Infor คาดการณ์ 10 แนวโน้มแห่งอนาคต ของอุตสาหกรรมการกระจายสินค้าในทศวรรษหน้า

AI สำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม

Infor คาดการณ์ 10 แนวโน้มแห่งอนาคต ของอุตสาหกรรมการกระจายสินค้าในทศวรรษหน้า

บทความโดย เทอร์รี สมา, รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น, บริษัทอินฟอร์

อุตสาหกรรมการกระจายสินค้ามีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงผู้ผลิตและผู้บริโภคเข้าด้วยกันในตลาดโลกที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว  ในขณะที่เทคโนโลยีก้าวล้ำหน้าไปอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน ภาพรวมของการกระจายสินค้าก็กำลังเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในทศวรรษหน้า  สำหรับแนวโน้มและการคาดการณ์ที่คาดว่าจะกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมการกระจายสินค้า พร้อมกับช่วยให้ธุรกิจสามารถก้าวนำหน้าและประสบความสำเร็จในตลาดที่มีพลวัตในอนาคต 10 ประการ ได้แก่

  1. ระบบอัตโนมัติจะเข้ามาเปลี่ยนรูปแบบห่วงโซ่อุปทานอย่างสิ้นเชิง: การเพิ่มขึ้นของระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนโดยหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะมีส่วนในการปฏิวัติและปรับโฉมห่วงโซ่อุปทานอย่างมีนัยสำคัญ  คลังสินค้าอัจฉริยะพร้อมเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ยานยนต์อัตโนมัติ ระบบการเลือกสินค้าอัตโนมัติชั้นนำ และการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ขั้นสูง จะช่วยให้มีการจัดการสินค้าคงคลังที่เหมาะสม ซึ่งจะลดต้นทุนได้อย่างมีนัยสำคัญและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานได้อย่างน่าทึ่ง  ดังนั้น การใช้ระบบการจัดการคลังสินค้า (WMS) ที่ดีที่สุดในระดับเดียวกันจึงมีความสำคัญสูงสุด เนื่องจากระบบจะทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมโยงที่สำคัญในการเชื่อมต่อระบบอัตโนมัติเข้ากับระบบการวางแผนทรัพยากรขององค์กร (ERP)ได้อย่างไร้อุปสรรค ช่วยให้การดำเนินงานราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
  2. การใช้บิ๊กดาต้าและการวิเคราะห์ขั้นสูงเพื่อตัดสินใจ: เมื่อมองไปในอนาคต การกระจายสินค้าจะต้องพึ่งพาพลังมหาศาลของบิ๊กดาต้าและการวิเคราะห์ขั้นสูงเป็นอย่างมาก เพราะจะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดรูปแบบของกระบวนการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์  ธุรกิจที่มองการณ์ไกลจะใช้อัลกอริธึมการคาดการณ์และการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ ที่ซับซ้อนและมีประสิทธิภาพสูงในการตัดสินใจแบบใช้ข้อมูลอย่างรอบคอบ เพื่อจัดการกับระดับสินค้าคงคลังให้เหมาะสม รวมทั้งใช้คาดการณ์รูปแบบความต้องการได้อย่างแม่นยำ และมอบประสบการณ์เฉพาะสำหรับลูกค้าแต่ละราย  ดังนั้น เพื่อให้สามารถใช้เครื่องมือด้านข้อมูลอันล้ำค่าเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่ ผู้จัดจำหน่ายควรย้ายระบบ ERP ของตนไปยังระบบคลาวด์ ซึ่งจะช่วยให้สามารถนำศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงของการวิเคราะห์ขั้นสูงและบิ๊กดาต้ามาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  3. การปรับเปลี่ยนการจัดส่งระยะสุดท้าย (Last-mile delivery): Last-mile delivery กำลังเปลี่ยนแปลง เนื่องจากการบุกเบิกรูปแบบการจัดส่งที่ล้ำสมัยเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวาง  เทคโนโลยีล้ำสมัยที่นำมาใช้งาน เช่น โดรน ยานยนต์อัตโนมัติ และหุ่นยนต์ส่งสินค้า กำลังกลายเป็นเรื่องปกติที่ปฏิวัติขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการจัดส่งด้วยความเร็วที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ให้ความคุ้มค่าคุ้มทุนเป็นเลิศ และความสะดวกสบายที่ไม่มีใครเทียบได้ เพราะผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จะถูกนำส่งอย่างรวดเร็วถึงประตูบ้านของผู้บริโภค  นอกจากนี้ เครือข่ายการจัดส่งแบบ crowd-sourced ซึ่งเป็นการรวมตัวกันทำงานของคนจำนวนมาก และแบบแลกเปลี่ยนเครือข่ายการจัดส่งร่วมกันที่เพิ่มขึ้นจะทำให้การจัดส่ง Last-mile มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น และเป็นพลังที่โดดเด่นในการกระจายสินค้า
  4. แนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม: เพื่อตอบสนองต่อความกังวลและความต้องการผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การผสานแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่อาจละเลย  ธุรกิจที่มองการณ์ไกลมีการนำแนวคิดริเริ่มที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาใช้ในเชิงรุก เช่น บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การนำยานยนต์ไฟฟ้ามาใช้ในกองยาน และการปรับปรุงเส้นทางโลจิสติกส์ให้เหมาะสมเพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมากดังนั้น บริษัทที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนจะสามารถแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและตอบสนองต่อกลุ่มตลาด ที่ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์และแนวปฏิบัติในการกระจายสินค้าที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมที่กำลังเพิ่มขึ้นได้
