, retail, fintech, and public sectors. By offering scalable, secure, and innovative cloud solutions, Alibaba Cloud empowers organizations to enhance operational efficiency, accelerate digital transformation, and better serve their customers.

True Digital Group, a core business of True Corporation Plc., one of Thailand’s leading Telecom-Tech companies, has leveraged Alibaba Cloud’s proven and trustworthy cloud computing products particularly in database and container technologies to enhance the efficiency, stability, and scalability of its energy platform.

Yell Group, a leading creative digital company headquartered in Thailand, has formed a transformative partnership with Alibaba Cloud to enhance its storyboard AI platform, AI-Deate. This collaboration seeks to revolutionize creative workflows using generative AI technologies, empowering creators in 102 countries to develop innovative applications while addressing work-life balance challenges in the digital age.

“This strategic partnership with Alibaba Cloud allows us to harness advanced AI capabilities, transforming how we empower creatives,” said Dissara Udomdej, CEO of Yell Group, “Together, we are set to redefine the creative landscape across Asia and beyond.”

Codium, a prominent software company in Thailand specializing in digital workplace solutions, has partnered with Alibaba Cloud to utilize its scalable infrastructure. This collaboration aims to establish a strong digital foundation for businesses in Thailand and improve the local cloud market ecosystem through accessible cloud services and comprehensive support for Thai clients.

“Collaborating with Alibaba Cloud has allowed us to provide our customers with flexible and scalable digital workplace solutions,” said Sivabudh Umpudh, CEO of Codium, “Their infrastructure not only supports our growth, but also enhances our ability to serve the unique needs of Thai businesses.”

White Channel, a well-known television broadcasting and OTT service provider in Thailand, has optimized its video-on-demand platform by implementing Alibaba Cloud’s end-to-end video streaming service, ApsaraVideo VOD. This partnership enables White Channel to deliver high-quality video playback without latency, utilizing a global CDN and scalable storage solutions to manage its extensive content library effectively, even during surge traffic periods.

“Working with Alibaba Cloud has significantly improved our ability to deliver seamless video services to our audience,” said Chawalit Ueaferua, Head of IT Department of White Channel, “Their cutting-edge technology ensures that our viewers receive high-quality content, anytime and anywhere.”

Fostering Local Ecosystem and Digital Talent

Alibaba Cloud is actively nurturing the local ecosystem by partnering with approximately 70 local partners, including Cloud HM, Kaopanwa, Softdebut, Thai Data Cloud, and True IDC, to empower the digital transformation of businesses across Thailand.

Alibaba Cloud is also committed to fostering digital talent through collaborations with local universities including Chulalongkorn University, King Mongkut’s University of Technology Thonburi, Prince of Songkla University and Bangkok University, offering workshops and certified courses in cloud computing and generative AI. In late 2023, Alibaba Cloud launched its first global skills center at Chulalongkorn University, which provides free training courses, boot camps, AI competitions, and leadership development programs. These initiatives are part of Alibaba Cloud’s ongoing efforts to enhance educational resources and promote a thriving digital landscape through further collaborations with local institutions.