  5. ช่องทางการจำหน่ายตรงถึงผู้บริโภค (Direct-to-Consumer: D2C) จะเพิ่มขึ้น: การขายแบบ D2C มีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง และไม่ต้องผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายแบบดั้งเดิม ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้ผู้ผลิตสามารถใช้เครื่องมือและแพลตฟอร์มที่ล้ำสมัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างการเชื่อมต่อโดยตรงกับผู้บริโภคได้อย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมประสบการณ์ส่วนบุคคล สร้างพลังให้กับกลยุทธ์การตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และทำให้ผู้ผลิตสามารถควบคุมการส่งข้อความของแบรนด์ สร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค และความภักดีของลูกค้าได้มากขึ้น
  6. บล็อกเชนจะปฏิวัติการตรวจสอบย้อนกลับและความโปร่งใส: ศักยภาพในการปฏิวัติวงการของเทคโนโลยีบล็อกเชนภายในขอบเขตการจัดการห่วงโซ่อุปทานจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้อย่างแท้จริง พร้อมให้ความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับและความโปร่งใสอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้  ระบบจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ (Distributed Ledger systems) ที่ขับเคลื่อนด้วยบล็อกเชน ช่วยให้สามารถติดตามและตรวจสอบผลิตภัณฑ์ได้แบบเรียลไทม์ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง  เทคโนโลยีบล็อกเชนจะช่วยเพิ่มความไว้วางใจและความรับผิดชอบภายในห่วงโซ่อุปทานได้อย่างมาก สามารถป้องกันการปลอมแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดอัตราการฉ้อโกงลงได้อย่างมีนัยสำคัญ พร้อมกับรับประกันความถูกต้องของสินค้า
  7. ประสบการณ์ Hyper-Personalization และเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง: ภาพรวมของการกระจายสินค้าในอนาคตจะมีลักษณะที่เน้นการสร้างประสบการณ์ลูกค้าเป็นสำคัญ โดยใช้ Hyper-Personalizationที่มีพลังมหาศาลในการขับเคลื่อน  ธุรกิจที่ใช้การวิเคราะห์ขั้นสูง แมชชีนเลิร์นนิง และ AI จะมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความชอบส่วนบุคคล ซึ่งจะช่วยให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน พร้อมข้อเสนอตามความต้องการเฉพาะบุคคลและประสบการณ์ที่น่าจดจำ ซึ่งจะสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าและความภักดีต่อแบรนด์ที่ไม่มีใครเทียบได้
  8. เทคโนโลยีโลกเสมือน Augmented Reality (AR) ที่จะเพิ่มประสบการณ์การรับชมผลิตภัณฑ์: AR เป็นเทคโนโลยีล้ำสมัยที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการยกระดับการมองเห็นผลิตภัณฑ์แบบเสมือนจริงซึ่งส่งผลอย่างมากต่อกระบวนการตัดสินใจของผู้บริโภค  จากการที่อุปกรณ์รองรับ AR เป็นที่แพร่หลายมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคสามารถลองใช้ผลิตภัณฑ์เสมือนก่อนตัดสินใจซื้อได้ เป็นการปฏิวัติประสบการณ์ในการชอปปิงออนไลน์ โดยลดระยะห่างระหว่างโลกกายภาพและโลกดิจิทัลให้เชื่อมต่อกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เสริมศักยภาพให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจและความพึงพอใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
  9. การพิมพ์ 3 มิติช่วยให้การผลิตแบบกระจายศูนย์เป็นไปได้: การถือกำเนิดของเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการผลิตและการกระจายสินค้าแบบดั้งเดิมโดยนำเสนอข้อดีมากมายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน  ด้วยความสามารถที่โดดเด่นในการผลิตสินค้าในท้องถิ่น การผลิตตามความต้องการอย่างแม่นยำและการลดของเสียลงได้อย่างมาก ทำให้เกิดการสร้างเครือข่ายการผลิตแบบกระจายศูนย์เพิ่มขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้ลดระยะเวลาในการผลิตสินค้าลงได้อย่างมาก และช่วยให้ธุรกิจสามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ปรับให้เหมาะสมกับความต้องการและความชอบของผู้บริโภคแต่ละรายได้อย่างตรงจุด ซึ่งปฏิวัติอุตสาหกรรมการผลิตและการกระจายสินค้าให้เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพได้อย่างแท้จริง
  10. การผสานรวมความร่วมมือและระบบนิเวศ: ในขณะที่ภาพรวมของการกระจายสินค้ากำลังพัฒนาเราจะได้เห็นการทำงานร่วมกันอย่างแข็งแกร่งมากขึ้นและการผสานรวมระบบนิเวศที่ไร้ขีดจำกัดได้อย่างเด่นชัด  ธุรกิจที่มองการณ์ไกลต่างตระหนักถึงคุณประโยชน์อันมหาศาลของการสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ การมีส่วนร่วมในการริเริ่มแบ่งปันข้อมูล และการส่งเสริมการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดในด้านที่สำคัญ ๆ เช่น โลจิสติกส์ การจัดการสินค้าคงคลัง และการดำเนินการตามคำสั่งซื้อ ซึ่งจะช่วยให้การดำเนินงานแบบครบวงจรเป็นไปอย่างราบรื่น สามารถขับเคลื่อนให้ธุรกิจนำสินค้าออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น ตลอดจนมีความสามารถในการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น และมีความเป็นเลิศในการดำเนินงานที่ไม่มีใครเทียบได้

อนาคตของอุตสาหกรรมการกระจายสินค้าจะก้าวหน้าอย่างน่าทึ่งและจะมีการเปลี่ยนแปลงมากมายที่จะพลิกโฉมวงการอย่างแน่นอน  คุณจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า ชุดเครื่องมือและซอฟต์แวร์ที่ใช้แข็งแกร่งพอที่จะรองรับเครื่องมือใหม่ ๆ เหล่านี้ได้  และสิ่งสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจคงความสามารถในการแข่งขันได้คือ จะต้องมีการใช้ระบบอัตโนมัติ ใช้บิ๊กดาต้าและการวิเคราะห์ พร้อมทั้งใช้แนวทางปฏิบัติที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอุบัติใหม่ที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว เพราะการเปิดใจยอมรับเทรนด์เหล่านี้จะช่วยให้ผู้จัดจำหน่ายขายส่งสามารถปลดล็อกเพื่อเปิดรับโอกาสใหม่ ๆ เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ตลอดจนส่งมอบประสบการณ์ลูกค้าที่ยอดเยี่ยมได้ในทศวรรษหน้าและต่อไปในอนาคต 

สำหรับประเทศไทย ภาคโลจิสติกส์เป็นอุตสาหกรรมกำลังพัฒนาและเติบโตอย่างรวดเร็วที่ขับเคลื่อนด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีอุบัติใหม่มาใช้งาน  ดัชนีประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ (LPI) ที่จัดทำโดยธนาคารโลกประจำปี 2566 ได้จัดให้ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 34 จาก 139 ประเทศทั่วโลกและอยู่ในอันดับที่ 3 ของอาเซียนรองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย และเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้จัดงานประชุมวิชาการนานาชาติ Symposium 2023 ภายใต้แนวคิด “Sustainable Logistics : Smart and Green” ที่เกี่ยวกับเทรนด์ธุรกิจโลจิสติกส์เพื่อความยั่งยืน โดยมีธุรกิจกว่า 415 แบรนด์จาก 25 ประเทศเข้าร่วมงาน

โดยข้อมูลสำคัญที่ได้จากการประชุมพบว่า ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ (LSPs) จำเป็นต้องปรับปรุงบริการให้ดียิ่งขึ้น ลงทุนในแพลตฟอร์มขั้นสูง และนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างระบบอัตโนมัติมาใช้เพื่อเสริมการเชื่อมต่อกับลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นและเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา  ขณะนี้อุตสาหกรรมต่าง ๆ กำลังเผชิญมาตรการทางการค้าที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น มาตรการปรับคาร์บอนก่อนเข้าพรมแดนของสหภาพยุโรป (Carbon Border Adjustment Mechanism: CBAM) ซึ่งเป็นการเก็บภาษีเพิ่มสำหรับสินค้านำเข้าที่ไม่มีการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเข้ามาในสหภาพยุโรป ที่ได้ประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป  

ในช่วงแรก CBAM จะบังคับใช้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์ 6 ประเภทที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ปริมาณมากในกระบวนการผลิต ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนสินค้าเพิ่มขึ้นและอาจกระทบกับผู้ผลิตวัตถุดิบที่ส่งสินค้าไปจำหน่ายในยุโรป เพราะอาจสูญเสียส่วนแบ่งตลาดหากไม่สามารถปรับตัวได้ และในอนาคตอันใกล้นี้ CBAM จะขยายครอบคลุมสินค้าอื่น ๆ เพิ่มขึ้นอีก  ดังนั้น ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ รวมถึงผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้าในประเทศไทยจะต้องเริ่มปรับปรุงกระบวนการทำงาน ปรับเปลี่ยนวิธีการส่งสินค้าที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อสร้างความต่างและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีการค้าระหว่างประเทศต่อไป

Red Hat Launches Red Hat Ansible Lightspeed with IBM watsonx Code Assistant for AI-Driven Enterprise IT Automation

Red Hat เปิดตัว Red Hat Ansible Lightspeed with IBM watsonx Code Assistant เพื่อสนับสนุนองค์กรใช้ไอทีอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI

Red Hat Launches Red Hat Ansible Lightspeed with IBM watsonx Code Assistant for AI-Driven Enterprise IT Automation

Now generally available, purpose-built AI service delivers a trusted Ansible advisor to help extend and scale automation content across teams with greater efficiency, accuracy and trust

Red Hat, Inc., the world’s leading provider of open source solutions, today announced the general availability of Red Hat Ansible Lightspeed with IBM watsonx Code Assistant, a generative AI service to help enterprises accelerate IT automation across an organization.

According to IDC, “through 2024, shortcomings in critical skills creation and training efforts by IT industry leaders will prevent 65% of businesses from achieving full value from cloud, data, and automation investments.”[1] But, “generative AI has the potential to revolutionize the entire software development life cycle. IDC’s survey of developers about their use of generative AI indicates they see great potential for generative AI to increase productivity and automation for these non-coding tasks. Developers recognize the opportunity for DevOps automation to improve key software quality metrics by automating software testing, scoring project risk, and improving threat modeling.”[2]

Red Hat Ansible Lightspeed generates content recommendations from user prompts, integrating with IBM watsonx Code Assistant to access IBM foundation models and quickly build Ansible content. The service is purpose-built for Ansible, helping users to bridge the gap between automation ideas and Ansible content creation. Not only does this increase automation accessibility across IT personnel, but it also enables content best practices and maintenance organization-wide, resulting in improved, more consistent automation. 

Focused automation for real world applications

A purpose-built AI service trained on Ansible data, Ansible Lightspeed with watsonx Code Assistant combines the power of first-hand experience with technical innovation to deliver content recommendations that are more accurate, consistent and specific to business needs. The service also enhances established ways of working as a natural extension of existing Red Hat Ansible Automation Platform workflows and alongside the full suite of Ansible content tools. As part of the Ansible Automation Platform subscription and natively integrated with the Ansible Visual Studio Code extension, developers and operators don’t need to log into or access a separate tool or service to access the potential of Ansible Lightspeed with watsonx Code Assistant.

To create and edit Ansible Playbooks and rules, users can input a straightforward text prompt and receive an output that’s translated into YAML content, streamlining role and playbook creation. Experienced users can significantly boost productivity while novice users have fewer barriers to entry for content creation, helping to expand the aperture of who can create Ansible content while also addressing automation skills gaps across the enterprise. 

An emphasis on quality content  

Ansible Lightspeed with watsonx Code Assistant helps translate existing subject matter expertise into more compliant Ansible automation content and best practices that scale across teams and the enterprise. Ansible Lightspeed with watsonx Code Assistant scans existing Ansible content to help standardize and improve quality through its recommendations, as well as adhere to industry-standards. The service also helps safeguard private data through data isolation, so sensitive customer information remains untouched and possible data leaks are minimized.

Generative AI, the open source way 

In alignment with Red Hat’s open source values, the Ansible Lightspeed with watsonx Code Assistant experience is built on transparency, collaboration and choice. Content source matching offers users visibility into the potential sources, authors and licenses used to train the data for the content recommendations, so contributors are properly recognized for their work and teams can better trust the AI-generated content. In addition, upstream content contributors have a choice as to whether or not their work contributes to fine-tuning of the model.

Availability

Red Hat Ansible Lightspeed is now generally available with your Ansible Automation Platform subscription, with IBM watsonx Code Assistant available for purchase separately. Fine-tuning capabilities to train custom models specific to organizations is expected for customers later this year. For more information and to get started, visit redhat.com/ansible-lightspeed.

Supporting Quotes

Ashesh Badani, senior vice president and Chief Product Officer, Red Hat

“AI offers an immense opportunity for enterprises to accelerate innovation. To help our customers contextualize AI, Red Hat has forged two paths to make it practical and specific to their existing priorities: delivering a foundation for building, tuning and maintaining AI workloads and AI-infused capabilities for our platforms, including Ansible. We’ve already shown what domain-specific AI can do for IT automation at the community level, and the general availability of Ansible Lightspeed with watsonx Code Assistant has the potential to close skills gaps, create greater organizational efficiencies and free enterprise IT to deliver even more business value.”

Keri Olson, vice president, Product Management, IBM watsonx Code Assistant

“AI and IT automation have drastically accelerated innovation across industries, but there are still so many untapped possibilities that we can achieve in technology. The tech preview of Ansible Lightspeed with IBM watsonx Code Assistant gave us a snapshot into what’s possible when we combine domain-specific AI with IT automation.”

Gerry Leitão, leader, Partner and Global Hybrid Cloud Automation, IBM Consulting

“We have seen firsthand that generative AI can act as a force multiplier for developers. During the technical preview for watsonx Code Assistant for Red Hat Ansible Lightspeed, we observed initial build productivity improvements in the range of 20-45%. As we move to GA, even more gains in productivity are expected. We also believe there’s additional downstream productivity that has not been fully quantified yet. Not only are we aiming to accelerate the development phase for Ansible automations and shorten time-to-value for our clients after GA, but we intend for the quality of the content to be higher.”[3]

Lara Greden, research director, Platform as a Service (PaaS) and Brijesh Kumar, senior research analyst, Cloud Application Development Platforms, IDC

“Automation is one laser-focused area in which cloud vendors are investing their time and enhancing the capabilities of their existing tools and platforms. Adding AI-based features further increases the benefits and business value of these solutions and provides a competitive edge in the market. With AI capabilities in Red Hat Ansible Lightspeed, the company is focusing on a strong problem to solve for customers.”[4]

[1] IDC FutureScape: Worldwide IT Industry 2023 Predictions, Doc #US49563122, Oct 2022

[2] IDC, Generative AI: The Path to Impact, Doc #EUR151153223, Aug 2023

[3] IBM Consulting, Transforming the way developers learn and work, Oct 2023

[4] IDC, Red Hat’s Focus on Serving Developers and Being the Platform for the AI-Everywhere Future, Doc #US50790123, Jun 2023

Red Hat เปิดตัว Red Hat Ansible Lightspeed with IBM watsonx Code Assistant เพื่อสนับสนุนองค์กรใช้ไอทีอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI

Red Hat เปิดตัว Red Hat Ansible Lightspeed with IBM watsonx Code Assistant เพื่อสนับสนุนองค์กรใช้ไอทีอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI

Red Hat เปิดตัว Red Hat Ansible Lightspeed with IBM watsonx Code Assistant เพื่อสนับสนุนองค์กรใช้ไอทีอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI

บริการ AI ที่สร้างขึ้นอย่างเจาะจงนี้ เปิดให้บริการทั่วไป (GA) แล้ว โดยให้บริการ Ansible advisor ที่เชื่อถือได้ เพื่อช่วยขยายและสเกลคอนเทนต์อัตโนมัติให้กับทีมงานต่าง ๆ ด้วยประสิทธิภาพสูง ถูกต้องแม่นยำ และเชื่อถือได้

Red Hat, Inc. (เร้ดแฮท) ผู้ให้บริการโซลูชันโอเพ่นซอร์สระดับแนวหน้าของโลก ประกาศวางตลาด Red Hat Ansible Lightspeed with IBM watsonx Code Assistant ซึ่งเป็นบริการ generative AI ที่ช่วยให้นำไอทีอัตโนมัติมาใช้ทั่วทั้งองค์กรได้เร็วขึ้น 

ข้อมูลจาก IDC ระบุว่า “ภายในปี 2567 จุดอ่อนด้านการสร้างทักษะที่จำเป็นและการฝึกอบรมโดยผู้นำในอุตสาหกรรมด้านไอที จะเป็นอุปสรรคที่ทำให้ 65% ของธุรกิจไม่ได้รับประโยชน์เต็มที่อย่างที่ควรเป็นจากการลงทุนด้านคลาวด์ ดาต้า และระบบอัตโนมัติ”[1] แต่ “generative AI” มีศักยภาพที่จะทำให้ไลฟ์ไซเคิลของการพัฒนาซอฟต์แวร์ทั้งหมดเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิง IDC ทำการสำรวจนักพัฒนาซอฟต์แวร์เกี่ยวกับการใช้ generative AI และพบว่านักพัฒนาซอฟต์แวร์มองเห็นโอกาสที่ดีมากในการใช้ generataive AI เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและระบบอัตโนมัติให้กับงานที่ไม่ต้องเขียนโค้ด (non-coding tasks) นักพัฒนาซอฟต์แวร์ตระหนักถึงโอกาสของการทำงานอัตโนมัติด้าน DevOps เพื่อปรับปรุงการวัดคุณภาพซอฟต์แวร์สำคัญ ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นผ่านการทดสอบซอฟต์แวร์โดยอัตโนมัติ, การให้คะแนนความเสี่ยงของโปรเจกต์ และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับแบบจำลองภัยคุกคาม”[2]

Red Hat Ansible Lightspeed สร้างคำแนะนำคอนเทนต์ต่าง ๆ จากการป้อนคำสั่งของผู้ใช้ และผสานรวมกับ IBM Watsonx Code Assistant เพื่อเข้าถึงโมเดลพื้นฐานต่าง ๆ ของ IBM และสร้าง Ansible content ได้อย่างรวดเร็ว บริการนี้สร้างขึ้นสำหรับ Ansible เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานลดช่องว่างระหว่างแนวคิดเกี่ยวกับระบบอัตโนมัติ และการสร้าง Ansible content ซึ่งไม่เพียงช่วยให้บุคลากรด้านไอทีทั้งหมดเข้าถึงระบบอัตโนมัติได้มากขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เกิด content best practices และการดูแลที่ทำได้ทั่วทั้งองค์กร ส่งผลให้ระบบอัตโนมัติมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกันมากขึ้น

ระบบอัติโนมัติที่เน้นการใช้งานได้จริง

Ansible Lightspeed with watsonx Code Assistant ที่สร้างตามเป้าหมายและได้รับการเทรนบน Ansible data เป็นการผสานพลังของประสบการณ์ตรงเข้ากับนวัตกรรมทางเทคโนโลยี เพื่อมอบคำแนะนำคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่ถูกต้องแม่นยำมากขึ้น สอดคล้องกัน และเจาะจงตามความต้องการทางธุรกิจต่าง ๆ บริการนี้ยังเพิ่มประสิทธิภาพวิธีการทำงานให้กับงานที่ได้กำหนดไว้แล้ว โดยเป็นส่วนเสริมในเวิร์กโฟลว์ของ Red Hat Ansible Automation Platform ที่มีอยู่ ควบคู่กับชุดเครื่องมือครบชุดของ Ansible content ทั้งนี้นักพัฒนาซอฟต์แวร์และผู้ปฏิบัติงานสามารถเข้าใช้ศักยภาพของ Ansible Lightspeed with watsonx Code Assistant ได้โดยไม่จำเป็นต้องล้อกอินเข้าใช้เครื่องมือหรือบริการแยกกัน เพราะบริการนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Ansible Automation Platform subscription และรวมอยู่ใน Ansible Visual Studio Code extension อยู่แล้ว

ผู้ใช้สามารถป้อนข้อความคำสั่งที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อน เพื่อสร้างและแก้ไข Ansible Playbooks และกฎต่าง ๆ และจะได้รับเอาต์พุตที่แปลเป็น YAML content หรือคอนเทนต์ที่สามารถทำงานร่วมกับภาษาโปรแกรมต่าง ๆ ได้  เป็นการเพิ่มความคล่องตัวให้กับการสร้างบทบาทและ playbook ดังนั้นผู้ใช้ที่มีประสบการณ์อยู่แล้วจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างมาก ส่วนผู้ใช้มือใหม่ก็จะมีอุปสรรคในการสร้างคอนเทนต์น้อยลง เป็นการขยายช่องทางว่าใครสามารถสร้าง Ansible content ได้บ้าง ในขณะเดียวกันยังช่วยแก้ปัญหาเรื่องช่องว่างทักษะด้านระบบอัตโนมัติให้กับทุกภาคส่วนในองค์กร

ให้ความสำคัญกับเนื้อหาคุณภาพ

Ansible Lightspeed with watsonx Code Assistant ช่วยแปลความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่มีอยู่ให้เป็น Ansible automation content และแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนด และสอดคล้องกันมากกว่าและสามารถสเกลข้ามทุกทีมงานและทุกภาคส่วนในองค์กร โดย Ansible Lightspeed with watsonx Code Assistant จะสแกน Ansible content ที่มีอยู่ เพื่อช่วยปรับปรุงคุณภาพและทำให้คอนเทนต์มีมาตรฐานผ่านคำแนะนำต่าง ๆ รวมถึงการปฏิบัติตามมาตรฐานอุตสาหกรรมต่าง ๆ บริการนี้ยังช่วยปกป้องข้อมูลส่วนตัวผ่านขั้นตอนการแยกข้อมูล ดังนั้นข้อมูลลูกค้าที่มีความอ่อนไหวสูงจะยังคงไม่ถูกแตะต้องและลดการรั่วไหลของข้อมูลให้ที่อาจเกิดขึ้นได้

Generative AI – วิถีโอเพ่นซอร์ส

การจับคู่แหล่งที่มาของคอนเทนต์ช่วยให้ผู้ใช้มองเห็นและทราบว่าคอนเทนต์นั้นมาจากแหล่งใด ใครเป็นผู้เขียน และใช้ไลเซนส์ใดในการเทรนข้อมูลเพื่อสร้างการแนะนำคอนเทนต์ต่าง ๆ ทำให้งานของผู้มีส่วนร่วมในการสร้างคอนเทนต์ได้รับการยกย่องอย่างเหมาะสม และทำให้ทีมต่าง ๆ เชื่อมั่นในคอนเทนต์ที่สร้างโดย AI มากขึ้น รวมถึงทำให้ผู้มีส่วนร่วมในการสร้างและปล่อยคอนเทนต์ต้นทางมีตัวเลือกว่าจะปรับแต่งโมเดลงานของตนหรือไม่ 

การวางตลาด

Red Hat Ansible Lightspeed พร้อมใช้งานผ่าน Ansible Automation Platform subscription ส่วน IBM watsonx Code Assistant มีวางจำหน่ายแยกต่างหาก ส่วนความสามารถต่าง ๆ ที่ใช้ในการปรับแต่งเพื่อเทรนโมเดลของลูกค้าที่กำหนดคุณสมบัติแบบเจาะจงสำหรับองค์กรนั้น ๆ คาดว่าจะพร้อมให้ลูกค้าได้ใช้ปลายปีนี้ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมและการเริ่มต้นใช้งานได้ที่ redhat.com/ansible-lightspeed.

คำกล่าวสนับสนุน

Ashesh Badani, senior vice president and Chief Product Officer, Red Hat

“AI นำมาซึ่งโอกาสที่ดีมาก ทำให้องค์กรสามารถสร้างนวัตกรรมได้อย่างรวดเร็ว  เร้ดแฮทได้สร้างสองแนวทางที่จะช่วยลูกค้าของเราปรับบริบทในการใช้ AI แนวทางเหล่านี้จะช่วยให้ใช้งาน AI ได้จริง และเจาะจงตรงไปยังสิ่งที่ลูกค้าให้ความสำคัญตามลำดับที่ลูกค้าตั้งไว้ ด้วยการมอบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสร้าง ปรับแต่ง ดูแลรักษาเวิร์กโหลด AI และนำความสามารถต่าง ๆ ที่มี AI เป็นส่วนหนึ่ง รวมไว้บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ของเรา รวมถึง Ansible เราได้แสดงให้เห็นว่ามี domain-specific AI สามารถช่วยให้ไอทีอัตโนมัติในระดับคอมมิวนิตี้ และในระดับที่ใช้งานได้ทั่วไป ของ Ansible Lightspeed with watsonx Code Assistant มีศักยภาพในการปิดช่องว่างด้านทักษะ สร้างประสิทธิภาพให้องค์กรได้มากขึ้น ช่วยให้ทีมไอทีขององค์กรไม่ต้องกังวลอีกต่อไปและหันไปให้ความสำคัญกับงานที่จะสร้างมูลค่าทางธุรกิจได้มากขึ้น”

Keri Olson, vice president, Product Management, IBM watsonx Code Assistant

“AI และไอทีอัตโนมัติได้ช่วยให้อุตสาหกรรมทุกประเภทสร้างนวัตกรรมได้เร็วขึ้นมาก แต่ยังคงมีความสามารถของเทคโนโลยีอีกมากที่เราสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้แต่ยังไม่มีการนำมาใช้ technical preview ของ Ansible Lightspeed with IBM watsonx Code Assistant ช่วยให้เราเห็นภาพว่าเมื่อเรารวม domain-specific AI เข้ากับไอทีอัตโนมัติแล้ว จะเกิดสิ่งที่เป็นไปได้อะไรขึ้นบ้าง”

Gerry Leitão, leader, Partner and Global Hybrid Cloud Automation, IBM Consulting

“ในระหว่าง technical preview ของ watsonx Code Assistant ที่ใช้กับ Red Hat Ansible Lightspeed เราสังเกตเห็นว่าในช่วงเริ่มแรกสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ระหว่าง 20-45% และเมื่อบริการนี้วางตลาดให้ใช้ได้ทั่วไป (GA) แล้ว เราคาดว่าประสิทธิภาพการทำงานจะเพิ่มมากขึ้นอีก และเราเชื่อว่าจะยังมีความสามารถที่ยังวัดปริมาณไม่ได้ทั้งหมดเพิ่มขึ้นอีกเมื่อถึงปลายทางการใช้งาน หลัง GA แล้วไม่เพียงเรามุ่งเร่งพัฒนา Ansible automations ต่าง ๆ และมุ่งลด time-to-value ให้ลูกค้าเท่านั้น แต่เราตั้งใจจะให้คอนเทนต์มีคุณภาพสูงขึ้นอีก”[3]

Lara Greden, research director, Platform as a Service (PaaS) and Brijesh Kumar, senior research analyst, Cloud Application Development Platforms, IDC

“ระบบอัตโนมัติเป็นหนึ่งในโฟกัสสำคัญที่ทำให้คลาวด์เวนเดอร์ลงทุนเวลาและลงทุนเพิ่มความสามารถให้กับเครื่องมือและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่มีอยู่ การเพิ่มฟีเจอร์ที่ใช้ AI จะช่วยเพิ่มผลประโยชน์และมูลค่าทางธุรกิจให้กับโซลูชันของคลาวด์เวนเดอร์ทั้งหลาย และช่วยให้มีความแข็งแกร่งทางการแข่งขันในตลาด ความสามารถของ AI ที่อยู่ใน Red Hat Ansible Lightspeed ช่วยให้เร้ดแฮทสามารถโฟกัสไปที่การช่วยลูกค้าแก้ไขปัญหาหนัก ๆ ได้”[4]

[1] IDC FutureScape: Worldwide IT Industry 2023 Predictions, Doc #US49563122, Oct 2022

[2] IDC, Generative AI: The Path to Impact, Doc #EUR151153223, Aug 2023

[3] IBM Consulting, Transforming the way developers learn and work, Oct 2023

[4] IDC, Red Hat’s Focus on Serving Developers and Being the Platform for the AI-Everywhere Future, Doc #US50790123, Jun 2023

Alibaba Cloud Showcases Leading AI Initiatives at Apsara Conference

อาลีบาบา คลาวด์ โชว์งานสร้างสรรค์ด้าน AI ล้ำสมัย ณ งาน Apsara Conference

Alibaba Cloud Showcases Leading AI Initiatives at Apsara Conference

Alibaba Cloud, the digital technology and intelligence backbone of Alibaba Group, showcased an array of industry-specific AI models at its annual flagship tech event Apsara Conference. These advancements are built upon Tongyi Qianwen, the company’s proprietary foundation model, and are designed to streamline business operations and enhance user experiences.

Additionally, the cloud pioneer unveiled a multitude of AI innovations, including a digital avatar creation tool and AI text-to-image tools. These advancements aim to simplify the process of digital content creation for businesses across sectors.

Here’s an overview of the prominent AI innovations presented by Alibaba Cloud during the Apsara Conference: 

  1. Character Creation & AI Chat Model (Tongyi Xingchen): This model facilitates engaging, human-like interactions with virtual characters. It enables users to create their own characters and interact with them for personality-driven companionship, emotional support, and entertainment.

  2. Reading AI Model (Tongyi ZoneWit): This AI model comprehends documents and share knowledge easily, helping users boost their work efficiency. Users can upload documents in various formats and the assistant will summarize, extract information, and answer related questions in either Chinese or English.
  3. Customer Support AI Model (Tongyi Xiaomi): A vertical model designed for customer service scenarios. With improved capabilities in natural language understanding, analytics, and inference, the model comprehends customer intentions and delivers appropriate responses accordingly. Several large banking and insurance enterprises have already integrated this model to enhance their customer support systems.
  4. Programming AI Model (Tongyi Lingma): This model aids developers in code generation, code explanation and code search. It can auto-complete codes, recommend changes and convert codes written in one programming language to another. This tool facilitates code development in a cost-effective and efficient way.
  5. Healthcare AI Model (Tongyi Renxin): Equipped with comprehensive medical knowledge, this model serves as an intelligent healthcare assistant offering personalized health advice. It can comprehend medical reports, identify health issues through user interactions, and provide advice accordingly.
  6. Legal AI Model (Tongyi Farui): Designed to help legal professionals increase their work productivity, this model can perform various tasks including legal research, answering law-related inquiries, providing analysis on litigation cases, and drafting legal documents.
  7. Finance AI Model (Tongyi Dianjin): Pre-trained with a variety of financial information, this model can answer finance-related questions, extract key points from financial reports and analyses, and generate draft financial reports and charts, simplifying finance-related tasks for users. The model can manage complex and multiple queries through the cooperation of its LLM agents. 
  8. Virtual Character Generation Tool: Built upon Tongyi Wanxiang, Alibaba Cloud’s foundation model for AI image generation, this AI tool makes creating virtual character much easier. For example, merchants can create a virtual character in certain styles based on text or image prompts, and then generate product photographs with the virtual characters for product promotions. 
The virtual character generation tool helps e-commerce merchants create product images
The virtual character generation tool helps e-commerce merchants create product images

9. Sketch-to-Stylist Picture Tool: This tool transforms rough sketches into colored images in a variety of styles, including oil painting, watercolor painting, and anime art, making art creation easier and encouraging creative innovation.
10.
Digital Avatar Creation Tool: This tool simplifies the process of digital avatar creation. By extracting facial features from a three-minute video of an individual, it creates an animated avatar through 3D modeling. This tool aids businesses in creating unique digital avatars, which can be used to enhance customer engagement on e-commerce platforms.

อาลีบาบา คลาวด์ โชว์งานสร้างสรรค์ด้าน AI ล้ำสมัย ณ งาน Apsara Conference

อาลีบาบา คลาวด์ โชว์งานสร้างสรรค์ด้าน AI ล้ำสมัย ณ งาน Apsara Conference

อาลีบาบา คลาวด์ โชว์งานสร้างสรรค์ด้าน AI ล้ำสมัย ณ งาน Apsara Conference

อาลีบาบา คลาวด์ ธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และหน่วยงานหลักด้านอินเทลลิเจนซ์ของอาลีบาบา กรุ๊ป จัดแสดง AI โมเดลที่เจาะจงเฉพาะด้านสำหรับธุรกิจในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่งาน Apsara Conference ซึ่งเป็นงานเทคโนโลยีสำคัญประจำปีของบริษัทฯ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเหล่านี้ต่อยอดจาก Tongyi Qianwen (ทงอี้ เชียนเวิ่น) ซึ่งเป็นโมเดลพื้นฐานของอาลีบาบา คลาวด์ และออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ และเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้ผู้ใช้งาน

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเปิดตัวนวัตกรรมด้าน AI อันหลากหลาย รวมถึงเครื่องมือสร้างอวทาร์ดิจิทัล และเครื่องมือ AI text-to-image โดยมีจุดประสงค์เพื่อลดความซับซ้อนในกระบวนการสร้างดิจิทัลคอนเทนต์ให้กับธุรกิจทุกภาคส่วน

อาลีบาบา คลาวด์ นำเสนอนวัตกรรม AI ที่โดดเด่น ณ งาน Apsara Conference ดังนี้

  1. โมเดลสำหรับสร้างตัวละครเสมือนและโมเดลการแชทด้วย AI (Tongyi Xingchen: ทงอี้ เซี่ยงเชิน): โมเดลนี้ช่วยให้ทำการโต้ตอบที่เหมือนมนุษย์และมีเสน่ห์ได้อย่างง่ายดายผ่านตัวละครเสมือน ช่วยให้ผู้ใช้งานสร้างตัวละครเสมือนด้วยตัวเองและโต้ตอบกันด้วยมิตรภาพที่ขับเคลื่อนด้วยบุคลิกภาพ การสนับสนุนด้านอารมณ์ และความบันเทิง
  2. โมเดล AI สำหรับการอ่าน (Tongyi ZoneWit: ทงอี้ โซนวิท): โมเดล AI นี้มีความเข้าใจเอกสารต่าง ๆ และสามารถแชร์ความรู้ได้ไม่ยุ่งยาก ช่วยให้ผู้ใช้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยผู้ใช้สามารถอัปโหลดเอกสารต่าง ๆ ในหลากหลายรูปแบบ และโมเดลนี้จะสรุป ดึงข้อมูล และตอบคำถามที่เกี่ยวข้องเป็นภาษาจีนหรือภาษาอังกฤษ
  3. โมเดล AI สำหรับงานสนับสนุนช่วยเหลือลูกค้า (Tongyi Xiaomi: ทงอี้ เซี่ยวมี่): โมเดลเฉพาะทางที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับสถานการณ์ต่าง ๆ ด้านการให้บริการลูกค้า โมเดลนี้เพิ่มประสิทธิภาพด้านความเข้าใจ การวิเคราะห์ และการอนุมานภาษาธรรมชาติ จึงเข้าใจความตั้งใจของลูกค้าและตอบสนองได้อย่างเหมาะสมตามความต้องการนั้น ๆ ทั้งนี้มีธุรกิจธนาคารและประกันภัยขนาดใหญ่หลายแห่งนำโมเดลนี้ไปใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ระบบการสนับสนุนช่วยเหลือลูกค้าของตนแล้ว
  4. โมเดล AI สำหรับการเขียนโปรแกรม (Tongyi Lingma: ทงอี้ หลิงมา): โมเดลนี้ช่วยนักพัฒนาซอฟต์แวร์สร้างโค้ด อธิบายโค้ด และค้นหาโค้ด สามารถเติมโค้ดให้สมบูรณ์ได้อัตโนมัติ แนะนำสิ่งที่ควรเปลี่ยนแปลง และแปลงโค้ดที่เขียนด้วยภาษาโปรแกรมหนึ่งไปเป็นภาษาโปรแกรมอื่นได้ ซึ่งช่วยให้สามารถพัฒนาโค้ดได้ด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่าใช้จ่าย
  5. โมเดล AI ด้านการดูแลสุขภาพ (Tongyi Renxin: ทงอี้ เหรินซิน): โมเดลนี้ครบครันด้วยความรู้ทางการแพทย์ที่ครอบคลุม ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะด้านการดูแลสุขภาพ ให้คำแนะนำด้านสุขภาพเฉพาะรายบุคคล ทั้งยังสามารถเข้าใจรายงานทางการแพทย์ ระบุปัญหาสุขภาพผ่านการโต้ตอบกับผู้ใช้และให้คำแนะนำได้
  6. โมเดล AI ด้านกฎหมาย (Tongyi Farui: ทงอี้ ฟ่ารุ่ย): โมเดลนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย สามารถทำงานได้หลากหลาย เช่น การวิจัยด้านกฎหมาย การตอบคำถามที่เกี่ยวกับกฎหมาย วิเคราะห์คดีความ และร่างเอกสารทางกฎหมาย
  7. โมเดล AI ด้านการเงิน (Tongyi Dianjin: ทงอี้ เตี่ยนจิ้น): โมเดลนี้ได้รับการพรีเทรนด์ด้วยข้อมูลทางการเงินหลากหลาย สามารถตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับการเงิน แยกแยะประเด็นสำคัญต่าง ๆ จากรายงานและบทวิเคราะห์ทางการเงิน และสร้างแบบร่างรายงานและชาร์ทด้านการเงิน ช่วยลดความซับซ้อนของงานด้านการเงินให้กับผู้ใช้ ทั้งยังสามารถจัดการการสืบค้นที่ซับซ้อนและหลายรายการผ่านการทำงานร่วมกับ LLM agents ของโมเดลเอง
  8. เครื่องมือสร้างตัวละครเสมือน: เครื่องมือนี้สร้างจาก Tongyi Wanxiang (ทงอี้ ว่านเซี่ยง) ซึ่งเป็นโมเดลพื้นฐานสำหรับการสร้างภาพด้วย AI ของอาลีบาบา คลาวด์ โดยเครื่องมือ AI นี้ทำให้การสร้างตัวละครเสมือนง่ายขึ้นมาก เช่น พ่อค้าสามารถสร้างตัวละครเสมือนในสไตล์ต่าง ๆ ตามคำสั่งข้อความหรือรูปภาพที่ป้อนเข้าไป จากนั้นสร้างภาพสินค้าที่มีตัวละครเสมือนเพื่อส่งเสริมการขายสินค้า
เครื่องมือสร้างตัวละครเสมือน ช่วยผู้ประกอบการอี-คอมเมิร์ซสร้างรูปภาพสินค้า
เครื่องมือสร้างตัวละครเสมือน ช่วยผู้ประกอบการอี-คอมเมิร์ซสร้างรูปภาพสินค้า

9. เครื่องมือ Sketch-to-Stylist Picture: เครื่องมือนี้แปลงภาพสเก็ตคร่าว ๆ ให้เป็นรูปภาพสีหลากหลายสไตล์ รวมถึงภาพวาดสีน้ำมัน ภาพวาดสีน้ำ และศิลปะอะนิเมะ ช่วยให้สร้างสรรค์งานศิลปะได้ง่ายขึ้น และส่งเสริมนวัตกรรมด้านงานสร้างสรรค์
10.
เครื่องมือสร้างอวทาร์ดิจิทัล: เครื่องมือนี้ช่วยให้การสร้างอวทาร์ดิจิทัลง่ายขึ้น สามารถสร้างอวทาร์แบบเคลื่อนไหวผ่านแบบจำลอง 3 มิติจากการแยกแยะลักษณะใบหน้าของแต่ละบุคคลจากวิดีโอความยาวสามนาที ทั้งยังช่วยให้ธุรกิจสร้างอวทาร์ดิจิทัลที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของตนและใช้เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมบนแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซมากขึ้น